คุณสมพร จอมพุทธ เล่าว่า ครอบครัวของเธออยู่ที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ทำไร่อ้อยส่งโรงงานน้ำตาล ในอำเภอพิมาย ทุกคน ในบ้าน ได้สร้างพระประจำตัวกันแล้วทุกคน โดยมีหลายชายชื่อ สันติวงศ์ สื่อคำ คอยเป็นกัลยาณมิตร ตัวคุณสมพรเอง มีความเชื่อมั่นในเรื่อง ของบาปบุญคุณโทษ ทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว บุญกุศลมีจริง ปกติเธอชอบสวดมนต์เป็นประจำ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ วันละ ๖ จบ คือตอนเช้า ๓ จบ และตอนเย็นอีก ๓ จบ
คุณสมพรได้เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เธอกำลังตั้งใจสวดมนต์อยู่ มองเห็นประกายไฟสีแดง เส้นเล็กขนาดประมาณเส้นลวด พุ่งตรงมาที่ หนังสือสวดมนต์ ก็ยิ่งทำให้เธอมีความเชื่อมั่นในคุณ ของพระรัตนตรัยยิ่งขึ้น
คุณสมพรเจออานุภาพของการสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ อีกครั้งคือ ตอนที่กำลังเดินทางจาก อำเภอพิมาย เข้ากรุงเทพฯ เพื่อจะมา ร่วมงานฉลอง การรับปริญญาบัตรของหลาน
ครอบครัวของเธอเดินทางมา รวมกันจำนวน ๖ คน มีผู้ใหญ่ ๓ คน และเด็กอีก ๓ คน โดยขับรถกระบะ โตโยต้า ไทเกอร์โฟร์วีล ป้ายแดง พึ่งออกรถมาได้ไม่กี่วัน เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ เช้าพอดี ช่วงระยะทางที่ใกล้จะเข้าเขตกรุงเทพฯ ย่านรอยต่อ อยุธยา-ประตูน้ำพระอินทร์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่า มีการปล้นรถกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะรถโตโยต้า ไทเกอร์โฟร์วีลนี้ เป็นที่ต้องการของแก๊งมิจฉาชีพ เพราะสามารถนำออก ไปขายที่ประเทศกัมพูชาได้
ขณะที่หวั่นกลัวกันอยู่ ทันใดนั้น เจอเหตุการณ์ดักปล้น จริงๆ ด้วย ซึ่งตอนนั้น เป็นเวลาประมาณตี ๒ พวกบรรดาแก๊งปล้น ใช้เหล็กแหลม ไม่ทราบว่า มาจากทิศทางใด ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ ยางรถก็แบนทันที จึงต้องรีบจอดรถที่ข้างทาง
สามีเธอและคนขับก็รีบลงมาช่วยกันเปลี่ยนยางอะไหล่ พอหยิบเหล็กแหลมที่ฝังเข้าไปในล้อ ก็รู้ทันทีว่า ต้องมีใครดักยิงยางแน่ พอมองข้ามไป อีกฟากถนน ก็เห็นมีชายฉกรรจ์ ๓ คน มีรถกระบะจอดรออยู่ มีท่าทางที่ไม่เป็นมิตร และกำลังมองมายังรถของเธอ ที่จอดเปลี่ยนยางอยู่
พอมองเห็นก็ตกใจ นึกว่า ต้องเป็นพวกโจรที่ยิงล้อรถแน่ แต่อีกใจหนึ่งคิดว่า เราจะคิดในแง่ร้ายไปเอง จึงมองชาย ๓ คน เพื่อดูความเคลื่อน ไหวของเขาตลอดเวลา และในขณะที่ดูเขาอยู่ ใจก็นึกถึง พระมหาสิริราชธาตุ และสวดบทสรรเสริญคุณท่านด้วย และอธิษฐานจิต ขอให้ท่าน คุ้มครอง อย่าให้พวกนั้น ทำอันตรายได้
ชายฉกรรจ์ ๓ คนนั้น ได้พยายามข้ามถนนมุ่งตรงมา ด้วยท่าทางที่ขึงขัง โดยในตัวนั้น เหมือนมีอาวุธซ่อนอยู่ พอข้ามมาถึง เกาะกลางถนน และกำลังจะข้ามมาอีกฝั่ง ซึ่งจวนจะถึงรถอยู่แล้ว เธอเองก็รู้สึกใจไม่ดี เพราะชายทั้ง ๓ ดูน่ากลัวมาก ได้แต่นึกถึงพระอย่างเดียว และตั้งใจสวด โดยไม่ส่งใจไปที่ไหนเลย
เป็นที่น่าแปลกมากที่พวกนั้นข้ามมากันไม่ได้ เพราะรถในเลนดังกล่าว ไม่รู้มาจากไหน มีไม่ขาดสาย มาติดๆ กัน และก็ขับเร็วมาก ซึ่งชาย ฉกรรจ์ทั้ง ๓ พยายามจะข้ามก็ข้ามไม่ได้ พยายามจะเข้ามา แต่มาไม่ถึงรถ พอดีสามีเธอได้เปลี่ยน ยางรถเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่กี่นาที ทุกคนต่างพากันจ้องไปยังชาย ๓ คน นั้น พวกนั้น จึงรีบกลับไปที่รถ เหมือนจะขับตาม แต่ก็ไม่เห็นตามมา
เธอมีความมั่นใจว่า ต้องเป็นเพราะพระมหาสิริราชธาตุ ท่านคุ้มครองอยู่ ทำให้สามารถเปลี่ยนล้อรถทันท่วงที ไม่ติดขัด โดยใช้เวลาไม่กี่นาที และพวกคนร้าย ก็ไม่สามารถเข้าประชิดตัวได้ สามารถคลาดแคล้ว ไม่ต้องเสียทั้งทรัพย์ทั้งรถ และความปลอดภัย จากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้
ซึ่งเธอบอกว่า
เหตุการณ์ครั้งนี้
หลายคนอาจจะดูเหมือนว่าไม่น่าเชื่อ คิดไปเองหรือมองโลกในแง่ร้ายไปหรือเปล่า ซึ่งเธอก็บอกว่า
ถ้าคุณอยู่ใน
เหตุการณ์ในคืนวันนั้น
และเห็นการกระทำของชายทั้ง ๓ คน ด้วยกันละก็ คุณก็จะรู้ว่า
ดิฉันคิดไปเองหรือเปล่า
อาชีพส่วน
ใหญ่ของพลเมืองในประเทศเรา และประเทศเพื่อนบ้านเช่น เขมร ลาว พม่า คือการเกษตร ถ้าไม่ทำนาก็ทำไร่ ทำสวน
ซึ่งเป็นความ
จำเป็นอย่างยิ่ง
ที่ต้องใช้ยานพาหนะ
ในการขนส่งผลิตผลการเกษตรเหล่านั้น
ไปยังตลาด
หรือไปตามสถานรับซื้อ
แม้กระทั่ง ออกตระเวนขาย
ไปตามสถานที่ต่างๆ
เกษตรกรคนใด ยังมีฐานะไม่ดี ก็มักต้องเช่ารถจากผู้อื่นมาใช้ในการขนส่ง หรือหากไม่มีรายได้พอเสียค่าเช่า ก็จำต้องขายสินค้า ที่ผลิตได้ ในราคาถูก ตามที่พ่อค้าคนกลาง ออกมารับซื้อ ทำให้ได้กำไรน้อย
แต่ถ้าผู้ใดพอมีฐานะอยู่บ้าง หรือมีกำลังในการซื้อผ่อนส่ง ก็มักนิยมซื้อรถกระบะไว้ใช้ในครอบครัว นอกจากขนส่งสินค้าสะดวกรวดเร็ว ทำให้ขายได้ราคาดีแล้ว ยังใช้ขนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตลอดจนขนส่งคนงาน
เรียกว่า
เป็นรถอเนกประสงค์แท้จริง
แต่เนื่องจากรถใหม่ป้ายแดง มีราคาแพง เกษตรกรที่ฐานะไม่ดีนัก จึงนิยมซื้อรถเก่าที่มีสภาพดีมาใช้
ขบวนการมิจฉาชีพขโมยรถ
จึงทำกัน เป็นล่ำเป็นสัน
แรกทีเดียว
ก็ขโมยไปขายคนละจังหวัด
แต่ครั้นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
กวดขันเข้มแข็ง พวกทุจริตชนเหล่านี้
จึงนำไปขายใน ประเทศ
เพื่อนบ้าน
ถ้าพิจารณาถึงสาเหตุแท้จริงแล้ว การทำ ความผิดของเหล่ามิจฉาชีพทั้งหลาย มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก ผู้ซื้อรถต้องการรถราคาถูกกว่า ธรรมดา เรียกว่า ยิ่งถูกเท่าไรยิ่งดี นี่ก็มาจากความโลภของคนซื้อ
ส่วนคนขโมยรถ ขโมยได้แล้วจะต้องรีบขาย เพราะเป็นของร้อน อาจถูกเจ้าหน้าที่ตามจับตัวได้ จึงมักขายด้วยราคาไม่แพง ขอเพียงให้ได้เงิน รวดเร็วหน่อยเป็นพอใจ นี่ก็เป็นความโลภของพวกขโมย
หากผู้ซื้อที่นิยมของราคาถูก แต่เข้มงวดเรื่องความสุจริต ไม่ยอมรับซื้อของโจรเป็นเด็ดขาด โจรผู้ร้ายขโมยมาแล้ว ไม่ทราบจะนำไปขายที่ไหน ย่อมจะต้องเลิกขโมยไปเอง ทั้งนี้แม้แต่ร้านรับซื้อเครื่องอะไหล่ต่างๆ ก็ต้องไม่ยอมรับซื้อของทุจริตเหล่านั้นด้วย มิฉะนั้นแล้ว พวกขโมยขายรถ ทั้งคันไม่ได้ ก็จะรื้อขายเป็นชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ดี
รายคุณสมพรที่เล่ามาถึง การถูกคนร้ายใช้เหล็กแหลม ยิงยางรถป้ายแดง จนยางแตก ต้องจอดเปลี่ยนยาง ดังที่เล่าไว้ เห็นชัดเจนว่า เป็น การกระทำของพวกมิจฉาชีพ เวลาดึกสงัดประมาณตี ๒ เป็นเวลาที่ท้องถนน ไม่มีรถสัญจรไปมา พลุกพล่าน ซึ่งเหมาะในการทำการโจรกรรม ทั้งคนร้ายถึง ๓ คน ก็พากันข้ามถนน มาจนถึงเกาะกลางถนน แต่ไม่สามารถข้ามถนนมาได้ทัน ก่อนที่สามีของคุณสมพร จะเปลี่ยนยางเสร็จ คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากอานุภาพ การสวดสรรเสริญคุณ พระรัตนตรัย ที่คุณสมพรกระทำอยู่ อานุภาพของธรรมะ ย่อมชนะอธรรม เสมอ
ประการสำคัญ คุณสมพรเป็นคนชอบสวดมนต์มาก ทั้งสวดบูชาคุณพระรัตนตรัย และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ วันหนึ่ง ๆ หลายจบ คนที่สวดมนต์ด้วยใจรัก ไม่ใช่จำใจสวดนั้น จิตจะเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา และมีปีติโสมนัสอยู่ตลอดเวลาขณะสวด ทำให้จิตหยุดนิ่งสนิท ที่ ศูนย์กลางกายได้ง่าย ทำให้สามารถเห็น พลังบุญด้วยตาเนื้อ ขณะกำลังสวดมนต์ คือเห็นพลังแสงสีแดงเท่าเส้นลวด พุ่งมายังหนังสือสวดมนต์ ในขณะกำลังจะก้มลงดูถ้อยคำ ในหนังสือสวดสรรเสริญ
ในเวลาธรรมดา การสวดสรรเสริญของคุณสมพร ยังมีอานุภาพขนาดนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ คนร้ายจะเข้าปล้นรถ คุณสมพรยิ่งต้องสวด ด้วยใจมั่นคงเป็นพิเศษ ทับทวีกว่าปกติ อานุภาพของพระรัตนตรัย อันไม่มีประมาณ จึงได้คุ้มครองให้เธอและครอบครัวปลอดภัย
เรื่องการลักขโมย จี้ปล้นเอาทรัพย์สินของผู้อื่น คนมีเมตตาจิต จะกระทำไม่ลง เพราะย่อมรู้สึกเห็นอกเห็นใจเจ้าของทรัพย์ ของของใคร เจ้าของ ก็ต้องรักต้องหวง กว่าจะเก็บหอมรอมริบซื้อหามาได้ ต้องใช้เวลา และความเหนื่อยยากต่างๆ มากมาย บางทีไม่มีเงิน ก็ยอมซื้อแบบผ่อนส่ง ยังส่งเงินให้ผู้ขายไม่ทันหมด ของก็ถูกขโมยไปเสียแล้ว เกิดกับใครก็ต้องเสียใจทุกคน
ปกติคนทำความชั่วทุกอย่าง ความเสียหายโดยตรงคือ ทำร้ายตนเองก่อน เป็นอันดับแรก เมื่อความชั่วนั้น ไปเกี่ยวข้องถึงผู้อื่น ก็กลายเป็น ทำร้ายผู้อื่นเป็นอันดับถัดไป คนที่สามารถทำความชั่ว บาปอกุศลได้คือ คนขาดธรรมะ ที่มีชื่อว่า หิริและโอตตัปปะ
หิริกับโอตตัปปะ ธรรม ๒ อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับจิตใจของผู้ใด ต้องอาศัยเหตุภายนอก ๔ ประการ และเหตุภายใน ๘ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
เหตุภายนอก ๔ ได้แก่ กลัวตนเองติเตียนตนเอง
กลัวผู้อื่นติเตียนตน
กลัวต่อราชทัณฑ์คือ
กฎหมายบ้านเมือง และกลัวต่อภัยในอบายภูมิ
เหตุภายใน ๘ ได้แก่ คำนึงถึงตระกูลของตนว่า หากตนทำความชั่วแล้ว ย่อมทำให้ตระกูลเสียหาย
- คำนึงถึงวัยของตนว่า ในอายุขนาดนั้น ควรทำสิ่งใดจึงสมควร เช่น อยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ไม่ควรเป็นโจรผู้ร้าย เป็น นักเลง เป็นผู้ใหญ่ ควรทำตัวเป็นตัวอย่างของลูกหลาน
- คำนึงถึงการศึกษาของตนว่า ตนเองมีความรู้ มีการศึกษา ควรรู้จักสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก
- คำนึงถึงชาติอันประเสริฐของตน ได้เกิดเป็นมนุษย์ ความเป็นสัตว์ มีใจประเสริฐดีงาม ไม่ใช่ทำเลวเหมือนเดรัจฉาน
- คำนึงถึงพระพุทธเจ้า บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ซึ่งล้วนแต่ให้คำสั่งสอนอบรมที่ดีงามด้วยกันทั้งสิ้น
- คำนึงถึงมรดกของพระพุทธเจ้า ของบิดามารดา ซึ่งตนเองต้องรับมรดกนั้น เช่นทำตามคำสั่งสอน
- คำนึงถึงเพื่อนที่ดีซึ่งเคยคบกันมา หากเพื่อนรู้ว่า ตนเองเป็นคนเลวคนชั่ว คงเลิกคบ จึงควรละอาย
- คำนึงถึงความกล้าหาญและความสงบเสงี่ยมเจียมตัวของตน กล้าที่จะเว้นจากความชั่ว
เพียงคำนึงถึงเหตุเพียงเหตุเดียว ไม่ว่าภาย นอกหรือภายใน คนเราย่อมสามารถมีหิริโอตตัปปะ เกิดขึ้น ไม่ยอมทำความชั่วใดๆ ให้ตนเอง และผู้อื่นเดือดร้อน
หิริโอตตัปปะ จึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมคุ้มครองโลก