คุณเสาวณีย์ เธียรพิบูลย์ รับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนแม่เมาะวิทยา จังหวัดลำปาง เล่าว่า
แต่เดิมมีความเลื่อมใสหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญอยู่แล้ว เพราะขณะที่ป่วยอยู่ เคยฝันเห็น ท่านมาต่อว่า ท่านบอกว่า เวลาเป็นอะไร ทำไมไม่นึกถึงหลวงพ่อ และคุณเสาวนีย์ก็ได้ไป กราบศพหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ที่วัดปากนํ้ามาแล้ว
จากนั้นไม่ได้สนใจอะไรมาก จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๔๐ งานพิเศษที่ทำอยู่มีอุปสรรค ทำให้มีหนี้สินค่อนข้างมาก และแก้ปัญหาผิดวิธี จึงยิ่งมีหนี้สินเพิ่ม ราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ฝันเห็นหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ อีกครั้งหนึ่ง เหมือนท่านมาเตือน ให้ปฏิบัติธรรม
จึงได้ไปปฏิบัติธรรมที่บ้านคุณปฐพิญญา เล็กวิชัย ซึ่งมีพระอาจารย์จากวัดพระธรรมกาย มาให้การแนะนำวิธีการปฏิบัติธรรม เมื่อคุณเสาวณีย์ ได้รับความสุขจากการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม จึงชวนสามีไปรับการอบรมด้วย ทำให้สามีเป็นคนดีขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ ครอบครัว ที่เกือบจะแตกแยก จึงเป็นปกติตามเดิม
เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ได้มาที่วัดพระธรรมกาย มีความศรัทธาเต็มเปี่ยม และอยากสร้างองค์พระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์มาก จึงอธิษฐานขอพรพระมหาสิริราชธาตุ ให้ได้ค่านายหน้าจากงานพิเศษเพื่อทำบุญ และที่สุดเป็นผลสำเร็จขึ้นมา ได้เงินมา ๒ หมื่นบาท มีผู้ใจบุญ ร่วมสมทบอีก ๑ หมื่นบาท ทำให้สามารถทำบุญสร้างพระแกนกลางบูชาคุณหลวงพ่อ วัดปากนํ้า ภาษีเจริญได้ทันที ทั้งยังมีเงินเหลือ อีกส่วนหนึ่ง ทำบุญสร้างพระประจำตัวให้ตนเอง ภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์อีก ๑ องค์
เมื่อได้ฟังพระอาจารย์พูดถึงอานิสงส์ของการเป็นผู้นำบุญ คุณเสาวณีย์ ก็ปรารถนาจะเป็นบ้าง จึงอธิษฐานขอพรพระมหาสิริราชธาตุ สวดสรรเสริญท่านถึง ๑๐๘ จบ สวด จนถึงเวลาตี ๒ พอวันรุ่งขึ้นไม่ต้องไปชวนใครทำบุญเลย มีคนมาขอทำบุญถึงโต๊ะทำงานทีเดียว ได้ถึง ๑๔ องค์ ได้รับพระคะแนนสุด สุด ตามที่อธิษฐาน
คุณเสาวณีย์มีความสุขใจมาก ที่บ้านของเธอได้เป็นครอบครัวธรรมกาย แม้แต่ลูกชายตัวน้อย ก่อนนอนก็ต้องให้พ่อหรือแม่ กล่อมด้วยการ บอกว่า เอ่ เอ้ เพลงพระนะคุณแม่ คือบทสวดสรรเสริญนั่นเอง ทุกอาทิตย์ต้นเดือนทั้งครอบครัวจะพากันไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย
ส่วนเจ้าหนี้ที่ไม่เคยเห็นอกเห็นใจ ก็ยอมผ่อนปรนให้โดยไม่ต้องขอร้อง ขณะนี้คุณเสาวณีย์ กำลังตั้งใจทำหน้าที่ผู้นำบุญ ชวนผู้คนทำบุญ สร้างพระธรรมกายประจำตัวอย่างเต็มที่