คุณลักษมี ภมรสถิตย์ ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทสายการบินแห่งหนึ่ง เริ่มเข้าวัดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นเวลา ๒๕ ปีแล้ว ตอนนั้น อายุ ๑๖-๑๗ ปี กำลังอยู่ในวัยเรียน ตามพี่สาวมา ในครั้งนั้น วัดยังไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไร มีแต่โรงครัว โบสถ์ก็ยังไม่ได้สร้าง มาวัดเรื่อยมา จนถึง ปัจจุบัน จนถึงช่วงการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ได้ทำบุญสร้าง องค์พระแกนกลาง
วันที่ได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ หลวงพ่อบอกว่า ให้ตรึกพระของขวัญ ไว้ที่ศูนย์กลางกาย ทำให้รู้สึกผูกพันกับท่าน ก็ทำ ตามที่หลวงพ่อบอก ก็รู้สึกว่า ท่านผูกพันกับเราจริงๆ ไปไหนมาไหน ก็รู้สึกไม่ได้ไปคนเดียว จะมีพระมหาสิริราชธาตุ ไปกับเราตลอด
คุณลักษมีประสบกับอานุภาพที่ ท่านช่วยเป็นอัตโนมัติ โดยไม่ทัน จะขอให้ท่านช่วยเลย เธอเล่าว่า
เธอได้ส่งผ้าไปซักแห้งที่โรงแรมรีเจนท์ ซึ่งเขาจะนำผ้าของลูกค้า ไปไว้บนชั้นลอย เสื้อผ้าก็ค่อนข้างเยอะ เลยขอขึ้นไปเลือกเอง เจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าจะดีหรือ เพราะชั้นลอยไม่มีขอบกั้น ก็บอกเขาว่า ไม่เป็นไร จะขอขึ้นไปเลือกเอง ตอนจะขึ้นไป ก็เห็นแล้วว่า ไม่มีขอบกั้น เลย พอขึ้นไปก็หาเสื้อใหญ่เลย ลืมสนิทเลยว่า พื้นกระดานไม่มีขอบกั้น
โดยปกติจะเป็นคนทำอะไรเร็วๆ ก็หาๆ เดินไปเดินมา ขาก็พลาดเหยียบไปบนอากาศ ความว่างเปล่า ตกขอบทันที แต่ด้วยมือซ้าย ที่กำลังจับเสื้ออยู่กับไม้แขวนเสื้อ ติดอยู่บนราวเหล็ก ก็ชลอการหล่นลงพื้น เพราะเหล็กของไม้แขวน ส่วนที่โค้งรั้งกับราวเหล็ก กว่าจะเลื่อน เป็นเส้นตรง ก็ยืดเวลาได้ อีกเล็กน้อย คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า เห็นแล้วน่าใจหาย เพราะเห็นคุณลักษมี แขนขากางชี้กลางอากาศ
แต่คุณลักษมีเธอบอกอย่างมั่นใจว่า ในขณะที่ร่วงลงมา มีสติรู้ตัวตลอดว่า เหยียบอยู่บนอากาศ แต่ไม่ตกใจ ใจกลับนิ่งดิ่ง เข้าไปตั้งมั่น ที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็มีเสียงดัง จากกลางท้องว่า ให้หันไปทางซ้าย จะมีคนมารอรับ
พอเหล็กของไม้แขวนเสื้อ ส่วนที่โค้งเกี่ยวกับราวเหล็กเป็นเส้นตรง ก็หลุดจากราวเหล็ก คุณลักษมีจึงร่วงลงมาทันที บังเอิญจะเป็น เพราะเทวดาดลใจ หรืออย่างไรไม่ทราบ มีน้องพนักงานที่ดูแลร้านอยู่ เดินออกไปรับลูกค้าด้านหน้า แล้วมีอะไรบางอย่าง ทำให้น้องต้องเดิน กลับเข้ามา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ คุณลักษมีร่วงลงมาพอดี
ซึ่งจุดที่ร่วงลงมาเป็นช่องแคบเล็กๆ แคบมากเลย ถ้าร่วงถึงพื้น จะต้องกระแทกกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าไม่ถูกกับเสาเหล็ก ก็ต้องเป็นขอบปูน สันตึกแน่นอน น้องเขาก็มายืนตรงนั้น และได้รับร่างของคุณลักษมี ที่ลอยละลิ่ว มาพอดีเลย ระยะจากชั้นลอยถึงพื้น ก็ประมาณ ๒ เมตรกว่า ซึ่งเขาก็ตัวไม่ใหญ่มาก แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ ที่เขาสามารถรับน้ำหนักของคุณลักษมี ที่ร่วงลงมาได้ แบบไม่ล้มไม่เซเลย เธอสวมรองเท้า ส้นสูง ด้วย แต่ถึงพื้นด้วยความปลอดภัย
คุณลักษมีกล่าวในตอนท้ายอย่างเชื่อมั่นว่า พระนี่อยู่กับเรา ยืนยันเต็มที่ ๑๐๐% เลย เพราะไม่รู้สึกตกใจเลย รู้ตัวตลอดเวลาเลย ยังไม่ต้องขอ ท่านก็ช่วยเป็นอัตโนมัติ ขอเพียงให้เอาใจ จรดไว้ที่ท่านเท่านั้น
การเอาใจจรดไว้ที่องค์พระของขวัญตามที่คุณลักษมีเล่า แท้ที่จริงนั้นก็คือ การระลึกถึงท่าน เป็นการระลึกถึง อย่างถูกต้องที่สุดด้วย ไม่ใช่เพียงเอาเสียงขอพึ่ง ออกมาทางปาก " หลวงพ่อช่วยด้วย หลวงพ่อช่วยด้วย " แต่ตนเอง อกสั่นขวัญกระเจิง ทำอะไรไม่ถูก
การเอาใจจรดอยู่กับองค์พระ ย่อมทำให้ผู้นั้น มีสติบริบูรณ์ ไม่มีอาการตกใจ เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นเทวดา เตือนให้หันไปทางซ้าย จะมีคนมารอรับ ก็สามารถได้ยินจาก ศูนย์กลางกาย แล้วเทวดาก็ไปดลใจ ให้พนักงานของร้าน เดินกลับเข้ามา ทันเหตุการณ์ รับตัวไว้ได้พอดี
ที่คุณลักษมีเล่าว่าคนรับ รับไว้ได้โดยไม่รู้สึกหนักมากนั้น เป็นไปได้ว่า คุณลักษมีมีสติเอาใจนิ่งไว้ ณ ศูนย์กลางกายตลอดเวลา ที่กำลัง ร่วงลง สู่พื้นข้างล่าง
ใจที่ดิ่งนิ่งอยู่ ที่นั่น เท่ากับการทำสมาธิชนิดเกือบเข้าสู่ฌานจิต จิตย่อมมีพลังมากกว่าจิตคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งอาจตกใจ จนหมดสติ ใจมีพลัง ย่อมเกิดพลังงาน แผ่จากร่างกายออกมา ต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้รอดจากอุบัติเหตุ เหมือนปาฏิหาริย์
อย่างไรก็ดี วิธีดีที่สุด ไม่ควรรอมีสติตอนตกลงมา ควรมีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินนั่ง ยืน นอนในที่ไหนๆ อย่างรายนี้ ก็ควรมีสติตั้งแต่ เดินไป บนชั้นลอย และมีอยู่ให้ตลอดเวลาว่า ชั้นลอยนั้นไม่มีฝากั้น ก็คงจะไม่ร่วงลง อย่างไม่เป็นท่า ดังนั้น การมีสติได้ตลอดเวลา ผู้ที่ทำได้ มีแต่พระอรหันต์เท่านั้น แม้ปุถุชนอย่างเรา ๆ จะทำไม่ได้ แต่การหมั่นฝึกอยู่เสมอ ๆ สติย่อมเกิดได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
[สารบัญ] [๓๑๘] [๓๑๙]
[๓๒๐]
[๓๒๑] [๓๒๒]
[๓๒๓]
[๓๒๔]
[๓๒๕]
[๓๒๖]
[๓๒๗]
[๓๒๘]
[๓๒๙]