คุณสุจินตนา ชูชัยศรี เป็นเจ้าของโรงงาน ผลิตประตูหน้าต่าง อยู่กรุงเทพฯ เล่าว่า
เข้าวัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖ เนื่องจากลูกชายมาบวชเป็น ยุวธรรมทายาท ในงานฉลองครบ ๑๐๐ ปีของ โรงเรียนอัสสัมชัญ เวลานั้น ยังไม่นึกศรัทธา การทำงานของวัด แต่พอใจ ความสงบสำรวม ของพระภิกษุ จึงขับรถจากบ้าน ที่รามอินทรากิโลเมตร ๔ มาที่วัด พระธรรมกาย เพื่อตักบาตรทุกเช้า ระยะทางไปกลับราว ๗๐ กิโลเมตร ทำเป็นประจำอยู่ ๔ ปี แม้วันที่ฝนตก ก็ไม่เคยเว้น กางร่มใส่บาตร ก็ยอม ทำบุญด้วยการใส่บาตรทุกเช้าดังนี้ ต่อมาจึงทดลองมาปฏิบัติธรรมที่วัด เมื่อฟังหลวงพ่อสอน ก็ฟังไม่เข้าใจ
กระทั่งย่างเข้าปีที่ ๕ มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ชวนไปปฏิบัติธรรม กับหมู่คณะที่เชียงใหม่ ก็ยังไม่สนใจ ออกพาลรำคาญด้วยซ้ำ แต่แล้ว มาถึงระยะหนึ่ง ก็พลั้งปากบอกไปว่า ช่วงนั้นว่าง เจ้าหน้าที่วัด ก็โทรศัพท์ไปที่บ้าน ชวนไปปฏิบัติธรรม ที่เชียงใหม่ทันที คุณสุจินตนา ได้พูด บ่ายเบี่ยงว่า นั่งรถบัสไม่เป็น ทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า มีเที่ยวบินเที่ยว ๗ โมงเช้า จึงต้องตอบตกลง
เมื่อนั่งเครื่องบิน ไปแล้ว คิดว่าหากไม่มีคนมารับ ก็จะกลับกรุงเทพฯทันที พอดีมีเจ้าหน้าที่มารับ จึงจำต้องไปด้วย
ไปที่สถานปฏิบัติธรรมสวนพนาวัฒน์ ครั้นไปถึงที่นั่นเห็นคนนั่งสมาธิกันเต็มห้อง จึงตามเข้าไปนั่งอยู่ด้านหลังห้อง นั่งนิ่งๆ สบายๆ เหมือนมาพักผ่อน ไม่ได้ตั้งใจอะไรมาก พอพระอาจารย์สอน ก็ทำตามคำพูดของท่าน ก็สามารถทำตาม ได้อย่างง่ายๆ เอาใจเข้ากลางได้เลย คำสอนอะไรๆ ของหลวงพ่อ ที่เคยนึกเถียงไว้ในใจ ในเวลาที่ปฏิบัติธรรมเข้าถึงนั้น ก็เข้าใจได้หมดทุกอย่าง
จากนั้นจึงเริ่มเข้าวัดอย่างจริงจัง และก็ยังมาใส่บาตรอยู่ทุกเช้า เหมือนที่เคย ปฏิบัติมา ได้ประสบอุบัติเหตุ และรอดมาได้ราว ปาฏิหาริย์ คือ
เมื่อเช้าวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ ราว ๖ โมงเช้า ขณะที่ขับรถ เพื่อมาใส่บาตรตามปกติ ขับรถมาด้วยความเร็วราวๆ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถนนโล่งมาก มีพระมหาสิริราชธาตุ ห้อยอยู่ที่คอ จึงสวดสรรเสริญ ซึ่งปกติได้กระทำอยู่เสมอๆ ขณะที่กำลังสวดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้น ก็มีรถคันหนึ่ง พุ่งมาเลี้ยวกลับรถ ตัดหน้า และชนเข้าที่ล้อหน้าข้างขวา ทำให้รถเสียหลัก ล้อหักและ เบรคแตกทันที
ร่างกายถูกแรงกระแทก ทำให้ดวงตามืดไปชั่วขณะ มองอะไรไม่เห็น แต่ยังมีสติดีอยู่ จึงใช้มือสาวพวงมาลัย มาทางขวามือสุดกำลัง เพราะ รถกำลังจะตกถนน ไปอยู่ที่ทางเท้าแล้ว ขณะที่รถกระแทกเข้ากับทางเท้า ล้อข้างซ้ายหักอีก ๒ ข้าง แล้วรถก็เหวี่ยงตัวกลับมา ล้อข้างขวา ที่เหลืออยู่ ก็หักเป็นล้อสุดท้าย ข้างๆ รถบุบยุบเข้าไปตลอดแนว
เมื่อรถหยุดสนิทลงได้ ดวงตาจึงเริ่มมองเห็น จึงต้องมุดออกทางรอยแตก ของกระจกประตู หน้าด้านซ้าย พอออกมาจากตัวรถได้ ก็จ้าง รถมอเตอร์ไซค์ ไล่ตามเด็กวัยรุ่น ที่ขับรถชน แต่เมื่อตามทัน เขากลับขับรถ พยายามจะไล่ชนซ้ำอีก กะจะเอาให้ถึงตาย ตำรวจมาช่วย ก็ยังจะ ขับรถไล่ชนตำรวจด้วย คงคิดจะฆ่าทิ้งทั้งคู่แล้วหนี ปรากฏว่า เป็นเด็กวัยรุ่นลักษณะเมาสุรา หรือเมายาเสพติด ขับรถแบบขาดสติ กำลังจะรีบ เอารถไปคืนมารดา ซึ่งรออยู่จะออกจากบ้าน ไปสอนหนังสือ
ในที่สุดตำรวจก็จับได้ โดยใช้วิธีตั้งด่านสกัดจับ คุณสุจินตนาคิดว่า เธอคงมีเวรกรรมในอดีต กับเด็กคนนี้ จึงบอกตำรวจว่า ขอยกโทษให้ ไม่เอาความ ตำรวจถึงกับงงมาก เธอคิดในใจว่า เวลานี้เธอเข้าวัดแล้ว ได้ศึกษาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรม จึงทำใจได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน สมัยที่ยัง ไม่เข้าวัด เธอคงไม่ปล่อยเด็กคนนี้ไว้แน่
ใครๆ เห็นรถของเธอแล้ว แม้แต่ช่างที่อู่ซ่อมรถ ต่างพูดกันว่า คนขับไม่น่ารอดชีวิตทั้งนั้น แต่ตัวเธอไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่นิดเดียว รอย ขีดข่วน ก็ไม่มีแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ในตัวเธอ มีแต่เศษกระจก ติดตั้งแต่ศีรษะ ในตัวเสื้อ และกางเกง แต่เศษกระจก ไม่ทำอันตรายเลย แม้สัก นิดเดียว คุณสุจินตนา เชื่อมั่นในอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุมาก
รายคุณสุจินตนานี้น่าชื่นชมเป็นที่สุด อดทนขับรถทุกๆ เช้า วันละ ๗๐-๘๐ กิโลเมตรมาใส่บาตรเป็นเวลาถึง ๔ ปี ฝนตกฟ้าร้อง ก็ไม่ ยอมหยุด ไม่ใช่สร้าง บารมีธรรมดาแล้ว ขับเสี่ยงชีวิตดังนี้ เท่ากับ ปรมัตถทานบารมีเลยทีเดียว
ตัวอย่างความรู้สึกนึกคิด ของคุณสุจินตนาที่ประทับใจ ความสำรวมเรียบร้อย ของพระภิกษุ แสดงว่า ศีลาจารวัตรของพระนั้น มี ประโยชน์ อย่างยิ่ง สามารถน้อม นำจิตใจ ผู้ที่พบเห็น ให้เกิดความเลื่อมใส ศรัทธา มากขนาดนี้ การปฏิสันถารของพระ ที่มีต่อญาติโยม เป็น ที่ตั้งของศรัทธาอย่างยิ่ง
อีกเรื่องหนึ่ง พระภิกษุรูปหนึ่งทราบว่า คุณสุจินตนามาใส่บาตรทุกเช้า เป็นปีๆ จึงถามถึงระยะทางที่ขับรถมา เมื่อได้รับคำตอบ ท่าน พูดว่า บ้านอยู่ไกลนะ แต่ก็ไม่ยาวเท่าระยะทาง ของวัฏฏสงสาร คุณสุจินตนาฟังครั้งแรก ไม่เข้าใจอะไรเลย ต่อมา เมื่อศึกษา และได้ปฏิบัติ ธรรม มีความรู้มากขึ้น จึงรู้สึกประทับใจมาก จดจำหลวงพี่รูปนั้น ได้อย่างแม่นยำ
ในสัมมาทิฐิ ๘ ประการมีว่า เห็นว่าทานเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ การบูชาสิ่งที่ควรมีประโยชน์ การเชื้อเชิญต้อนรับมีประโยชน์ การทำดี ทำชั่ว จะมีผลตามมา ภพชาตินี้ และภพชาติหน้ามี ทำดีทำชั่ว ต่อบิดามารดามีผล สัตว์ที่เกิดเป็นตัวโตใหญ่ได้ในทันที เช่น สัตว์นรก เทวดา มีอยู่จริง และสมณพราหมณ์ ที่รู้แจ้งในโลกนี้โลกหน้า สามารถสอนผู้อื่นได้นั้น มีอยู่
จะเห็นว่า ความตระหนักใน การให้ทาน เป็นข้อหนึ่งในสัมมาทิฐิ ๘ ประการ ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงไม่ควรละเลย การกระทำในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ การสั่งสมทานกุศล แม้แต่พระโพธิสัตว์ ยังเริ่มต้น การสร้างทานบารมี เป็นอันดับแรก เพื่อจะได้มีเสบียงบุญ เอื้ออำนวย ในการสร้าง บารมีทุกภพทุกชาติ ได้อย่างสะดวก
[สารบัญ] [๒๑๙] [๒๒๐] [๒๒๑] [๒๒๒] [๒๒๓] [๒๒๔] [๒๒๕]
[๒๒๖] [๒๒๗] [๒๒๘] [๒๒๙] [๒๓๐] [๒๓๑] [๒๓๒] [๒๓๓] [๒๓๔] [๒๓๕] [๒๓๖]