อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๓๘. ผจญมรณะ ๒๒๐ โวลต์

บรรยากาศสถานีรถไฟหัวลำโพง ถึงแม้จะย่างเข้าเวลาค่ำแต่ก็ยังดูเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ต้องการจะใช้บริการของการบรรดารถไฟแห่งประเทศไทยในการเดินทาง ครอบครัวของคุณป้าสุภา เอกสิทธิ์จิรวัฒน์ พร้อมด้วยคุณลุงเมธี ก็ต้องมารอรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราชเพื่อเดินทางกลับบ้าน โดยมีลูกสาวคุณบลรัตน์ เอกสิทธิ์จิรวัฒน์ หรือคุณแอ้ว ที่เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ ตามมาส่ง

มารดาพูดกับบุตรสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "แอ้ว งานหน้าลูกอย่าลืมไปรับพ่อกับแม่ ไปสั่งสมบุญใหญ่ที่วัดพระธรรมกายอีกนะลูก" "ค่ะแม่" แอ้วยิ้มรับกับความสำเร็จของตนเอง ที่ได้ตั้งใจทำหน้าที่ของลูก ได้พาผู้มีพระคุณทั้งสองมาพบหนทางอันประเสริฐ พบดวงแก้วภายในตัว ถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำตัวเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังบิดามารดาแล้ว ทางพระพุทธศาสนา สอนให้ว่า ควรให้ท่านทั้งสองตั้งอยู่ในศรัทธา การให้ทาน รักษาศีล และทำสมาธิภาวนา ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัว ท่าน ทั้งสองในภพนี้และภพเบื้องหน้า

ใบหน้าคุณป้าสุภาบ่งบอกถึงความรู้สึกประทับใจ เป็นสุขใจอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าคุณลุงเมธีผู้เป็นสามีที่ได้แต่นั่งเงียบๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มละไม เพราะทั้งสองท่านต่างได้รับประสบ การณ์ ที่ดีที่สุดของชีวิต เมื่อลูกสาวได้ชวนให้ไปร่วมงานบุญ งานวันมาฆบูชาปี พ.ศ.๒๕๔๑ ที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีโอกาสได้มาพบเห็น และเป็นส่วน หนึ่ง ที่ได้ร่วมสร้างบรรยากาศแห่งการทำความดีร่วมกัน พระภิกษุเรือนหมื่น สาธุชนเรือนแสน ต่างพร้อมเพรียงกันปฏิบัติบูชา เยี่ยงสมัยพุทธกาล

คุณป้าสุภา

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา สองสามีภรรยาวัยกลางคน ต่างได้นำหลักธรรมะที่ได้จากการไปวัดในครั้งนั้นมาปฏิบัติที่บ้าน ด้วยการสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน และเมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดบ้านเป็นบ้านกัลยาณมิตรชักชวน เพื่อนบ้านมาสวดมนต์ที่บ้านด้วย ประสบการณ์จากการทำสมาธิ ทำให้ชีวิตครอบครัวเจริญก้าวหน้า พบความสงบ ความสะอาด ความสว่างไสวภายใน เวลาไปกรีดยางที่สวนยางตอนเช้าๆ ทั้งคุณป้าสุภาและคุณลุงเมธี จะสวดบทสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุไปด้วย อยู่กับพระรัตนตรัยภายในอบอุ่นใจ ไม่ต้องกลัวภัยอันตรายใดๆ โดยเฉพาะคุณป้าสุภาชอบสวดมนต์มาก ด้วยพื้นฐานเป็นคนใจดี มีความเมตตาต่อเพื่อนบ้านลูกหลานอยู่แล้ว เวลาสวดสรรเสริญ 

คุณป้าก็จะถือโอกาสอธิษฐานจิตทำน้ำมนต์ใส่โถแก้วใบโตๆ เอาไว้ดื่มเอง และแบ่งให้ลูกหลานที่ไม่สบายดื่มหายจากอาการเจ็บป่วยอยู่หลายๆ ราย เช่น น้องฟ้าอายุขวบกว่า อยู่ข้างๆ บ้าน ร้อนใน เจ็บปาก ใช้ยาป้ายก็ไม่ทุเลา ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำอยู่ถึงสองวัน จนตัวเริ่มแดง ในปากมีผดแดงเต็มไปหมด แอ้วลูกสาวของคุณป้ากลับมาเยี่ยมบ้าน ชอบเล่น กับ น้องฟ้าอยู่แล้ว รู้ว่าไม่สบาย มาร่วมสองวัน รู้สึกสงสาร จึงนำน้ำมนต์พระมหาสิริราชธาตุมาอธิษฐานจิต แล้วหยดใส่ปากให้น้องฟ้าดื่ม ๒-๓ หยด ปรากฏว่าน้องฟ้ากลืนน้ำได้ ไม่ร้องแสบปาก รีบอุ้มกลับไปบ้านลองป้อนนมดู น้องฟ้าก็สามารถดื่มนมชงได้ และทานข้าวได้ อาการเจ็บปากหายเป็นปลิดทิ้งไปเลย

คุณป้าเล่าถึงอานุภาพที่ประสบด้วยตนเอง เป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อ ในตอนเย็นหลังจากพักงาน อาบน้ำทานข้าวเรียบร้อยแล้ว คุณป้าก็จะเข้าห้องไปสวดมนต์สรรเสริญคุณ ของพระรัตนตรัยบนบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ของคุณป้า บรรยากาศยามค่ำของบ้านสวนในชนบทช่างเงียบสงบ สายลมเย็นที่พัดมาจากทิวไม้ในสวนหลังบ้านพัดมาสบายๆ ความเงียบช่วยให้ใจของคุณป้านิ่งดิ่งสู่ความสงบภายในได้อย่างง่ายๆ วันนี้คุณป้าสวดมนต์เพียงผู้เดียว เนื่องจากคนอื่นยังไม่เสร็จภารกิจ คุณป้าจึงนำวิทยุเทปมาเสียบปลั๊ก

ป้าเริ่มสวดตามเสียงท่วงทำนองอันไพเราะ ตั้งแต่ทำวัตรเย็นจนถึงบทสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และบทสวดสรรเสริญหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ นั่งสมาธิต่อจนใจได้พักผ่อน ใจใสใจสบายดีแล้วจึงแผ่เมตตา กราบลา พระรัตนตรัย ออกจากสมาธิ แต่ด้วยใจคุณป้ายังเกาะเกี่ยวอยู่กับพระรัตนตรัย ปากก็ขึ้นบทสวดสรรเสริญใหม่ สวดไปเรื่อยๆ ทำโน่นปัดนี่ ไปจนกระทั่งเหลือบไปเห็นองค์พระของคุณลุงเมธี ซึ่งคุณลุงได้ถอดสร้อยลืมไว้ บนเต้าเสียบที่มีปลั๊กของวิทยุเทปเสียบอยู่พอดี 

คุณป้าเอื้อมมือไปจับสายสร้อยสแตนเลสที่คล้องอยู่โดยหารู้ไม่ว่า ปลายสายสร้อยสแตนเลสกำลังพาดบนขั้วเสียบสายวิทยุ พอมือไปสัมผัสกับสร้อยเท่านั้น กระแสไฟพุ่งเข้าง่าม นิ้วมือซ้าย เกิดอาการชาที่ปลายนิ้ว กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั่วบริเวณ ร่างกายซีกซ้ายอย่างรวดเร็ว แต่คุณป้าสุภาสติดีมาก ไม่หวั่นไหว ในเวลานี้ใครก็ช่วยป้าไม่ได้ นอกจาก "อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ" พึ่งบุญในตัวที่ได้ทำมา ยังคงตั้งจิตมั่นกับบทสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุต่อไป

เหลืออีกแค่สองบทสุดท้ายของการสวด ...สิ้นทุกข์มลายโศก ...นิรโรควิโยคภัย... จนกระทั่งถึง ...ประลุถึงพระธรรมกาย

คุณป้ารู้สึกถึงแรงดูดที่กำลังดูดร่างอยู่ จู่ๆ แรงนั้นก็หายไปเฉยๆ ร่างของป้าค่อยๆ ล้มลงเพราะหมดแรงต้านทานกระแสไฟฟ้า พร้อมกับเสียงระเบิดของแผงควบคุมวงจรไฟฟ้า ภายในบ้านดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นที่ชั้นบนของตัวบ้าน

ความมืดของบรรยากาศภายนอก ผนวกกับกระแสไฟฟ้าที่ดับลงกะทันหันทำให้บ้านมืดสนิท คุณป้าลุกไปหาเทียนไขมาจุด อาศัยความสว่างจากแสงเทียนไปหาโถแก้วใบใหญ่ มีน้ำมนต์ที่ป้าทำไว้เป็นประจำ ตักใส่ขันน้ำใบใหญ่ นำมือที่ยังรู้สึกปวดชาอยู่จุ่มลงไปในขันน้ำมนต์ แช่มือไว้ คุณป้าสวดสรรเสริญไปด้วย ขณะที่แช่มืออยู่ คุณป้ารู้สึกถึงกระแสแห่ง ความปวดชา พุ่งออกไปทางปลายนิ้ว คุณป้าสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุอีกหลายเที่ยว จนรู้สึกอาการปวดชาลดลง

เมื่อลูกชายและสามีกลับจากการทำงานเข้ามาถึงบ้าน คุณป้าจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ลูกชายขึ้นไปดูคัดเอ้าท์ที่ระเบิด ฟิวส์ก้ามปูทองแดงขาดพร้อมกัน ๒ เส้นเลย เห็นแล้วตกใจ อย่างยิ่ง ทั้งเกิดความอัศจรรย์ ใจยิ่งนัก เพราะธรรมดาเมื่อไฟช๊อตทั่วไปก้ามปูจะขาดแค่เส้นเดียว แต่ครั้งนี้ไฟช๊อตแรงมากถึงขนาดขาดไป ๒ เส้น แต่คุณแม่กลับไม่ได้รับอันตราย ถึงแก่ชีวิต เมื่อต่อฟิวส์เรียบร้อยแล้ว ไฟในบ้านกลับมาสว่างอีกครั้ง ทุกคนในบ้านต่างศรัทธา เชื่อมั่นในคุณของพระรัตนตรัยว่าท่านช่วยได้ แม้กระทั่งถูกไฟฟ้าดูด

คุณป้าสุภานั้น อธิษฐานจิตขอให้ร่างกายซีกซ้ายที่ถูกกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน อย่าได้เป็นอะไรเลย คุณป้าจรดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายตลอด ท่องสัมมาอะระหัง จนหลับไป รุ่งเช้าตื่น ขึ้นมาแต่เช้า ไหว้พระสวดมนต์ หุงข้าว ทำกับข้าว ตอนสายออกไปปลูกข้าว ดำนาได้สบาย แข็งแรงอารมณ์ดี คุณป้านำเรื่องอานุภาพบุญที่ประสบไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง ให้เกิดกุศลศรัทธาในคุณของพระรัตนตรัย ชวนให้ทุกคนมาเปิดบ้านกัลยาณมิตร สวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย ทำจิตใจให้ผ่องใส พร้อมที่จะทำความดีได้ในทุกๆ วัน 

ชีวิตของคนเราเปรียบเสมือนภาชนะดิน มีความเปราะบางยิ่งนัก ไม่รู้ว่าจะแตกสลายไปในวันใด เราถูกความแก่ ความเจ็บ และความตาย เผารนอยู่ตลอดเวลา สังขารร่างกาย ของเรา มีความเกิดดับอยู่ทุกอนุวินาที แต่เนื่องจากมีความสืบต่อกันเร็วมาก เราจึงไม่ค่อยรู้ถึงการเกิดดับนั้น ทำให้เกิดความประมาทในวัยและชีวิต 

ดังนั้นผู้มีปัญญาควรเร่งรีบในการทำความเพียร ดังเช่น ชีวิตของคุณป้าสุภา ผู้ไม่มีความประมาทในวัย ถึงแม้นว่ากว่าจะรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาเมื่ออายุมากแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมให้ในแต่ละวันผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ เพียรสั่งสมคุณความดี ทั้งกาย วาจา ใจ เมื่อถึง คราวที่ต้องผจญต่อมรณภัยที่มาเยือน ก็สามารถรักษาชีวิต รอดมาได้ ดำรงอยู่ เพื่อสั่งสมบุญบารมีต่อไป และเพื่อเป็นเสบียง ในการเดินทางให้พ้นจากวัฏสงสาร อันยาวไกล


[สารบัญ] [๔๓๔] [๔๓๕] [๔๓๖] [๔๓๗] [๔๓๘] [๔๓๙]