คุณสมนึก สุเจริญลาภ อยู่ที่จังหวัดชลบุรี เล่าว่า
ตนเอง เริ่มเข้าวัดตอนธุดงค์ปีใหม่ ปี พ.ศ.๒๕๓๗ ประทับใจมาก เพราะการตัดสินใจมาอยู่ธุดงค์ ครั้งนี้ทำให้ตนเอง ได้วิถีชีวิตที่ดีงาม จากการได้มาอยู่ธุดงค์ปีใหม่ เพื่อให้สิ่งดีๆ สำหรับชีวิต ตามคำชวนของกัลยาณมิตรชุมพล มั่นจิต ตลอดระยะเวลา การอบรม ๓ วัน ที่ได้มา พักกายพักใจ ในบุญสถานแห่งนี้ ทำให้มีโอกาสได้ศึกษา ธรรมปฏิบัติเบื้องต้น สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติ ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิต ประจำวัน ได้เป็นอย่างดี
โดยการรักษาศีลเป็นประจำ หมั่นให้ทาน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน และฝึกสมาธิ เพื่อให้จิตใจได้พักผ่อน พบความสุขที่เกิดจากความสงบ ที่เปี่ยม ไปด้วย พลังเบิกบาน พร้อมที่จะเผื่อแผ่ความรู้สึกนี้ ไปยังคนรอบด้าน ขณะเดียวกัน ก็ได้มีโอกาสสำรวจข้อบกพร่องของตนเอง เพื่อนำมา ปรับปรุงแก้ไข
เมื่อคุณสมนึกมีครอบครัว ก็ได้นำหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา จากวัดพระธรรมกาย มาประพฤติปฏิบัติ ในการครองเรือน ทำให้ ครอบครัว มีแต่ความสุขและอบอุ่น คุณสมนึกและคุณศรีวรรณ เข้าวัดพระธรรมกายเป็นประจำเ ลยทำให้ลูกสาวชื่อน้องเชอรี่ พลอยได้เข้าวัด สั่งสมบุญ พร้อมคุณพ่อคุณแม่ ตั้งแต่อยู่ในท้อง
และทั้งสองไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ของลูกกตัญญู ได้พาคุณพ่อคุณแม่ของคุณศรีวรรณ ได้สั่งสมบุญติดตัวด้วย โดยได้สร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ให้ท่านทั้งสอง โดยการจารึกชื่อท่านไว้ใต้ฐานพระ โดยเฉพาะคุณแม่ สร้างให้ท่านแล้วถึง ๔ องค์ เพราะ คุณแม่ท่านรักบุญ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตักบาตร สวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจำ
ครอบครัวธรรมกายของคุณสมนึกและคุณศรีวรรณ พบกับอานุภาพบุญ ที่คอยปกป้องและรักษาใ ห้รอดปลอดภัยอย่างอัศจรรย์
เมื่อช่วงเดือน ตุลาคม ๔๑ ปลายปีที่แล้ว คุณศรีวรรณ ได้พาลูกสาวคือ น้องเชอรี่ ตอนอายุประมาณ ๗-๘ เดือน ไปเยี่ยมคุณแม่ ที่บ้านสวน ที่อำเภอ ศรีราชา อากาศในวันนั้น ร้อนอบอ้าว ท้องฟ้าเต็มไปด้วย เมฆก้อนใหญ่ ดำทมึน เริ่มมีพายุร้อน พัดเข้ามาเป็นช่วง ๆ และทวีความ รุนแรงขึ้น อย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าผ่าคะนอง เปรี้ยงปร้าง ต้นไม้ใหญ่ในสวนลู่ไปตามกระแสพายุ ประกายสายฟ้าแลบเป็นระยะ ๆ เมื่อคลื่น แม่เหล็กบนท้องฟ้า มากระทบกัน ฝนเริ่มลงเม็ด บางครั้งต้องสะดุ้ง เสียงฟ้าผ่าลงมาจากที่ไกล ๆ
ขณะนั้น คุณศรีวรรณ กำลังนั่งป้อนข้าวให้น้องเชอรี่ และกลัวลูกจะร้อน จึงนำพัดลมมาเปิดใกล้ ๆ ตัว ส่วนคุณแม่ทานข้าวเสร็จแล้ว จึงนำ จานไปล้างที่ชานนอกบ้าน มีโอ่งน้ำมังกรใบโต ๆ เรียงรายบรรจุน้ำอยู่ นั่งล้างจานข้างโอ่ง ฟ้ายังคงคะนองอยู่ แต่ก็ชิน สำหรับชาวสวนชนบท
แม่นั่งล้างจานใกล้จะเสร็จ อยู่เหลือแค่ล้างน้ำเปล่า ครั้งสุดท้าย แล้วเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น สายฟ้าผ่าเปรี้ยง! ลงมาบริเวณที่ คุณแม่นั่งอยู่ สิ่งของที่อยู่บริเวณนั้น แตกเสียหายพังพินาศ แม้กระทั่ง เสาปูนต้นขนาด ๘"x๘" ถูกสายฟ้าฟาดแตก ปูนหลุดกระเด็น ออกจาก ต้นเสาถึง ๒ ต้น โอ่งมังกรที่บรรจุน้ำไว้ แตกเป็นรู ๆ ทันที
สายฟ้าวิ่งเป็นลูกไฟ ตรงเข้าไปหาคุณแม่ที่นั่งอยู่ มันดิ่งลงมาจากอากาศ พุ่งตรงลงที่กลางศีรษะ ขณะที่ลูกไฟพุ่งลงคุณแม่บอกว่า ร้อนไปหมด ทั้งตัว นึกในใจว่า ผมต้องไหม้แน่ ๆ หูอื้อ ตกใจ รีบวิ่งพาตัวเองให้พ้นบริเวณนั้น
ส่วนคุณศรีวรรณเอง กำลังนั่งป้อนข้าวกับลูกน้อย เพชรฆาตฟ้าผ่าก็ไม่ละเว้น วิ่งตรงไปหาสื่อทันที ในตัวของเธอได้ห้อย พระมหาสิริราชธาตุ กรอบทองพญานาคด้วย สร้อยคอทองคำ วินาทีนั้น ลูกไฟวิ่งเข้ามา ความร้อนผ่านตัวเธอ พัดลมที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ติดกับตัวเธอช็อด ระเบิดพัง เสียหาย ประกายไฟ แตกกระจาย คุณศรีวรรณ บอกว่า ตนเองรู้สึกร้อนด้านหลัง บริเวณที่นั่ง ชิดพัดลมมาก
เหตุการณ์สงบลง พอกับคุณแม่วิ่งมาถึงเธอและลูกน้อยพอดี สำรวจดูตัวเอง ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น และเป็นที่น่า แปลกใจ น้องเชอรี่ในวัย ๗-๘ เดือน กลับไม่มีอาการตกใจกลัว กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงนั่งอยู่เป็นปกติ พอหันไปสำรวจข้าวของ พังเสียหาย แบบไม่น่าเชื่อ ยังมีผลพวง จากลูกไฟลูกนี้ ทำให้กระสอบบรรจุอาหารสัตว์ ถึงกับลุกไหม้
พอดี คุณศรีวรรณหันไปพบ จึงดับไฟได้ทัน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น นึกถึงอานุภาพของบุญกุศล ที่ครอบครัวได้ตั้งใจทำไว้ มิเช่นนั้น อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในบ้านก็ได้
เพราะธรรมดาพลังกระแสไฟฟ้าที่ผ่าลงมา ทุกคนคงทราบว่า แรงขนาดที่จะเอาชีวิตของผู้ที่อยู่ใกล้ได้เสมอ แต่นี่เป็นเพราะบุญคุ้มครอง จึงทำให้ทุกคนในบ้านปลอดภัย
สำหรับคุณสมนึกเอง เล่าว่า ตนเองมักจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ แคล้วคลาด อย่างอัศจรรย์
ครั้งที่ ๑ คุณสมนึกได้ขับรถมาจากสัตหีบ กำลังจะไปพัทยา ขณะขับมาถึงที่หน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์ นาจอมเทียน ซึ่งที่หน้าโรงแรมนี้ จะมีที่ ยูเทริ์น อยู่ที่ทางหน้าโรงแรม รถที่มาจากพัทยา ก็สามารถเลี้ยวยูเทริท์ เข้าโรงแรมได้ทันที แต่จะต้องรอให้รถทางสายเอก ไปก่อน
ตอนนั้น รถของคุณสมนึกอยู่ที่เลนซ้าย แล้วอยู่ๆ รถเก๋งคันหนึ่งที่มาจากทางพัทยา ก็เลี้ยวเข้าโรงแรมอย่างรวดเร็ว และกระชันชิดกับรถ คุณสมนึกมาก โดยไม่ดูรถคันที่มาทางเอกเลย คุณสมนึกตกใจมาก เพราะนึกว่า ต้องชนกลางคันแน่ คุณสมนึกเหยียบเบรคทันที
เสียงของล้อรถบดกับท้องถนน เสียงดังเอี้ยด..ยาว ได้ยินไปทั่วบริเวณ สร้างความตกใจ ให้คนอยู่บริเวณหน้าโรงแรม อย่างมาก
ขณะที่ เบรคนั้น พวงมาลัยที่จับอยู่นั้น ก็ประคองให้มั่น เพราะกลัวว่า ถ้าหักพวงมาลัย รถต้องคว่ำทันทีแน่ เพราะมาเร็ว ในวินาทีนั้น คุณสมนึก คิดว่าต้องชนแน่ แล้วอยู่ๆ รถก็แฉลบไปในเลนขวา โดยผ่านท้ายรถที่ตัดหน้าไป เพียงหวุดหวิด แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ทีเดียว โดยที่คุณสมนึก ก็ไม่รู้ว่า แฉลบไปได้อย่างไร
ซึ่งเหตุการณ์นั้น ทำให้คุณสมนึกแคล้วคลาดมา อย่างอัศจรรย์ ยกรถของคุณสมนึก เหวี่ยงข้ามรถคนนั้นไปเลย จึงไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ เลย
ครั้งที่ ๒ ในระยะเวลาห่างจากครั้งแรกไม่กี่วัน คุณสมนึกพร้อมทั้งภรรยาและลูก กำลังเดินทางกลับบ้าน โดยคุณสมนึกเป็นคนขับ ตอนนั้น ขับอยู่ที่เลนขวา ด้วยความเร็วประมาณ ๑๒๐ กม. มองดูที่กระจกหลังที่เลนซ้าย เห็นรถกระบะ และหกล้อ ซึ่งเป็นรถไอศรีม วิ่งตามหลังมา ด้วยความเร็วเช่นกัน ส่วนรถไอศรีมขับปาดไปปาดมา ซึ่งคุณสมนึกก็มองดูอยู่ตลอด
สักพัก เห็นรถไอครีมเร่งความเร็ว เพื่อจะแซงรถกระบะ โดยหักขับมาทางขวา ด้วยความเร็วสูง ขณะที่มาทางขวาด้วยความเร็ว ก็เจอรถ คุณสมนึกอยู่ข้างหน้า ซึ่งขณะนั้น รถไอศรีมได้แซงรถกระบะมาประมาณ ๒ เมตร และหน้ารถไอศรีม ก็จะชนกับรถคุณสมนึก รถไอศรีม จึงเลี้ยวหักหลับไปทางซ้ายอย่างแรง
ขณะนั้นรถไอศรีมเสียการทรงตัว เพราะหักเลี้ยวอย่างแรง ทำให้รถพลิกคว่ำทันที ตัวรถที่ลากกับพื้นถนน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว รถไอศรีม พลิกคว่ำทางขวา ซึ่งขณะที่ตัวถังด้านขวาของรถไอศรีม ขูดกับถนน แซงรถของคุณสมนึกไปเลย ครอบครัวคุณสมนึกอยู่ในรถตกใจมาก
แต่โชคดีที่ขณะที่รถไอศรีมพลิกคว่ำทางซ้าย ธรรมดารถไอศรีมจะต้องแฉลบเข้ามา ทางเลนขวา ที่คุณสมนึกขับอยู่ และอาจจะปะทะชนรถ คุณสมนึกได้ แต่ครั้งนี้ก็อัศจรรย์ ขณะที่รถพลิกคว่ำ ก็ดูเหมือนมีอะไรผลักรถไอศรีม ลงข้างทางไปทางซ้าย และไถลลงไปที่ข้างถนน
เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่คุณสมนึกเป็นอย่างมาก ที่รอดมาอย่างหวุดหวิดอีกครั้ง เพราะขณะที่รถไอศรีมคว่ำ ก็เฉียดฉิว กับตัวถังของรถคุณสมนึกมาก ซึ่งเขาบอกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า รอดได้อย่างไร