อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๒๔. รถเพชฌฆาต

วันและเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน ชีวิตผู้คนทางโลกต่าง ก็สาละวนอยู่กับภารกิจประจำวัน ในแต่ละวัน ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์เฉพาะหน้า ที่ต้องเผชิญอยู่ เสมอ ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะมีสติอยู่กับตัวแค่ไหน บางรายก็พบเหตุสุดวิสัย ยากที่จะช่วยเหลือตัวเอง ได้ทันท่วงที เรื่องราวของแต่ละชีวิตหนึ่ง ที่ลืมตาดูโลก และต้องเผชิญกับ เหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ถ้านำเรื่องราวทั้งชีวิต มาเขียนลงในหน้ากระดาษตั้งแต่แรก เกิดจนถึงปัจจุบัน คงจะเป็นหนังสือเล่มที่หนาที่สุดของแต่ละคน

เรื่องราวที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ ถ้าใช้วิจารณญาณ ก็จะพบกับสิ่งที่อัศจรรย์ใจ นั่นคือ อำนาจบุญ อำนาจของคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมือง ของชนชาวพุทธ มาช้า นาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องรักษา และคุ้มครองช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และจากที่เบาก็อาจมลายหายไปได้

คุณกัลยา เลิศชัยเพ็ชร อายุ ๕๐ ปี เล่าเหตุการณ์ถึงนาทีระทึกขวัญว่า ขณะที่เกิดเหตุนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ คุณกัลยาตั้งใจเพียงว่า จะไปปิดประตูโรงเก็บรถ แต่เผอิญรถเก๋งที่จอดอยู่ในโรงนั้น ยื่นท้ายออกมากีดขวาง ไม่สามารถปิดประตูโรงรถได้ เธอจึงต้องนำกุญแจรถมาสตาร์ท เพื่อขยับรถเดินหน้า พอเธอหมุนกุญแจ เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ขณะเดียวกัน เธอก็ก้าวเท้าซ้ายเข้าไป พร้อมกับมือซ้ายกำพวงมาลัย ก้มหัวกำลังจะเข้าไปนั่งในท่าพร้อมขับ

แต่ด้วยความไม่คุ้นเคยกับรถ เพราะญาติเพิ่งนำมาทดลองให้ใช้ ดังนั้นพอเครื่องยนต์ติด เกียร์ออโต้ (อัตโนมัติ) ก็ทำงานทันที รถถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะนิ่งอยู่กับที่ เพราะ ขณะนั้นเกียร์ที่คิดว่าว่าง ไปอยู่ในตำแหน่งของเกียร์ถอยหลัง เท้าซ้ายหวังว่า จะเหยียบเบรค แต่เท้าเจ้ากรรมไม่ยอมทำงาน ตามที่สมองสั่ง กลับไปเหยียบคันเร่ง เพราะความตกใจ เธอเหยียบคันเร่งจนมิดเท้า ส่งผลให้รถที่แรงอยู่แล้ว ถอยพุ่งไปอย่างรวดเร็ว สุดที่จะบังคับได้ ส่วนเท้าขวาซึ่งยังยืนอยู่นอกตัวรถ ก็ถูกลากไปทั้งตัว มือขวารีบจับประตูรถไว้แน่น รถถอยหลังออกจากโรงรถ อย่างรวดเร็ว

ปราการด่านแรกคือรั้วไม้ที่บ้าน ซึ่งเป็นไม้หน้าสาม และติดกับแนวรั้วนี้ก็คือ แถบรั้วสังกะสีของบ้านพัก เรือนไม้ชั้นเดียว รถคุณกัลยาถอยชนทุกอย่างที่ขวางหน้า ทะลุผ่านรั้วหลังบ้าน ของบ้านไม้หลังดังกล่าว พุ่งเข้าชนตัวบ้าน

ทุกอย่างที่ขวางอยู่ แหลกกระจุยกระจาย โอ่งน้ำมังกรใบใหญ่ หม้อและถ้วยชาม ทุกอย่างแตกหักเสียหายไปหมด รถคันนี้ก็ยังใส่เกียร์ถอยหลังต่อไป อย่างไม่ปรานีปราศรัย ในบ้านไม้ หลังนั้น มีอยู่สามชีวิต โดยสองชีวิตนอนหลับอยู่บนเตียง แต่อีกชีวิตหนึ่ง เป็นชายกำลังนั่งรับประทาน อาหารอยู่กับพื้นห้อง อย่างสบายอารมณ์ ในทันทีที่เขาลุกออกจากที่ เป็น วินาที เดียวกับรถเพชฌฆาตคันนี้ แล่นผ่านอย่างเฉียดฉิว จนรู้สึกถึงลม ที่ผ่านวูบปะทะร่างกายเขาไป รถเจ้าปัญหา ยังคงโลดแล่นต่อไป เฉี่ยวปลายเตียง ที่มีสองชีวิตนอนอยู่แล้ว ยังไม่หยุด อยู่แค่นั้น ยังทะลุออกผนังไม้ด้านหน้าบ้านอีก

คุณกัลยาบอกว่า เศษหลังคาสังกะสี และเศษไม้ หล่นตกลงมาที่หลังคารถ พร้อมกับเศษทรายแห้งๆ ที่อยู่บนหลังคา เทลงมาโดนหน้าเต็มๆ คุณกัลยาได้แต่หลับตาปี๋ มือจับขอบ ประตูรถ แน่น พร้อมกับนึกถึง หลวงพ่อวัดปากน้ำ และพระมหาสิริราชธาตุ ที่คล้องไว้ที่คอ พร้อมกับภาวนาในใจว่า หลวงพ่อช่วยด้วยค่ะ ช่วยหยุดรถที

รถทะลุผ่านบ้านไปถึงลานหน้าบ้าน เป็นบริเวณ สวนเล็กๆ มีเนินดินสูงประมาณ ๑ เมตร เพราะ เป็นดินที่เตรียมไว้สำหรับ ทำสวนหย่อมบริเวณหน้าบ้าน รถถอยพุ่งขึ้นไปหยุดสนิท บนเนินดิน โดยมีร่างของคุณกัลยาไถลลื่นไปนั่งอยู่ตรงท่อนเหล็ก ที่ยกสูงกว่า พื้นดิน และมีแผงเหล็กสามเหลี่ยม วางไว้ด้านบน เธอนั่งอยู่ตรงนั้น อย่างคนที่หมดเรี่ยวแรง

ชาวบ้านในซอยเจริญกรุง ๖๑ พากันแตกตื่น วิ่งมามุงกันเต็มไปหมด เพราะเสียงรถปะทะสิ่งกีดขวาง ดังไปถึงสิบหลังคาเรือน เสียงชาวบ้านตะโกน เพื่อเรียกคนที่อยู่ในบ้าน แต่ทุกอย่าง เงียบสงบ ไม่มีเสียงขานรับ บางคนถึงกับร้องไห้ตกใจว่า ตายแล้ว ต้องมีคนตายแน่ๆ เลย คุณกัลยายิ่งได้ยินคำว่า มีคนตาย ขณะที่หมดเรี่ยวแรงอยู่แล้ว ก็เกิดความรู้สึก อยากจะเป็นลม ขึ้นมาทันที คิดว่า ต้องมีคนโดนทับตายแน่ๆ เลย คุณกัลยาพยายามนึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างกะทันหัน นั่งนิ่งมือเท้าอ่อน แทบจะหมดแรงอยู่ตรงนั้น

แต่ปรากฏว่า ทุกคนในบ้านนั้นปลอดภัย และตนเองได้สติ จึงสำรวจตัวเองว่า มีอวัยวะส่วนใด ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้หรือไม่ ปรากฏว่าที่หางคิ้ว มีรอยสังกะสีบาดนิดหน่อย ส่วนอื่นๆ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น ชายเจ้าของบ้าน ที่นั่งทานข้าวอยู่ บอกว่า เจ๊ขับเข้ามาได้ยังไง เสียงดังปังๆๆ ดังมาก ผมนึกว่า ผมตายแล้วนะเนี่ย ยืนงงเลย มีชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ครั้งนี้ ถามว่า ห้อยพระอะไร เขาบอกว่า นึกว่าเขาถ่ายหนังกัน เหมือนกับหนังจีน ที่เป็นบทบู๊ที่มีรถทะลุบ้านเลย ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าจะรอดได้ ถูกรถลากมาไกลตั้งสิบกว่าเมตร

ภายในวันนั้น ประมาณบ่ายสามโมง บริษัทประกันภัย มายังสถานที่เกิดเหตุ สำรวจดูสภาพรถปรากฏว่า รถพังยับเยิน ด้านขวาทั้งแถบเป็นรอยยุบ ส่วนล้อหลังด้านขวาฉีกออกมา หลังคารถเป็นรอยบุ๋มยุบ เนื่องจากหลังคาบ้าน และแผ่นไม้หล่นลงมา ประตูด้านขวา ที่เธอจับไว้แน่น พับไปทางด้านหน้า แต่เป็นความโชคดีของคุณกัลยา ที่ทำประกันชั้นหนึ่งไว้ จึงไม่ต้องสูญเสียเงินทอง สำหรับซ่อมรถและซ่อมบ้าน โดยทางบริษัทประกันภัย ได้ดำเนินการแทนทุกอย่าง

คุณกัลยาเล่าว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เธอศรัทธาหลวงพ่อวัดปากน้ำ และพระมหาสิริราชธาตุ ที่ใส่คล้องคอไว้ตลอดมาก คุณกัลยาเองได้มาร่วมงานบุญใหญ่ที่ วัดพระธรรม กาย เป็นเวลา ๘-๙ ปีมาแล้ว แต่ก็มาได้เป็นบางครั้ง ถึงกระนั้น เธอก็ศรัทธา สร้างพระธรรมกายประจำตัว โดยฝากให้น้องชายและน้องสะใภ้ไปทำบุญให้ เพราะทั้งสองคน ได้เป็น กัลยาณมิตรให้เธอตลอด

เธอเองได้ประพฤติปฏิบัติธรรมไม่เคยขาด ถึงแม้จะไม่ค่อยมีโอกาสมาร่วมบุญด้วยตนเอง น้องชายและน้องสะใภ้ก็ได้นำเทปธรรมะส่งให้ฟังตลอด จิตใจอยู่ในบุญ โดยการสวดมนต์ ทุกเช้า-เย็น และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ทุกวัน บางครั้งมีเวลาหน่อย ก็สวดหลายจบ และพยายามนั่งสมาธิทุกเช้า-เย็น จะได้มากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ขอให้ได้นั่งทุกวัน

เธอกล่าวว่า ได้มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายแล้ว สบายใจ รู้สึกว่าทำบุญแล้วนึกถึงภาพที่ประกอบกุศลได้ง่าย รู้สึกชื่นใจเหมือนกับได้บุญเต็มที่ ดังนั้นบุญจึงติดตาม ผู้เป็นเจ้าของบุญ ไปทุกฝีก้าว แม้ไปเกิดข้ามภพข้ามชาติ และยังเป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏฏสงสาร ดังเหตุการณ์ที่ได้ถ่ายทอดมานี้


[สารบัญ] [๔๒๒] [๔๒๓] [๔๒๔] [๔๒๕] [๔๒๖] [๔๒๗]