อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๔๓๙. เฉลยเงื่อน... ฟื้นปริศนา

ธรรมดาของมนุษย์เราเมื่อยามแก่เฒ่าก็หนีไม่พ้นโรคภัยไข้เจ็บที่แผดเผาร่างกายเรา อยู่ทุกอนุวินาที คุณพ่อปั๋น วงษา อายุ ๗๒ ปี พ่อเฒ่าวัยชราอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกหลาน ที่จังหวัดเชียงราย 

คุณยศธร ลูกชายของคุณพ่อปั๋นเล่าให้ฟังว่า คุณพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจประมาณ ๓ ปีมาแล้ว ปกติท่านก็ไม่เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่ต้องคอยเช็คร่างกายมาโดยตลอด คืนวันหนึ่ง ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน คุณพ่อมีอาการหอบอย่างรุนแรง คุณยศธรและพี่ชายคนที่ ๓ รีบบึ่งรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อพาคุณพ่อ ไป โรงพยาบาล ด้วยอาการไม่น่าไว้ใจ เขาขับรถฝ่าความมืด เส้นทางเลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขา เพื่อไป ให้ถึงยังโรงพยาบาลประจำจังหวัดคือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ กลางเมืองเชียงราย 

เวลาทุกวินาทีจึงมีค่ายิ่งนัก เพราะนั่นหมายถึงชีวิตของคุณพ่อที่อาจสิ้นใจ ระหว่างทางก็เป็นได้ ขณะที่เหยียบคันเร่งจนมิด คุณยศธรได้นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุไปตลอดทาง ขอให้ท่านช่วยคุณพ่อด้วย

ขณะที่ถึงโรงพยาบาล คุณพ่อตาเหลือกค้าง ขากรรไกรแข็ง จนคุณหมอต้องช่วยกันง้างออก เหงื่อกาฬเม็ดโตๆ ผุดเต็มหน้า คุณพ่อไม่รู้สึกตัวแล้ว หมอรีบเช็คร่างกาย แล้วนำเข้า ห้องไอซียูทันที 

คุณหมอบอกว่า เส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจทำงานได้แค่สองเส้นเท่านั้น ซึ่งปกติเส้นเลือดจะต้องทำงานสี่เส้นพร้อมกัน คุณหมอบอกว่าคิดว่าคืนนี้คงไม่รอด บอกทุกคนให้ทำใจ คุณยศธรและพี่ชาย นั่งฟังด้วยความตกใจที่อยู่ๆ คุณพ่อ มีอาการเช่นนี้และไม่เคยแสดงอาการมาก่อนเลย เขาจึงปรึกษาพี่ชายว่าจะนำเสื้อผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนให้คุณพ่อ เพื่อนำ ท่าน กลับบ้าน รู้สึกเสียใจมากเนื่องจากตลอดชีวิตที่ผ่านมาคุณพ่อท่านประพฤติธรรม สวดมนต์ทุกเช้า-เย็น ถวายข้าวพระทุกวัน และได้สร้างพระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ตลอดชั่วชีวิตท่านสั่งสมความดีมาโดยตลอด ทำไมจะต้องมาสิ้นใจอย่างรวดเร็วเช่นนี้

เขานึกทบทวนแล้วจึงไม่ยอมให้ความเศร้าหมองมาบั่นทอนความรู้สึก เมื่อได้สติจึงระลึกถึงพระมหาสิริราชธาตุที่คล้องอยู่ที่คอทันที เริ่มน้อมใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย เปล่งเสียงสวดส รรเสริญพระมหาสิริราชธาตุออกมาจากศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ใช้เวลาระหว่างที่คุณพ่ออยู่ที่ห้องไอซียู สวดสรรเสริญนับครั้งไม่ถ้วน และนั่งสมาธิอธิษฐานจิต ส่วนพี่ชายเคย อ่าน หนังสือพระมหาสิริราชธาตุ เคยเห็นเขาทำน้ำมนต์ให้คนไข้ดื่มแล้วฟื้น จึงจัดแจงหาแก้วน้ำมาให้คุณยศธรสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และอธิษฐานจิตขอให้คุณพ่อ รอดตายด้วยเถิด 

จากนั้นพี่ชายคนที่สามได้นำน้ำมนต์เข้าไปในห้องไอซียู ปกติคุณหมอจะไม่ยอมให้คนไข้รับประทานอะไรนอกเหนือที่หมอจัดไว้ เพราะกลัวการติดเชื้อ พี่ชายนำแก้วน้ำ เข้าไปที่เตียง คุณพ่อ ยกแก้วขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับอธิษฐานว่า "หลวงพ่อธรรมกายช่วยด้วยเถิดๆ" เขาค่อยๆ หยอดน้ำหยดลงปากคุณพ่อ

เวลาผ่านไปสิบนาที คุณพ่อเริ่มรู้สึกตัว คุณยศธรและพี่ชายมองหน้ากันด้วยความแปลกใจและรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นคุณพ่อรู้สึกตัวเร็วมาก พี่ชายรีบโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่า "น้องๆ พี่เชื่อแล้วๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง พ่อฟื้นแล้วๆ พี่ขอหลวงพ่อธรรมกายช่วย ดื่มน้ำมนต์แค่หนเดียวรู้สึกตัวเลย" เขาพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ 

รุ่งเช้าคุณพ่อลุกขึ้นนั่งได้ พร้อมกับพูดด้วยความงุนงงว่า ใครเอาอะไรมาใส่แขนพ่อระโยงระยางนี่ พอคุณหมอเข้ามาตรวจดูอาการ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง คนไข้ลุกขึ้นนั่งได้จาก อาการปางตาย คุณหมอรีบเช็คแล้วเช็คอีก เพราะการตรวจครั้งแรกนั้น คุณหมอเองก็หมดหนทางเยียวยาแล้วแต่ ทำไมคนไข้ถึงฟื้นได้ คุณพ่อพยายามจะลุกจากเตียง จนคุณหมอ ต้องขอร้องว่า "คุณตาๆ อย่าทำอย่างนี้ อย่าเพิ่งลุกไปไหน ให้ผมตรวจดูให้ดีๆ ให้ผมเช็คให้แน่นอนก่อน ผมไม่ให้ลุกขึ้นนะครับ" คุณพ่อปั๋นบอกว่าท่านหายแล้ว อยากกลับบ้าน ตาอยากเคี้ยวหมาก เอาหมากมาเคี้ยวหน่อย ท่านบ่นตามประสาคนแก่ แต่คุณหมอไม่ยอมให้คุณพ่อกลับ และไม่ให้ย้ายออกจากห้องไอซียู เพราะคุณหมอไม่แน่ใจว่า จะเกิดอะไร ขึ้น กับคนไข้อีก พร้อมกับพูดว่า "เป็นไปได้อย่างไร ขอหมอเช็คดีๆ ก่อนนะ"

หลังจากนั้นคุณพ่อได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ อาการของท่านดีขึ้นมาก ระหว่างที่ท่านอยู่ที่โรงพยาบาล คุณยศธรได้ถามว่าท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง คุณพ่อบอกว่า "ไม่เป็นอะไรเลย ไม่เจ็บไม่ปวด รู้สึกเย็นๆ สบายๆ" คุณพ่อพักอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณหนึ่งสัปดาห์ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ 

ด้วยความซาบซึ้งในคุณพระรัตนตรัย คุณยศธรเล่าว่าช่วงที่คุณพ่อยังอยู่ที่โรงพยาบาล จึงได้ชวนคุณพ่อสร้างพระแกนกลางบูชาธรรมหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ คุณพ่อท่านพยักหน้า เห็นดีด้วย คุณแม่เองท่านก็อยากสร้างด้วย เพราะเห็นว่าตนเองแก่มากแล้ว นำอะไรติดตัวไปก็ไม่ได้ นอกจากบุญเท่านั้น ขอผลบุญนี้เป็นเสบียงติดตัวไปยังภายภาคหน้า ลูกๆ ทุกคนจึงอนุโมทนาบุญกับท่าน

ปัจจุปันคุณพ่อปั๋น และลูกหลานเปิดบ้านกัลยาณมิตร เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวรวม ทั้งเพื่อนบ้าน ญาติมิตร ได้ประพฤติธรรมร่วมกัน เพื่อให้จิตใจเกาะเกี่ยวในบุญ ทุกคนมีจิตเป็น กุศล รู้สำนึกถึงการเกิดมาเป็นชาวพุทธและตระหนักในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

คุณยศธรยังเล่าเรื่องอานุภาพบุญจากพระมหาสิริราชธาตุ ที่เขาและภรรยาคือคุณชนิสรา ได้ประสบอานุภาพบุญด้วยนั่นคือ ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้ไปที่ห้างบิ๊กซี ที่กลางเมืองเชียงราย กลับบ้านไปโดยไม่รู้ว่ากระเป๋าเงินสีดำหายไป ข้างในมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง พร้อมกับบัตรเอทีเอ็ม ที่มีหมายเลขรหัสสอดไว้ มีเงินอยู่ในบัญชีแสนกว่าบาท มีรูปพระมหาสิริราชธาตุ และบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ในกระเป๋า กว่าจะรู้ก็เป็นเวลาเกือบสองวัน เพราะคุณชนิสราจะพกกระเป๋าเงินต่อเมื่อตั้งใจออกไปซื้อของนอกบ้านเท่านั้น ปกติอยู่บ้านจะไม่พก กระเป๋า ไว้ติดตัว ดังนั้นพอรู้แล้วตกใจมากเพราะไม่รู้จะไปหากระเป๋าเงินที่ไหน และ จำไม่ได้ว่าลืมไว้ที่ไหน 

คุณยศธรและภรรยาจนปัญญาขอพึ่งองค์พระมหาสิริราชธาตุ สวดสรรเสริญทุกวัน และอธิษฐานจิตตอกย้ำว่า "ขอให้กระเป๋าเงินไปตกอยู่ในมือของผู้มีศีลมีธรรม ขอให้ได้รับ กระเป๋าคืนด้วยเถิด"

จากนั้นประมาณ ๑ สัปดาห์ ก็มีพัสดุอีเอ็มเอสส่งมา เมื่อคุณชนิสราเปิดดูข้างใน ตื่นเต้นมาก เพราะเห็นกระเป๋าตนเองมีทุกอย่างอยู่ครบ และมีจดหมายแนบมาด้วย จึงอ่านดูได้ ทราบว่าชื่อคุณนิดหน่อย เธอได้พบกระเป๋าใบนี้ที่ห้างบิ๊กซี ซึ่งวางไว้บนกระโปรงรถคันหนึ่ง ไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงได้ดูที่อยู่ในบัตรประจำตัวประชาชน พอทราบที่อยู่ ได้จัดส่ง มาให้ คุณชริสราดีใจมากรีบบอกสามี เขาทั้งคู่จึงไปเสาะหาบุคคลผู้ใจดีท่านนี้ 

ขับรถจากตัวเมืองเชียงรายไปเกือบถึงอำเภอเชียงของ ไม่ลืมที่จะนำหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุติดมือไปมอบให้เธอ เพราะเชื่อว่าเธอต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม เมื่อได้พบกับ สตรีท่านนี้ได้ทราบประวัติของเธอแล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีใจคืนกระเป๋าให้ เพราะทางครอบครัวเธอเดือดร้อนมาก ลูกยังเล็กไม่สบายเป็นโรคหัวใจรั่ว และสามีเพิ่งมีเรื่อง เนื่องจากที่ทำงานก่อสร้างเกิดไฟไหม้คนงานได้รับบาดเจ็บ ต้องเสียค่ารักษาคนงานทั้ง ๔ คนจนเป็นหนี้สินรุงรัง ส่วนตัวเธอเองปลูกผักขาย รายได้แต่ละวันก็คงจะได้ไม่มากนัก คุณยศธรและภรรยาจึงขอบคุณคุณนิดหน่อยที่เธอได้ทำความดีในครั้งนี้ และพูดให้กำลังใจเธอ

การที่เราจะเป็นคนดีเพียงคนเดียวนั้นไม่ได้ เราควรมีคนรอบกายเป็นคนดีด้วย และการที่คนๆ หนึ่งทำความดี เป็นสิ่งที่ควรสรรเสริญยิ่งนัก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรง สรรเสริญ บุคคลที่ทำความดี ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ดังนั้นชีวิตที่เกิดมาก็ควรสั่งสมความดีเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน หลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร คุณยศธรและครอบครัว จึงยึดมั่นอยู่ในเส้นทางแห่งการทำความดีด้วยการหมั่นปฏิบัติธรรม เปิดบ้านกัลยาณมิตร ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างความดีเพื่อประกอบเหตุแห่งความดีไว้ และน้อมนำมา เป็นที่พึ่งของชีวิตในยามที่คับขัน


[สารบัญ] [๔๓๔] [๔๓๕] [๔๓๖] [๔๓๗] [๔๓๘] [๔๓๙]