----
ประเทศไทยเป็นเมืองพระพุทธศาสนา ประชาชน 80 % เป็นพุทธศาสนิกชน
แต่หลายท่านอาจจะสะกิดใจกับสถิติอาชญากรรม สถิติคนฆ่าตัวตาย
สถิติโสเภณี หรือการกดขี่ใช้แรงงานเด็ก
และสตรี สถิติการติดยาเสพติดประเภทผงขาวหรือเฮโรอีน
จนถูกเพ่งเล็งว่าเป็นประเทศส่งออกยาเสพติดของโลก
มีใครเคยคิดกันบ้างไหมว่า ชาวอิสานได้ชื่อว่าเป็นผู้เคร่งครัด
อ่อนน้อม ในการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ เป็นผู้มีปกติ
ทำบุญสุนทานมากที่สุด ภาคอิสานเป็นภาคที่มีครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคน รับรู้กันอยู่เคียงคู่กับการชอบทำบุญของชาวอิสานก็คือ
คนอิสานติดการพนัน กินเหล้า
มั่วสุมอบายมุขมากที่สุดกว่า ทุกภาค จนทำให้คนอิสานยากจนมากที่สุด
จากสภาพปัญหาของสังคมในปัจจุบัน
ความขัดแย้งของนโยบายการพัฒนาประเทศกับความเป็นจริงหรือสัจธรรม
ย่อมชี้ให้เห็นหายนภัยของคนไทย
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สัญญาณบอกเหตุหลายประการ กระตุ้นเตือนให้ผองไทยต้องดิ้นรนเดือดร้อนกันอยู่ตลอด
เวลา หรือบัดนี้ ถึงยุคมิคสัญญีดังพุทธทำนายแล้ว กระแสวัฒนธรรมบริโภคที่กำลังไหลบ่าอย่างรุนแรงกวาดต้อน
เอาพุทธศาสนิกชนให้หมุนวนไปกับการกิน การเสพ การบริโภค
จนเกิดเป็นกระบวนการทำลายล้างทรัพยากร
ธรรมชาติ ซึ่งมีผลสะท้อนกลับคืบคลานเข้ามากัดกินทำลายตัวของมนุษย์เอง
แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าซึ่งแต่ก่อนเป็นผู้นำพาให้ศาสนิกชนพบความสุขความเจริญ
แสวงหาความหลุดพ้น
ด้วยวิถีแห่งความสะอาด สว่าง สงบ ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาทางด้านจิตใจ
แต่กาลปัจจุบันกลับแปรเปลี่ยนไป
แม้ตัวเจ้ากูเองก็มิพ้นจากกระแสแห่งโลก ถูกกวาดต้อนให้จมลงสู่กระแสธารแห่งความวิบัติของโลกธรรม
---
ศาสนาพุทธสอนว่าผลทุกอย่างเกิดขึ้นแต่เหตุและผลของกรรมที่สังคมไทยปัจจุบันกำลัง
ประสบอยู่ยังมิเพียงพอ ที่เหล่าพุทธบริษัทจะสรุปได้หรือว่า
ทำไมศาสนาพุทธจึงนำพาสังคม
ไทยสู่หายนะ?
ผลพวงปัจจุบันพอจะบอกได้ไหมว่า สงฆ์สาวกท่านอบรมสั่งสอน
เผยแผ่พุทธธรรมกันอย่างไร?
จึงทำให้ชาวพุทธทุกวันนี้ยากจนและตกต่ำทางจิตใจมากยิ่งขึ้น?
ศาสนิกชนในปัจจุบันชอบบริจาคทานสร้าง
โบสถ์สร้างวิหารปิดทองฝังลูกนิมิต เชื่อโชคลาง ชอบดูหมอ
ใบ้หวย ถือของศักดิ์สิทธิ์ของขลัง นับถือกราบไหว้พระ
พุทธรูปเพื่อหวังโชคลาภ ร้องขอให้ฟ้าดินป้องกันผองภัย
ทำทานแต่ละครั้งตั้งจิตอธิษฐานล้วนเพิ่มพูนกิเลสตัณหา
ของตัว บัดนี้ พระพุทธศาสนายังมั่นคง ตั้งมั่นอยู่ในสังคมไทยจริงหรือ?
พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า
ศาสนาพุทธจะดำรงอยู่ได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพุทธบริษัททั้งสี่
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
-- -แต่มาปัจจุบันนี้ไม่ว่าเราจะมองไปที่พระสงฆ์ไทยส่วนรวม
มองลึกไปสู่วัตรปฏิบัติของ
แต่ละรูป หรือการมองไปที่อุบาสกอุบาสิกาหรือภาพรวมของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
การปฏิบัติ
ตนของคนในสังคมทั้งหมดนี้ คงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าสถานภาพของศาสนาพุทธในสังคมไทยปัจจุบัน
ย่อมไม่มั่นคงอย่างที่หลายคนเคยคิดไว้
พระศาสดาทรงตรัสว่า "ธรรมทุกอย่างเกิดขึ้นแต่เหตุ
เราตถาคตได้แสดงเหตุและความดับสนิทแห่งเหตุนั้นแล้ว
" ครั้งนั้น แม้พระสารีบุตรได้ฟังจากพระอัสสชิก็บรรลุโสดาบันทันที
ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคต
ก็จะทรงความเป็นจริงของสัจจะข้อนี้ตลอดไป ทุกข์ของสังคมในปัจจุบันหรือในอดีต
ไม่ว่าจะแตกต่างกันจาก
สภาพของปัญหา สภาพแวดล้อมตัวบุคคล หรือยุคสมัยใดๆ ก็ตาม
ย่อมเกิดขึ้นจากเหตุเดียวกันทั้งสิ้น
--
ปัญหาต่างๆ เป็นเพียงเงาของตัวจริงเหมือนภาพในกระจกเงา
การตามแก้ไขปัญหา
เหมือนการตามลบภาพเหล่านั้น ย่อมไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่ตัวจริงยังปรากฏอยู่
ปัญหาความยากจนอดอยาก ก็เพราะคนไม่ปฏิบัติธรรม ปัญหาโรคเอดส์ระบาดก็เพราะคนไม่ปฏิบัติธรรม
ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ติดขัดก็เพราะไม่ปฏิบัติธรรม
ปัญหาสภาพแวดล้อมถูกทำลาย
ก็เพราะคนไม่ปฏิบัติธรรม ปัญหาโสเภณีและเด็กจรจัดก็เพราะคนไม่ปฏิบัติธรรม
ฯลฯ นานาปัญหากำลัง
เกิดขึ้น และเกิดขึ้นเป็นทวีคูณ ก็เพราะเกิดจากคน..และจากคนที่ไม่ปฏิบัติธรรม
--
ฉะนั้น การแก้ปัญหา จึง ต้องแก้ที่คน คือ แก้ให้คนเป็นผู้ทรงธรรมเท่านั้น
แต่ในปัจจุบัน
นักแก้ปัญหากำลังหลงประเด็น หลงทาง คือตามแก้ไขลบภาพในกระจกเงา
มันเหมือนเท้าที่สกปรก เดิน
ไปถึงไหนก็ทำความสกปรกไปถึงนั่น ถ้าท่านเป็นผู้ทำความสะอาดต้องตามเช็ดตามล้างแล้วเมื่อไหร่จะยุติ
โดยเฉพาะพระสงฆ์ในปัจจุบัน ซึ่งแทนที่จะยึดพุทธพจน์
นำศาสนธรรมมาแก้ไขปัยหาของชาวโลก มอง
ปัญหาของสังคมอย่างถูกต้องอย่างชัดแจ้ง วิเคราะห์ปัญหาด้วยหลักการของพระพุทธศาสนา
ท่านก็จะพบว่า
ถ้าพระสงฆ์อบรมสั่งสอนชี้แนะ ปลูกฝังศีลธรรมให้มั่นคงในจิตสำนึกของพุทธศาสนิกชนแล้ว
ปัญหาทั้งหลาย
ที่กล่าวมาแล้วนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น และที่กำลังเกิดก็จะค่อยๆ
ดับลงไป
--
แต่ทุกวันนี้ พระสงฆ์กำลังวิ่งวนไปตามกระแสปัญหา หนีห่างจากการปฏิบัติตามคำสอน
ของพระศาสดา อยากช่วยชาวบ้าน ถึงขนาดที่บางรูป
เข้าไปช่วยชาวบ้านทำมาหากิน
จะช่วยแก้ปัญหาความยากจนของชาวบ้าน แทนที่จะมองสาวลงไปหาเหตุของความยากจน
กลับวิ่งวน
ไปตามปลายเหตุ มุ่งอบรมสั่งสอนแนะนำการทำมาหากิน จนลืมนึกถึงสมณสารูป
บางรูปถึงกับสอนชาวบ้าน
เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา บางวัดถึงขนาดตั้งโรงสีข้าว ตั้งสหกรณ์ต่างๆ
ในวัด และที่น่ากลัวไปกว่านั้น สถาบันหลาย
แห่งของทางโลก กลับวิ่งเข้ามายกย่องรับรองให้รางวัล
ซึ่งยิ่งมองก็ยิ่งน่าขันเป็นอย่างยิ่ง เมื่ออดีตมีแต่พระศาสดา
มีแต่พระสงฆ์ที่เป็นผู้รองรับวิญญาณ ว่าคนนั้นคนนี้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
แต่ปัจจุบันกลับเป็นตรงกันข้าม การที่
พระสงฆ์ละเลยการปฏิบัติธรรม ประกอบการงานที่ไม่ถูกต้อง
(มิจฉากัมมันตะ) ย่อมนำพาจิตใจห่างเหินพระสัจ
ธรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุแห่งความเสื่อมของสมณภาวะ แทนที่จะเป็นการช่วยบุคคลอื่นให้พ้นทุกข์
กลับนำทุกข์มาให้ทั้งตนเองและคนที่จะช่วยเหลือ
--
ท่านพุทธบริษัททั้งหลาย บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านทั้งหลายควรลืมตามองดูความเป็นจริง
ของ โลก รู้เห็นเท่าทันโลก รู้ว่าสิ่งใดควรทำควรสนับสนุน
สิ่งใดควรยกเว้น สิ่งใดเป็นประ
โยชน์ มิใช่ประโยชน์ แล้วดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด.
จงร่วมกันสร้างคนเถิด
จงหยุดสร้างเสริมวัตถุเถิด
จงร่วมกันสร้างพระภิกษุสงฆ์สามเณรเถิด
จงหยุดสร้างวัตถุเถิด
จงร่วมกันสร้างเสริมคุณธรรมเถิด
จงหยุดสร้างวัตถุเถิด
|
(พระวิทยา
จิตตธมโม)
เจ้าอาวาสวัดเขาสาป
จังหวัดระยอง 4 เมษายน 2535
|