อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๒๐. เงาหยุดมรณะ

 

รถจักรยานคู่ชีพพร้อมกับสารถีแก้ว ผู้มีใจรักการสร้างบารมี ไม่ย่อท้อต่อระยะทางที่ไกลหรือใกล้ ยอมเหน็ดเหนื่อยทางกาย แต่ทางใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุข ในการชักชวนคน ไปทำ ความดี รถจักรยานวิ่งฉิวเข้าไปในซอยแห่งหนึ่ง ของอำเภอเมือง จังหวัดระยอง เข้าไปเกือบสุดซอย จะมองเห็นบ้านเป็นห้องแถวเล็กๆ อยู่ติดกับชายทะเล เสียงลม และคลื่น ทะเล พัดมาเป็นระลอกๆ เสียงดังซ่าๆ พร้อมกับเสียงแจ๋วๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียก

ป้าๆ อยู่หรือเปล่าจ๊ะ ฉันกรรณิการ์มาเยี่ยม จ๊ะ ว่าจะชวนป้าไปร่วมงานบวชอุบาสิกาแก้ว ที่วัดพระธรรมกาย งานนี้บวชกันเป็นแสนคนเชียวนะ 

คุณป้าวิไลวรรณ สุดสุด คุณป้าวิไลวรรณ สุดสุด อายุ ๕๓ ปี รูปร่างสมบูรณ์มีอาชีพรับจ้างตากปลา และปะอวน อยู่กันตามลำพัง ๒ คน สามีภรรยา ลูกๆ ต่างก็แยกย้ายไป มีครอบครัวกันไปหมด

คุณป้าออกมาถามคุณกรรณิการ์ว่า ว่าอะไรนะ บวชอะไรหรือ บวชอุบาสิกาแก้วที่วัดพระธรรมกายจ๊ะ งานนี้เป็นงานบุญใหญ่ เชียวน่ะ จ๊ะป้า เป็นการบวชเพื่อทดแทนคุณ ให้แม่ ของเรา และแม่ของชาติด้วยนะ รวมทั้งตัวเรา ก็ได้รับอานิสงส์ส่วนนี้ด้วย เท่ากับได้บุญ ๓ ต่อเลยนะคะ พอคุณป้าได้ฟัง ก็อยากไปร่วมงานบุญ ที่วัดพระธรรมกายด้วย เพราะโดย ส่วนตัวนั้น ชอบสั่งสมบุญอยู่แล้ว 

คุณป้าจึงได้มาร่วมงานบวชอุบาสิกาแก้ว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นการมาวัดครั้งแรก เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และนำธรรมะ ที่ได้จาก การ มาบวชอุบาสิกาแก้ว ไปใช้ในชีวิต ประจำ วัน จนกระทั่งในครั้งงานบวชอุบาสกแก้ว ก็ได้มาร่วมงาน และได้รับพระมหาสิริราชธาตุ รุ่นพิชิตมาร คุณป้ามีความปีติ และดีใจมาก นึกว่า ในชีวิตคงจะไม่มีโอกาส ได้รับพระ มหาสิริราชธาตุ เพราะปัญหา ทางด้านการเงิน ของครอบครัว

หลังจากได้รับมาแล้วก็รีบหาสร้อยสแตนเลสอาราธนาองค์พระคล้องคอเลย คุณป้าวิไลวรรณ จะสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ในตอนเช้า และเวลาออกจากบ้าน เดินไปไหน มาไหนก็จะท่อง สัมมา อะระหัง ในใจตลอดเวลา 

คุณป้าเล่าถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ว่า วันนั้นคุณป้าออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อไปรับจ้างตากปลา ที่โรงงานผลิตน้ำปลา ที่ใหญ่แห่งหนึ่งของ อ.เมือง จ.ระยอง ลักษณะที่ตากปลา จะมี เสาไม้ท่อนใหญ่ๆ จำนวน ๖ เสา พาดไม้ด้านบนคล้ายๆ ราวตากผ้า แต่ละเสา จะมีตะปูตัวใหญ่ ตอกห่างกันทุกๆ ๒-๓ เซนติเมตร และจะใช้เหล็กแหลม เสียบปากปลา แขวนผึ่งลม ให้แห้ง โดยมีพัดลมขนาดใหญ่ คอยพัดให้แห้ง ในห้องทึบสี่เหลี่ยมขนาด ๓x๖ เมตร ภายในห้องยังมีตู้แช่ขนาด ๒x๔ เมตร สำหรับเก็บปลาไว้ เป็นปลาตัวโตๆ จำพวกปลาอินทรีย์ บ้าง และปลาอื่นๆ อีกที่ตัวยาวๆ น้ำหนักประมาณตัวละ ๔-๕ กิโลกรัม

ที่ตากปลา

คุณป้าเริ่มตากปลาตั้งแต่ตัวแรก ตากไปเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงภาวนา สัมมา อะระหัง ที่ติดอยู่ในใจตลอดเวลา สักพักได้ยินเสียงดังเอี๊ยด.. ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงตากปลาต่อไป คิดว่าเป็นเสียงพัดลม กำลังคิดรำพึงอยู่ในใจว่า เฮ้อ..อีกตัวเดียวก็จะหมดแล้วนะ คราวนี้เสียงดังลั่น เอี๊ยด... ยาวมาเป็นสาย เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

คุณป้าแหงนหน้าไปมองยังจุดต้นเสียง ตกใจจนแทบจะเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเสาแต่ละท่อน เอนลงมาพร้อมกับปลาตัวโตๆ จำนวนหลายร้อยตัว ซึ่งน้ำหนักปลารวมกัน แล้ว หนักประมาณ สามพันกว่ากิโลกรัม เสานั้นเอนตัวมายังคุณป้า อย่างรวดเร็ว คุณป้ามองไม่กระพริบตาตกใจสุดขีด

คุณป้าเล่าว่า ช่วงเสี้ยววินาทีที่เสากำลังจะล้มอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ทึมๆ ดำๆ รูปร่างสูงใหญ่ ยืนอยู่ทางซ้ายมือของป้า ทำให้สะดุ้งตกใจ เพราะกำลัง ขวัญ ผวาอยู่แล้ว คุณป้ารีบกระโจนหลบ ไปอยู่ทางขวา และทันใดนั้นเอง ท่อนเสาพร้อมๆ กับปลาทั้งหมด ก็ล้มโครมลงมา ซึ่งแต่ละเสาจะมีตะปูตัวโตๆ ตะปูเฉี่ยวศีรษะคุณป้า ไปนิด เดียว หวุดหวิดจะเจาะเข้ากลางกะโหลก และช่างเป็นความบังเอิญ ที่เสาล้มลงมาถูก พัดลมเครื่องใหญ่ พอมีช่องเล็กๆ ให้คุณป้าค่อยๆ คลาน ลอดออกมาอย่างทุลักทุเล 

คุณป้ายืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพังผู้เดียว ทุกๆ คนที่อยู่บริเวณนั้น ต่างพากันส่งเสียงร้องดังลั่นด้วย ความตกใจว่า ตายแล้ว ป้าอู๊ด แกตายแน่ๆ เลย ตายๆ ป้าอู๊ด ไม่เหลือแน่แล้ว

ทันทีที่เสาล้มลงมา ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างพากันวิ่งกรูเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียก ป้าอู๊ดอยู่ไหนๆ ป้าขานรับด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า อยู่นี่ๆ 

คุณป้าออกมายืนตัวสั่นงันงกด้วยอาการขวัญเสีย ชาวบ้านก็ถามว่า ป้าเป็นอะไรหรือเปล่า เจ้าของบ้านที่จ้างคุณป้าตากปลา รีบเข้ามาจับตามเนื้อตัวป้า ป้าออกมายืนตัวสั่น เพราะ ตกใจมาก สักพักพอค่อยคลาย ความตกใจ ชาวบ้านที่วิ่งมามุงดู ก็ถามคุณป้าด้วยความรู้สึกทึ่ง ที่คุณป้ารอดพ้นภัย มาอย่างหวุดหวิด จนเกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ ณ ที่นี่ พวกเขาต่างก็ถาม ด้วยความอยากรู้ว่า ป้าๆ คล้องพระอะไรหรือ ถึงได้รอดมาได้ ป้าบอกว่า มีแต่พระของขวัญนี่แหล่ะ

พัดลมที่ถูกที่ตากปลาล้มทับ

เจ้าของโรงงานจับดูองค์พระมหาสิริราชธาตุ มองดูอย่างพินิจพิเคราะห์ และถามว่า นี่พระที่ไหนหรือครับ คุณป้าพูดอย่างเต็มปาก และภูมิใจว่า พระจากวัดพระธรรมกาย ไงหล่ะ คุณ พอทุกคนได้ฟังว่า เป็นพระจากที่ไหน ก็นิ่งอึ้งกันไปหมด

เจ้าของโรงงานได้ให้ชายฉกรรจ์แข็งแรงสิบกว่าคน มาช่วยกันยกเสา ก็ยกไม่ไหว ต้องนำปลาที่ตาก ออกจนหมดก่อน แล้วจึงจะยกเสาขึ้นได้ จนคนหนุ่มเหล่านั้น ถึงกับเอ่ยปาก ออกมา ว่า เสาและปลาหนักขนาดนี้ ถ้าทับคนก็แบนเละแน่ๆ เลย ไม่รู้ป้าแกรอดมาได้ไง เจ้าของโรงงาน ต้องทำการซ่อมแซม ขนานใหญ่ พร้อมกับพาคุณป้า ไปหาหมอ เพื่อ ตรวจร่างกายอีกถึงสองครั้ง คุณหมอเอ็กซเรย์ดูบอกว่า ไม่เป็นอะไรมาก เจ้าของโรงงานยังได้ให้ค่าทำขวัญ กับคุณป้าในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

คุณป้ากล่าวว่า นี่ถ้าเราไม่คล้องพระ ไม่มีบุญติดตัวมา เราต้องตายแน่ๆ เลย ด้วยบุญที่คุณป้าสั่งสมมา ในการประพฤติธรรม รักษาศีลทุกวันพระ ทำทานเท่าที่ตนสามารถทำได้ ตามกำลังบุญ บุญจึงติดตามคุ้มครองคุณป้า เสาขนาดใหญ่ และน้ำหนักปลา จำนวนหลายร้อยตัว ที่ล้มลงมาอย่างแรง แม้แต่พัดลมที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยังหักงอ จนเจ้าของต้องเก็บ รักษาไว้เตือนสติ และเป็นอุทาหรณ์สอนใจไว้เลยทีเดียว ถ้าเหตุการณ์นี้ล้มทับคน ถ้าไม่ตายก็อาจต้องพิกลพิการไปเลยก็ได้

และถ้าเป็นเช่นนี้คุณป้าคงต้องทรมานสังขารไปอีกนาน เพราะครอบครัวยากจน จะไปหาหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ก็คงต้องเสียเงินเสียทองมาก นี่แหล่ะคือบุญที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ส่งผลให้ผู้ประพฤติธรรม ประกอบแต่กรรมดี บุญจึงส่งผลช่วยได้ในยามคับขัน

คุณป้าเล่าพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเหตุการณ์นี้สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้างว่าคุณป้ารอดมาได้อย่างไร

คุณป้าวิไลวรรณนั้นเมื่อประสบเหตุการณ์นี้เข้ากับตัวเอง ถึงกับประกาศออกมาว่า ใครไม่เชื่อก็ช่าง ป้าจะขอเชื่อของป้าอย่างนี้ตลอดไป

ขณะนี้คุณป้าได้เปิดบ้านกัลยาณมิตรด้วยหัวใจอันเด็ดเดี่ยว ถึงแม้จะมีอุปสรรคมากมายก็ตาม คุณป้ายังคงสวดมนต์ สวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และสัมมา อะระหัง ต่อไปแต่เพียงผู้เดียว อย่างไม่หวั่นไหว

จริงอยู่คุณวิไลวรรณไม่ใช่ผู้ทำบาป ปาณาติบาตโดยตรง เป็นเพียงคนรับจ้างตากปลา แต่โดยความจริง นับเป็นผู้โยงบาปกับผู้ทำเวรชนิดนั้น เช่นเดียวกับลูกจ้างในสถานที่ประกอบ อาชีพบาปทั้งปวง เช่นลูกจ้างร้านขายเหล้า ลูกจ้างในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่จะถูกนำไปฆ่าขาย ฯลฯ ลูกจ้างเหล่านี้ไม่ใช่ผู้สั่งการ หรือผู้ลงมือทำบาปก็จริง แต่ถือว่าเป็นคนสนับสนุน กิจการ ของคนที่เป็นนายจ้าง ทำให้นายจ้างทำบาปสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อถึงคราวกรรมจะให้ผล จึงมักพลอยฟ้าพลอยฝน ตามไปด้วย ไม่มากก็น้อย

ชักชวนหลานชายบวชอุบาสกแก้ว

ดังนั้นผู้ที่เป็นลูกจ้างทั้งหลาย ควรพิจารณาอาชีพของนายจ้าง ในขณะทำงานด้วย ว่าเป็นอาชีพเป็นบาป เป็นภัยต่อผู้อื่นหรือไม่ หากมีโทษแฝงอยู่ ก็ไม่ควรสมัครเข้าทำ ไม่ว่า รายได้ดีเพียงใด เพราะนอกจากมีส่วน ในการช่วยเหลือให้นายจ้าง ทำบาปสะดวกดังกล่าวแล้ว ยังทำให้จิตใจของตน คุ้นเคยกับบาปเหล่านั้น จนเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำให้ใจกระด้าง ไม่ละอายต่อบาปต่อความชั่ว

เรื่องความเคยชินของใจ เป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิตของเราทุกคน เคยมีเหตุการณ์ พี่น้องคู่หนึ่ง ขายเนื้อหมูอยู่ที่ตลาดสำโรง ใจคุ้นกับการแล่เนื้อหมูอยู่เป็นสิบๆ ปี พอมีเรื่องทะเลาะกัน แทนที่จะตบตีกัน ด้วยมือด้วยเท้า กลับใช้มีดชำแหละหมูนั่นเอง เข้าไล่ฟันกันบาดเจ็บเหวอะหวะ เห็นอีกฝ่ายเป็นเนื้อหมูไปเสีย ทั้งที่ทั้งสองคน ไม่เคยฆ่าหมูด้วยตนเอง เพียงแต่ ไปซื้อหมูที่ตายแล้ว จากโรงฆ่ามาชำแหละขาย ใจก็เหี้ยมเกรียมขึ้นมาได้

อาชีพใดที่ทำให้ใจเสียคุณภาพ เราจำต้องระมัดระวังให้ดี


[สารบัญ] [๔๑๖] [๔๑๗] [๔๑๘] [๔๑๙] [๔๒๐] [๔๒๑]