คุณจริยา โซ่เงิน ทำงานอยู่ที่ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าว่า
โดยปกติในชีวิตประจำวันของตนเอง ก่อนที่จะออกไปทำงานทุกครั้ง จะสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุก่อน ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด ปกติคุณจริยาจะมีชุดทำงานเป็นกระโปรงอยู่ ๕ ชุด ซึ่งกระโปรงแต่ละตัว จะมีซับในอยู่ในตัว แต่คุณจริยาก็จะใส่ซับในอีก ๑ ตัวทุกครั้ง
ในวันที่เกิดเหตุนั้น ทุกครั้งหลังแต่งตัวเสร็จ ก็จะสำรวจชุดที่ใส่ว่าบางหรือไม่ ในวันนั้นเมื่อแต่งตัวเสร็จ มีความรู้สึกว่า กระโปรงของตน ดูบางๆ ผิดปกติ ทั้งๆ ที่ก็ใส่ซับในเพิ่มอีก ๑ ตัวเหมือนทุกครั้ง คุณจริยาจึงใส่ซับในเพิ่มอีก ๑ ตัว รวมแล้วใส่ซับใน ๒ ตัว บวกกับซับใน ของ กระโปรง รวมเป็น ๓ ตัว จึงมีความรู้สึกมั่นใจขึ้น
เมื่อไปถึงที่ทำงาน ก็มีพี่ที่เป็น นักศึกษาปริญญาโทมาขอให้ช่วยเตรียมสารเคมีให้ ซึ่งมีสารเคมีอยู่ตัวหนึ่งเป็น กรดเข้มข้นสูง ทางเคมี จะเรียกว่า กรดซัลฟุริค ๙๖%(CONC Sulfuric Acid 96%) ซึ่งจะต้องเตรียมใน HOOD (เป็นตู้ที่ใช้ดูดไอพิษ ของสารเคมี ที่เป็นอันตราย) เวลา เตรียม ก็จะต้องเทสารจากบีกเกอร์ (ถ้วยแก้วที่มีพวยเล็กๆ ที่ปากไว้สำหรับเท ใช้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์) ใส่กระบอกตวง ซึ่งก็จะต้องเทใน HOOD บานประตูของเครื่อง HOOD นี้จะเป็นลักษณะเลื่อนขึ้นลง ซึ่งผู้เตรียมจะต้องเลื่อนบานลงมา เพื่อไม่ให้ไอกรดระเหยออกมาด้านนอก
ขณะที่เทกรดจากขวดใส่ในบีกเกอร์ และกำลังจะนำบีกเกอร์ที่มีกรดนำไปเทใส่กระบอกตวงใน HOOD
ในจังหวะนั้นเอง ก้นของบีกเกอร์ไปชนกับประตูของ HOOD ซึ่งอาจจะเป็นเพราะจับบีกเกอร์ไม่แน่น หรือเพราะความแรงที่ไปชนประตู ทำให้บีกเกอร์หลุดจากมือ แล้วคว่ำลง ทำให้กรดหกลงมา คุณจริยาตกใจมาก รีบกระโดดหลบ แต่ก็ไม่พ้น กรดความเข้มข้นสูง หกราดมาที่ แขน และกระโปรงที่ใส่อยู่
ช่วงที่กรดราดใส่นั้น ใจนึกถึงเพียงอย่างเดียวคือ พระมหาสิริราชธาตุ ขออานุภาพของท่าน อย่าให้ถึงกับพิการเลย เพราะกรดเมื่อ โดนกระโปรงนั้น กระโปรงไหม้ และขาดเป็นรูเต็มไปหมด ไหม้ไปถึงซับในตัวที่ ๒ แต่ตอนนั้น ก็มีความรู้สึกว่า จะต้องรีบไปล้างแขนด้วยน้ำ เพื่อเจือจางกรด เมื่อล้างเสร็จ ก็รีบไปเปลี่ยนกระโปรงออก แล้วใส่กางเกงที่ใช้ใส่มาวัด เป็นประจำแทน ซึ่งเป็นความบังเอิญพอดีในวันนั้น เอากางเกงไว้ที่ทำงาน ยังไม่ได้นำกลับ
เมื่อเปลี่ยนเสร็จก็รีบวิ่งไปสถานพยาบาลเพื่อให้หมอล้างแขน ขณะนั้นคุณจริยานึกถึงแต่ว่า ขออานุภาพพระมหาสิริ-ราชธาตุช่วยด้วย อย่าให้เนื้อหรือหนังที่แขนเรา ไหม้หรือเป็นแผลเป็นเลย
เมื่อพยาบาลล้างแขนเสร็จ ก็ใช้ขี้ผึ้งโปะทั่วทั้งแขน แล้วพันผ้าหมดทั้งแขน ลักษณะเนื้อแขนช่วงที่ล้าง และทาขี้ผึ้ง จะเป็นสีแดงๆ เหมือนรอยไหม้ หรือเหมือนแผลที่โดนน้ำร้อนลวกเยอะมาก จึงได้ถามพยาบาลว่า จะเป็นแผลมากไหม พยาบาลก็บอกว่า ไม่ทราบว่า จะเป็น มากหรือไม่ ต้องรอเปิดผ้าพันแผลดูวันพรุ่งนี้ ซึ่งแผลในขณะนั้น มีความรู้สึกว่า แสบและร้อนตลอด
พอถึงวันรุ่งขึ้น ก็ยังไม่กล้าเปิดผ้าพันแผลออกดู เพราะกลัวหนังจะลอก ติดผ้าพันแผลออกมา ซึ่งช่วงที่ยังพันแผลอยู่นี้ ก็จะสวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น สวดบทสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ อยู่เหมือนเดิม และก็อธิษฐานจิต ขออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ช่วยให้ไม่เป็นอะไร มาก ให้แผลหายโดยเร็ว ร
อจนถึงวันที่ ๓ จึงไปหาพยาบาลให้เปิดผ้าพันแผลออกมา เพื่อจะทำความสะอาดแผล และทาขี้ผึ้งใหม่ ปรากฏว่า ไม่น่าเชื่อเลย แผลนั้นเป็นเพียงรอยแดง และมีรอยไหม้จางๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ช่วงที่เปิดผ้า ก็ให้น้องนักศึกษาดูแผล เขาบอกว่า ไม่น่าเชื่อ ที่ไม่เป็นอะไร มาก
พออาจารย์ที่ภาควิชาเห็นก็บอกเหมือนกันเลยว่า ไม่น่าเชื่อว่า ไม่เป็นแผลอะไรมาก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ มีนักศึกษาปริญญาโท โดนกรด ไนตริก หกราดเหมือนกัน และทั้งๆ ที่ มีความเข้มข้นเพียง ๓๗% (Nitric 37%) แต่เป็นแผลไหม้รุนแรง ทั้งเนื้อและหนังหลุด นักศึกษา ปริญญาโทคนนั้น กว่าจะรักษาหายสนิท ต้องใช้เวลาเกือบเดือนครึ่ง และยังเป็นแผลเป็นอีก แต่คุณจริยาใช้เวลารักษา ประมาณ ๑ อาทิตย์ แผลก็หายสนิท หายสนิทจริงๆ ไม่เป็นแผลเป็นเลย แม้แต่นิดเดียว
คุณจริยาเลยมั่นใจมากว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่า จะเป็นความรู้สึกที่อยากจะใส่ซับในเพิ่มอีก ๑ ตัวในวันเกิดเหตุ ซึ่งถ้าไม่ใส่เพิ่ม กรดก็คงไหม้ถึงผิวหนัง และเนื้อด้านใน หรือแผลที่โดนกรดซัลฟุริคเข้มข้นสูง แล้วไม่เป็นอะไรมาก และแผลหายเร็ว อย่างอัศจรรย์นั้น จะต้อง เป็นเพราะอานุภาพของ การสรรเสริญคุณของ พระรัตนตรัย อยู่ทุกวัน และอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุ
และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น คุณจริยายิ่งเชื่อมั่นในอานุภาพบุญ และอานุภาพของพระรัตนตรัย ว่าไม่มีประมาณ และจะช่วยให้ รอดพ้น จากอุปัทวันตรายทั้งปวงได้
รายนี้สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ เป็นกิจวัตรประจำวัน เท่ากับมีพระรัตนตรัย เป็นอนุสติอยู่ทุกวัน คนที่มีใจผูกพัน อยู่ในสิ่งอันเป็นมงคลสูงสุดนี้ แม้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นสิ่งของไว้ติดตัว บุญกุศลก็ย่อมเกิดคุ้มครอง รักษาตนเองอยู่แล้ว ยิ่งมี พระมหาสิริราชธาตุ เป็นของตนเอง นาคเทวา ท่านย่อมดูแลรักษาเต็มที่
ท่านย่อมทราบว่าเวลาใด เจ้าตัวจะประสบเรื่องดีเรื่องร้าย ตามวิบากกรรมเก่าอย่างใดบ้าง ถ้าเป็นเรื่องดีก็แล้วไป ถ้าเป็นเรื่องร้าย หากช่วยให้รอดปลอดภัยไม่ได้ เพราะอกุศลวิบากนั้น หนักเกินกำลัง แต่พอช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ ท่านก็ย่อมช่วย
คุณจริยา ปกติทุกวันก็จะแต่งกาย มีซับในของกระโปรงเพียง ๒ ชั้น ซึ่งก็ถือว่า พอเหมาะสม ก็ทำดังกล่าวแล้วมาทุกวันๆ แต่วันจะต้อง พบอุบัติเหตุ กลับรู้สึกว่าซับใน ๒ ชั้นไม่พอ คิดว่ายังบางอยู่ ต้องเพิ่มอีก ๑ ตัว รวมเป็น ๓ ชั้น ซึ่งคงเป็นเพราะบุญ ที่ทำไว้ดีแล้ว ตามรักษา ทำให้เกิดแรงดลใจ คิดเพิ่มผ้าซับในเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุสารเคมีร้ายแรง หกรดผิวหนังส่วนท่อนขา ซึ่งเป็นบริเวณเนื้อ ที่มีผิวหนังบอบบางมาก จึงปลอดภัย เพราะ สารเคมีทะลุไปถึงผ้าซับในชั้นที่สอง หากนุ่งผ้าเหมือนทุกวัน สารพิษย่อมทะลุถึงเนื้อ ทำอันตรายได้แน่นอน
ส่วนทางท่อนแขน ก็นับว่าเป็นโชคดีที่มีสติ รีบไปสถานพยาบาล และนึกถึงอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระมหาสิริราชธาตุ ขอให้ท่าน ช่วยเหลือ
การนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยมยามคับขัน จิตใจจะมีพลานุภาพอย่างสูงเกิดขึ้น ต่อมบางต่อมในร่างกาย จะทำการผลิตสาร บางอย่างออกมา สามารถป้องกันอันตราย ให้ตนเองได้ อย่างอัศจรรย์ เช่นคนถูกไฟไหม้บ้าน อารามตกใจ สามารถยกสิ่งของหนักๆ ที่ปกติ แล้ว ต้องใช้คน ๓-๔ คนยกถึงจะไหว แล้วขนหนีไฟได้ตามลำพังคนเดียว
เมื่อคุณจริยาตกใจสุดขีด ก็เป็นทำนองเดียวกัน ร่างกายของตนเอง ก็ต้องช่วยเหลือตนเองเต็มที่ รวมทั้งอนุสติที่นึกถึงคุณของ พระรัตนตรัย อยู่เนืองนิจ ทำให้มีอันตรายไม่ร้ายแรง ดังที่เกิดกับคนอื่นๆ
ดังนั้น หากทุกคนทราบดีว่า จิตใจของคนเราอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องหาเรื่องอะไรๆ คิดอยู่เสมอ จึงควรฉลาดหาเรื่องดีๆ นำมาให้ใจคิด อย่าง นึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นึกสวดสรรเสริญ พระมหาสิริ-ราชธาตุ ซึ่งเป็นตัวแทนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
นอกจาก
จะได้บุญกุศลเป็นเนืองนิจ
อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
ย่อมสามารถปกปักษ์รักษา
ให้พบแต่ความสุขสวัสดี
โดยตลอด
ตรงข้าม หากปล่อยไป ไม่สนใจสภาวะจิตใจของตนเอง
ธรรมชาติของจิต
จะชอบไหลลงต่ำ
จึงมักหาเรื่องคิด
ล้วนแต่เป็นอกุศล เรื่องราคะ โมหะ โทสะ อิจฉา พยาบาท และเรื่องโง่งมงายไร้ปัญญา ต่างๆ
ซึ่งเป็นต้นเหตุให้
ประกอบอกุศลทางกาย ทางวาจาตามมา ทำให้ ชีวิตขาดทุน
ขอให้ทุกคน
อย่ายอมให้อกุศลจิต
เกิดเป็นดีที่สุด
[สารบัญ] [๓๑๘] [๓๑๙]
[๓๒๐]
[๓๒๑] [๓๒๒]
[๓๒๓]
[๓๒๔]
[๓๒๕]
[๓๒๖]
[๓๒๗]
[๓๒๘]
[๓๒๙]