อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๒๕. เฮงรอด...เฮงรวย

ใบหน้าของเธอดูอิ่มเอิบผ่องใส ดวงตาเป็นประกายฉายความหวัง และพลังแห่งความศรัทธาเชื่อมั่นที่ตนเองและสามี ได้ตัดสินใจในครั้งนี้อย่างถูกต้อง ในมือยังถือจดหมาย ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ่านทบทวนอีกหลายเที่ยว พร้อมทั้งนึกปีติขนลุกชูชัน ทึ่งในอานุภาพบุญอย่างไม่คาดคิดว่า ผลบุญจะส่งผลรวดเร็วและทับทวีคูณขนาดนี้

ย้อนไปเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๐ ก่อนจะได้รับจดหมายฉบับนี้ คุณขวัญชัยและคุณจิรภาพร้อมด้วยครอบครัว ได้พากันไปวัดพระธรรมกาย เพื่อ ปวารณาตัวเป็นประธานรอง ฉลอง ๙๐ ปีทองคุณยาย เมื่อสองสามีภรรยาได้ทำในสิ่งที่ทำได้ยาก สวมหัวใจเยี่ยงบัณฑิตในกาลก่อน เพราะการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ฝังทรัพย์ ไว้ดีแล้ว

ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่า จะตั้งใจเป็นประธานรอง ทอดกฐินร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ประจำปี พ.ศ.๒๕๔๐ โดยมีคุณยาย อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่ง ของ คุณขวัญชัยและคุณจิรภา เป็นประธานใหญ่ ทั้งสองจึงอยากร่วมบุญกับท่าน ด้วยความกตัญญู เพราะท่านคือครูผู้สืบสายธรรม ยอมอุทิศชีวิต เพื่อเผยแผ่วิชชาธรรมกาย จนมาถึง ยุค ของพวกเรา หลังจากที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้สั่งไว้ก่อนมรณภาพ

คุณจิรภามีที่ดินอยู่ ๒ แปลง อยู่ที่บางกรวยคิดจะเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์ ต้องการขาย แล้วนำปัจจัยมาร่วมถวายกฐิน พอดีช่วงนั้น มีหนังสือของการทางไฟฟ้า บอกว่า จะขอทำการปักเสา พาดสายไฟฟ้าแรงสูง ๕๐๐ กิโลโวลต์ ผ่านที่ของคุณจิรภา แต่ดูจากการประเมินตามที่เขาทำกัน เขาจะจ่ายค่าทดแทนเฉพาะ พื้นที่ที่ทำการปักเสา ให้สายไฟฟ้าผ่านเท่านั้น เพราะบริเวณ ที่มีกระแสไฟแรงสูงผ่าน จะต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง เจ้าของที่ดินจะเข้าไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

จากการไปดูผังที่เขาจะปักเสานั้น จะเข้าไปในพื้นที่ของคุณจิรภา ประมาณครึ่ง แปลง เขาคำนวณจ่ายค่าทดแทนไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท คุณจิรภาจึงปรึกษากับสามีว่า มีแนวโน้มที่ จะได้เงินค่าทดแทนทรัพย์สินในที่ดินของตน จากการไฟฟ้าเพียงแค่ ๓๐๐,๐๐๐-๕๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ความหวังที่จะขายที่ดินทั้ง ๒ แปลงก็หมดไป เพราะพื้นที่ในส่วนที่เหลืออยู่ใกล้ กับ กระแสไฟฟ้าแรงสูง ทำประโยชน์อะไรไม่ได้มาก ปลูกต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ได้ คงไม่มีใครตัดสินใจซื้อ

คุณจิรภาจึงถามสามีว่า ถ้าเป็นแบบนี้ยังจะตั้งใจทำบุญใหญ่อีกหรือ คุณขวัญชัยตอบอย่างไม่หวั่นไหวคลางแคลง ในบุญกุศลที่จะทำ ไม่เปลี่ยนใจหรอก ครอบครัวของเราจะสร้าง มหากุศลใหญ่นี้ อย่างแน่นอน

เมื่อสามีรับปากอย่างหนักแน่นเช่นนั้น เธอจึงปรึกษากันว่า ปัจจัยในส่วนที่ขาดหายไปจะหามาจากไหนดี ที่ดินก็หมดสิทธิ์ขายแล้ว จึงตกลงกันว่า ทรัพย์สมบัตินี้เป็นเพียงเครื่อง ทำ ประโยชน์แค่ในภพชาตินี้เท่านั้น เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็นำติดตัวไปไม่ได้ เป็นเพียงอุปกรณ์ในการทำความดี และสร้างบารมีให้มากยิ่งขึ้น จึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะนำอสังหาริม ทรัพย์ อย่างอื่นออกขาย ต้องพอสำหรับการทำบุญประธานรองอย่างแน่นอน

หลังจากการปวารณาตนเป็นต้นมา คุณจิรภาก็อธิษฐานจิตบอกหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า จะทำบุญนี้ขอให้มีทางมาแห่งทรัพย์ อย่างเป็นอัศจรรย์ จุดธูปกลางแจ้งทุกวัน เหลืออีกเพียง สัปดาห์เดียว เหตุการณ์ก็พลิกผัน ทางการไฟฟ้าได้แจ้งการประเมินว่า เขาจะจ่ายค่าทดแทนทรัพย์สินเป็นจำนวนเงิน ๑,๙๙๕,๖๓๗.๕๐ บาท โดยทางการไฟฟ้าให้เหตุผลว่า ค่าทดแทน นี้ ประเมินจากที่ดินทั้งแปลง เพราะเขาเห็นว่า ถ้าปักเสาไฟฟ้าแรงสูง ก็จะเข้าไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้ จึงประเมินให้เต็มพื้นที่ทั้ง ๒ แปลง จำนวน ๒ ไร่ที่มีอยู่ แต่พื้นที่ก็ยังคงเป็น กรรมสิทธิ์ ของคุณขวัญชัยอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัว ปีติกับสิ่งที่ได้สมความปรารถนา โดยการได้เป็นประธานรองสมดั่งที่ตั้งใจอย่างอัศจรรย์

คุณจิรภาบอกว่า ยิ่งมีโอกาสนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมีกำลังใจในการทำความดีทุกรูปแบบ รู้ว่ายังมีคุณธรรมอีกมากมาย ที่ตนเองจะต้องเร่งสั่งสม ให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ เพราะเมื่อ ทบทวนชีวิตตั้งแต่เกิดมา ตอนอยู่ในช่วงที่แสวงหาความรู้ อยากเรียน อยากมีความรู้ ก็ได้เรียน ต่อมาอยากได้รถก็ได้สมใจ มีครอบครัว มีลูกที่น่ารัก ครอบครัวก็อบอุ่น แต่ก็ยังรู้สึกว่า มีคำถามค้างคาใจอยู่ว่า เราเกิดมาทำไม เมื่อได้พบหมู่คณะ ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิมากขึ้น และศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนา อย่างจริงจัง จึงรู้เป้าหมายของชีวิตชัดเจนว่า เราเกิดมาสร้างบารมี

ล่าสุดเธอขวนขวายในบุญ ด้วยการออกไปนิมนต์พระภิกษุที่กาญจนบุรี มารับผ้าป่าทั่วประเทศครั้งที่สอง เธอเดินทางไปสมทบกับ กลุ่มกัลยาณมิตรซึ่งรออยู่ที่นั่น โดยคุณจิรภา ขับ รถยนต์ส่วนตัวไปเอง มีน้องๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในการสืบสาน อายุพระพุทธศาสนา นั่งรถไปด้วยกันรวม ๓ คน

การออกไปสร้างบารมีครั้งนี้เธอบอกว่า ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น สุดแต่คำสั่งของหมู่คณะตกลง จะให้ทำอะไร บุญจัดสรรให้เธอได้ออกไป นิมนต์พระตามวัดต่างๆ ในเขต อ.ทองผาภูมิ โดยเริ่มที่วัดเจ้าคณะอำเภอวัดแหลม ซึ่งท่านเข้าใจในเจตนาของญาติโยม เพราะเป็นปัญหาที่วัดส่วนใหญ่ กำลังประสบอยู่พอดี พระ-เณรขาดอาหารบิณฑบาต ขาดทุน การศึกษา และเห็นดีด้วยที่คณะสงฆ์ จะได้มีโอกาสไปร่วม สามัคคีธรรมกัน ทำให้เกิดภาพเกิดกำลังใจ ในการครองสมณเพศ พระใหม่ พระนวกะ ก็จะมีโอกาสได้กราบนมัสการ ชื่นชมศีลาจารวัตรของพระผู้ใหญ่ด้วย

ที่ทองผาภูมิ นิมนต์พระไว้ทั้งหมด ๖ วัด ตามกำหนดนัดทุกวัดต้องออกเดินทางตี ๒ แต่ปรากฏว่าตี ๒ กว่าแล้ว ทางวัดเชิงเขาโทรศัพท์แจ้งมาว่า รถยังไม่ขึ้นไปรับเลย คุณจิรภา จึงโทร ประสานงานกับรถที่ว่าจ้าง ปรากฏว่ารถไปจอดรออยู่ที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง พอทางคนขับรถรู้จุดที่จะไปรับพระและสาธุชนแล้ว เขาก็รับปากว่า จะนำรถขึ้นไปรับตามจุดที่ได้รับทราบ แต่ด้วยความเป็นห่วง คุณจิราภาจึงตัดสินใจขับรถขึ้นไปวัดเชิงเขา เพื่อดูความเรียบร้อย

คืนนั้นเป็นคืนข้างแรม บรรยากาศป่าเมืองกาญจนบุรีมืดสนิทดีจริงๆ คุณจิรภามีน้องอาสาสมัคร ๒ คน นั่งไปเป็นเพื่อน เธอสวมหัวใจยอดกัลยาณมิตร ขับรถฝ่าความมืดขึ้นเขา อาศัย พอมีความชำนาญทางบ้าง เพราะตอนช่วงกลางวัน เคยขับขึ้นมานิมนต์ท่านอยู่ ๒-๓ ครั้ง พอจะคาดคะเนได้ว่า โค้งไหนชันโค้งไหนลื่น วัดนี้อยู่บนเขาสูง ทางที่ใช้ขึ้นลง ยังต้องขึ้นทาง ลงอีกทาง เดินทางขาขึ้นปลอดภัย พอไปถึงปรากฏว่า รถบัสได้มารับพระภิกษุและสาธุชน ไปแล้ว รถทุกคันที่จัดไว้ออกครบทุกจุด

คราวนี้ต้องขับรถลงเขา ขาลงนี้คุณจิรภาชักไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะทางอันตราย จำได้ว่ามีจุดอันตรายมากอยู่จุดหนึ่ง เป็นทางโค้งหักศอกลงไปชันมาก ยังต้องตีโค้งในช่วงล่างอีก ข้างซ้ายมือเป็นเหวลึก ข้างขวาก็มีหนองน้ำใหญ่อยู่ แต่จำไม่ได้ว่า โค้งอันตรายนี้อยู่ตรงไหน เพราะโค้งบนเขานี้มีอยู่หลายโค้ง เธอขับรถฝ่าความมืดค่อยๆ คลานลงเขา วิ่งลงมาเรื่อยๆ ทุกคนในรถต่างนั่งเงียบ ยิ่งเพิ่มความเงียบของป่ายามดึกเข้าไปอีก ขับรถไปใจจรดศูนย์

โค้งแรกผ่านไปกำลังจะลงโค้งที่สอง ความมืดเป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง ในการคาดคะเนเส้นทาง รถอยู่ในจุดที่สูงมองลงไปเบื้องหน้า จึงไม่เห็นเส้นทางที่จะวิ่งต่อไป ทางตรงนี้ชันมาก แต่ยังไงก็ต้องลงทางนี้ เพราะมีอยู่ทางเดียว ด้วยความเคยชิน พอหักซ้ายปุ๊บชิดซ้ายทันที รถไหลลงเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ใต้ท้องรถ เสียดสีกับพื้นถนน น้องที่นั่งมา ด้วย อุทานด้วยความตกใจ "พี่" ขณะนั้นเองได้ยินเสียง กึกใหญ่พร้อมกับ การหยุดไหลของรถโดยอัตโนมัติ ทั้งที่ไม่ได้แตะเบรค รถหยุดเหมือนกับถูกฉุดรั้งเอาไว้

คุณจิรภารีบดึงเบรคมือไว้ แล้วรีบจับองค์พระมหาสิริราชธาตุที่คล้องอยู่ที่คอ ทุกคนรีบพาตัวเองออกจากรถ เพราะถ้าไม่มีอะไรบางอย่างดึงรถไว้ อันตรายเกิดแน่ พอออกจากรถมาได้ ต้องรีบสวดสรรเสริญ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง เพราะตรงนี้คือโค้งอันตรายที่น่ากลัวมาก เนื่องจากรถหักชิดซ้ายมาก เหลืออีกแค่ฟุตเดียว ก็จะลงเหวลึกประมาณตึกสิบชั้น ส่วนขวามือก็ หนองน้ำใหญ่เบื้องหน้าด้านล่าง ทางลาดชันอีกหลายเมตร พื้นถนนก็เรียบๆ แต่รถก็ยังคงถูกดึงค้างไว้ ไม่รู้ว่าจะหลุดไหลลงไปเมื่อไหร่

มองไปรอบๆ ข้าง ก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดเท่านั้น คุณจิรภาขอพึ่งความสว่างภายใน เริ่มสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ เธอบอกว่าน่าอัศจรรย์ใจ สวดไปได้แค่ครึ่งบท ก็มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามายังคนทั้งสาม ทุกคนต่างหันไปยังที่มาของแสง ซึ่งมาจากรถยนต์คันหนึ่ง กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา คุณจิรภาเริ่มใจชื้น คุณของพระรัตนตรัยท่านช่วยแล้ว

พอรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดยิ่งมั่นใจว่า อุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นกับรถของเธอ อย่างแน่นอน เพราะเป็นรถของเจ้าคณะอำเภอ ทองผาภูมิ ท่านบอกว่า ขับรถผ่านมา กำลังจะเดินทางไป วัดพระธรรมกายเช่นกัน ผ่านมาตรงนี้มองไปบนเขาเห็นแสงไฟแปลกๆ จะขึ้นเขาก็ไม่ขึ้นจะลงเขาก็ไม่ลง จึงมาดู ด้วยความชำนาญในพื้นที่ ท่านมีเมตตาช่วยผูกเชือกระหว่างรถทั้งสอง และดึงรถออกมา ให้พ้นจากจุดอันตรายได้ ในเวลาอันรวดเร็ว รถของคุณจิรภาปลอดภัยดังคำอธิษฐาน

คุณจิรภาปลอดภัยในครั้งนี้ด้วยอานุภาพบุญ เพราะดูจากจุดที่ว่ารถติดค้างอยู่ที่พื้นเรียบธรรมดา แล้วสิ่งใดล่ะที่ฉุดรถของเธอไว้ ตอนนี้ถ้า ให้ทำแบบเดิมอีก คิดว่ารถไม่เหลือแน่เลยค่ะ พร้อมกับคำกล่าวทิ้งท้าย บุญนี้เป็นธาตุสำเร็จนะคะ ยิ่งมีองค์พระมหาสิริราชธาตุ เป็นสื่อนึกถึงบุญในตัว ยิ่งทำความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเป็นอัศจรรย์ทันตาเห็นเลยค่ะ


[สารบัญ] [๔๒๒] [๔๒๓] [๔๒๔] [๔๒๕] [๔๒๖] [๔๒๗]