อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๑๐๖.เปลี่ยนแปลงให้มีนิสัยดีขึ้น

คุณจิตติมา มานะไชยรักษ์ โทรศัพท์ ๓๑๘-๗๓๕๕ เล่าว่า

เธอเข้าวัดพระธรรมกายตั้งแต่เด็กๆ เพราะบิดา มารดา เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ครอบครัว ในการสร้างมหาทานบารมี

ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาเท่าอายุของคุณจิตติมา ได้เห็นสาธุชนหลั่งไหลมาประกอบคุณงามความดีที่วัดพระธรรมกายมากมาย จนกระทั่ง มีงานบุญใหญ่สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งเมื่อสร้างพระธรรมกายประจำตัวแล้ว จะได้รับพระมหาสิริราชธาตุเป็นพระของขวัญ เพื่อตามระลึกถึง พระรัตนตรัย และบุญกุศลที่ตนเองได้กระทำไว้แล้ว คุณจิตติมาย่อมไม่พลาดบุญใหญ่นี้ โดยได้สร้างพระธรรรมกายประจำตัวไว้แล้ว

เมื่อได้รับพระมหาสิริราชธาตุมาบูชาแล้ว สังเกตเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ไปหลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เช่น

แต่เดิมนั้น ก่อนเข้านอนพยายามทำสมาธิทุกคืน แต่บางครั้งเหนื่อยบ้างเพลียบ้าง ทำให้หลับไปโดยลืมนั่งสมาธิอยู่เสมอ การฝึกสมาธิ ด้วยตนเองจึงไม่ใคร่ต่อเนื่อง แม้บ่อยครั้งพยายามตั้งใจที่สุด ก็ยังเผลอหลับไปจนได้

หลังจากรับพระมหาสิริราชธาตุมาแล้ว มีการเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน จะเพลียหรือจะง่วงเพียงใด ก็นอนหลับเลยไม่ได้ ต้องทำสมาธิทุกคืน ไม่มีเว้น จิตใจจะคอยสั่งร่างกายอยู่เสมอ อนไม่ได้ ถ้ายังไม่ทำสมาธิ ทุกคืนจึงสามารถ ทำสมาธิและแผ่เมตตาก่อนนอน ไม่เคยขาด ทำให้หลับ อย่างสบาย ไม่มีอะไรกังวล

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องการทำบุญถวายข้าวพระ ในวันงานบุญอาทิตย์ทุกต้นเดือน ซึ่งเป็นบุญใหญ่ และมีอานิสงส์มาก พระเดชพระคุณ หลวงพ่อธัมมชโยเป็นผู้แสดง พระธรรมเทศนาและให้ทำสมาธิก่อนกล่าวถวายข้าวพระ เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ สาธุชนให้มีศรัทธาบริสุทธิ์ เพื่อรองรับ บุญกุศลใหญ่

คุณจิตติมายืนยันว่า ทุกครั้งที่ฟังคำเทศน์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มักจะเผลอหลับเนื่องจากคืนวันเสาร์ต้องนอนดึก เพราะต้องเตรียม สิ่งของต่างๆ ในการทำบุญ พอฟังเสียงอ่อนโยนสุภาพไพเราะของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จึงเหมือนกล่อมให้หลับไปโดยเร็ว

ครั้นเมื่อได้พูดคุยกับอากิ๋ม (น้าสะใภ้) อากิ๋มชี้แจงว่า ธรรมะที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเทศน์ทุกครั้งมีค่ามาก ทุกคำพูดมีความหมาย หากใครมีปัญหาใด ในเวลานั้นให้อธิษฐานจิตถามท่าน จะได้คำตอบจากท่านทันทีเป็นอัศจรรย์ คุณจิตติมารู้สึกเสียดาย เพราะมาวัด ทุกวันอาทิตย์ ต้นเดือน แต่กลับได้ประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตั้งใจทุกครั้งว่า ต้องไม่หลับ ที่สุดแล้วก็ยังเผลอหลับจนได้

จึงจะพยายามแก้ไขใหม่ ครั้งนี้สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุแล้ว อธิษฐานจิตขอพรท่านว่า ลูกมาวัดทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน มีความตั้งใจ สร้างบุญกุศลเต็มที่ ลูกไม่อยากเผลอหลับขณะฟัง พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์เลย ลูกอยากได้ยินทุกถ้อยคำของหลวงพ่อ เพื่อจะนำมาปฏิบัติ ให้เกิดคุณงามความดีกับชีวิตนี้ของลูก ขออานุภาพบุญบารมีพระมหาสิริราชธาตุช่วยดลบันดาล ให้ลูกมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวอยู่เสมอ ได้ฟังคำสอน ที่มีค่าโดยตลอด

ตั้งแต่อาทิตย์ต้นเดือนที่อธิษฐานครั้งนั้น ตลอดจนเดือนต่อๆ มา คุณจิตติมาฟังเทศน์ได้ตลอด ไม่เคยเผลอหลับอีกเลย สามารถจดจำ ได้ทุกคำพูด และตระหนักถ่องแท้ว่าเป็นคำสอนที่มีค่ามหาศาลประมาณไม่ได้ รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ไม่หลับ และจำคำสอนได้ แล้วยังนำมาปฏิบัติ ตามคำสอนได้สำเร็จด้วย เกิดความสุขภายในใจยิ่งนัก กล่าวตอนจบไว้ว่า ยากจะบอกกับกัลยาณมิตร ทุกท่านที่ได้พบเหตุการณ์ทำนองนี้ ให้อธิษฐานจิตกับองค์พระมหาสิริราชธาตุด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้า จะได้รับผลเป็นอัศจรรย์

เรื่องฟังเทศน์หลับ หรือทำสมาธิหลับ ดูจะเป็นโรคติดต่อสำหรับทุกคน ไม่ว่าเพศ วัยใดๆ ซึ่งแม้การหลับจะไม่ใช่เรื่องผิดศีล ไม่เป็น บาปกรรมโดยตรง แต่เกิดผลเสียอย่างยิ่ง ตรงที่สร้างความเคยชินให้เกิดแก่ตนเอง ปล่อยให้เผลอ สติบ่อยๆ ต่อไปไม่ต้องปล่อย ก็จะทำเอง โดยอัตโนมัติ

นอกจากทำให้เกิดความเคยชินแล้ว ความหลับยังให้ผลเสียแก่เจ้าตัว อีกหลายอย่าง ถ้าหลับขณะอยู่กลางสาธารณชน ก็เป็นภาพที่ไม่น่าดู ใครเห็นอาจจะโดนตำหนิ เช่นการเห็นนักการเมืองนั่งหลับขณะกำลังประชุมในสภา เป็นต้น

ข้อเสียที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม คือการไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ไม่ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เช่นตัวอย่าง นั่งหลับ ฟังเทศน์ ย่อมไม่รู้ว่า หลวงพ่อสอนเรื่องอะไร ดังรายผู้เล่าเรื่อง จิตใจต้องมีความเข้มแข็งเป็นที่ตั้ง สิ่งที่จะทำลายจิตใจ ไม่ให้สร้างคุณความดี สำเร็จ มีอยู่ ๕ อย่าง คือ

๑.ความรู้สึกพอใจในกามคุณทั้งปวง หลงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ใจคอยวนเวียนคิดแต่เรื่องเหล่านี้

๒.การคิดเจ็บแค้น ผูกพยาบาทอาฆาตจองเวร ในคนที่เกลียดชังโกรธเคืองกันอยู่

๓.การง่วงเหงาหาวนอน ใจคอหดหู่ซึมเซา ไม่กระปรี้กระเปร่า ใจอ่อนเพลียหมดกำลัง ซังกะตายอยู่

๔.ความคิดฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมทั้งความรำคาญใจตนเอง และรำคาญผู้อื่น

๕. ความลังเลสงสัยโดยขาดเหตุผลไปเสียหมด กลายเป็นคนเชื่อยาก คนดื้อดึง

ความคิดความรู้สึกทั้ง ๕ อย่างนี้ เป็นอุปสรรคหรือข้าศึกของการประกอบกุศลกรรมทั้งปวง ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ เรียกชื่อสิ่งเหล่านี้ว่า นิวรณธรรม แปลว่าธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี เป็นอาวุธสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งสำหรับฝ่ายมาร ใช้กักขังผูกจองให้เรา ตกเป็นบ่าวเป็นทาส ตลอดกาล

การคิดพ้นอำนาจที่จองจำเราไว้ในภพ ๓ ต้องเอาชนะอุปสรรคทั้ง ๕ ดังกล่าวก่อน นอกจากนั้น ยังมีสิ่งขวางกั้นการทำความดี อีกหลาย ประการ ที่พบเห็นกันอยู่เช่น การจนทรัพย์ อับปัญญา มิจฉาทิฏฐิ สติไม่ดี ไม่มีกัลยาณมิตร ทำแต่เรื่องผิดศีล เหล่านี้เป็นต้น

-การจนทรัพย์ ทำให้ต้องเสียเวลาทำมาหากิน จนไม่มีเวลาว่าไปประกอบกุศลใดๆ หรือมีเวลาว่างแต่ก็ไม่มทรัพย์ ทำบุญทำทาน

-อับปัญญา ไม่มีปัญญารู้ตามความจริงว่า ชีวิตคือการเกิดมาสร้างบารมี เพื่อเลิกเกิด จึงไม่เห็นบุญกุศลสำคัญ

-มิจฉาทิฏฐิ มีความเชื่อผิดจากความจริง เช่น เชื่อว่าตายแล้วสูญ จึงไม่รู้จะทำความดีไปทำไม

-สติไม่ดี เรียกว่าเป็นอภัพพสัตว์อยู่แล้ว คนบ้า ทำประโยชน์อะไรให้ชีวิตตนเองและผู้อื่นไม่ได้เลย

-ไม่มีกัลยาณมิตร ไม่มีใครแนะนำตักเตือน สั่งสอนอบรม ให้รู้อะไรควรทำ อะไรควรเว้น เกิดเปล่าตายเปล่า

-ทำแต่เรื่องผิดศีล คนที่หมดมุ่นในการประกอบบาปกรรม มักไม่ยอมรับความดีงาม เพราะจะทำชั่วไม่สนุก

ด้วยเหตุนี้ใครก็ตาม สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างเหล่านี้สำเร็จ ถือว่าเป็นผู้มีโชคลาภที่วิเศษยิ่งของชีวิต ยังได้มา พบการร่วมกันประกอบงานมหากุศลใหญ่ สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่งโลก ยิ่งเหมือนพบโชคลาภวิเศษสุดทับทวี สุดที่จะประมาณอานิสงส์อันไพศาลได้โดยแท้ทีเดียว


[สารบัญ] [๑๐๔] [๑๐๕] [๑๐๖] [๑๐๗] [๑๐๘] [๑๐๙] [๑๑๐]