วันนี้ วัน ข้อมูล-บทความ กระดานเสวนา สมุดเยื่ยมชม ทีมงาน ติดต่อเรา

  หน้าแรก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 


 บริการผ่านเว็บ
ตรวจสลากกินแบ่ง
ค้นหาเบอร์โทรศัพท์
ค้นหารหัสไปรษณีย์
ตารางการเดินรถไฟ
คำนวนระยะทาง


 


กินสดไส้ติ่งอักเสบ
ผักผลไม้ลดปัญหาไส้ติ่งอักเสบ
ผู้ที่เป็นไส้ติ่งอักเสบส่วนใหญ่มักไม่ถึงตาย ทั้งนี้ เพราะวิทยาการทางการแพทย์ยุคใหม่ทำให้สามารถผ่าตัดไส้ติ่งได้ทัน ไส้ติ่งอักเสบจึงกลายเป็นเรื่องปกติของเด็กฝรั่ง ได้ยินได้ฟังกันชาชิน แม้แต่เด็กไทยเองในปัจจุบันก็เริ่มจะบ่นรื่องไส้ติ่งอักเสบให้ได้ยินกันบ่อยขึ้น
ไส้ติ่งอักเสบก็เพราะมีเศษอาหารไปตกค้างในไส้ติ่ง ตามปกติร่างกายจะมีกลไกขจัดเศษอาหารแข็งเกินไปร่างกายก็ขจัดไม่ไหว เหมือนมีคราบหินปูนไปเกาะฟัน แปรงฟันธรรมดาคงยากที่จะขจัดหินปูนออกไปได้

วิธีการที่ป้องกันเศษอาหารตกค้างในบริเวณไส้ติ่งจำเป็นจะต้องใช้ 2 เทคนิคง่าย ๆ เทคนิคแรกคือทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านบริเวณปากไส้ติ่งเร็วขึ้น และเทคนิคที่สองคือจะต้องทำมห้เศษอาหารนุ่มขึ้น อย่าให้แห้งหรือแข็งเกินไป

การเพิ่มฟักผลไม้หรือแม้กระทั่งธัญพืชรวมไปถึงอาหารประเภทถั่วในมื้ออาหารจะทำให้ร่างกายได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้น ใยอาหารเหล่านี้ย่อยได้ยากทำให้มีมวลมาก ถ่วงอาหารให้เคลื่อนตัวไปตามทางเดินอาหารเร็วขึ้น

ขณะที่ใยอาหารบางชนิดผ่านทางเดินอาหารมันจะดึงน้ำไว้ ทำให้ใยและกากอาหารเหล่านี้อ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง หากว่าเศษอาหารพวกนี้เข้าไปติดในไส้ติ่งมันก็ยังถูกกำจัดออกไปได้ยากเย็นนัก ไม่ถึงขนาดทำให้บริเวณปากไส้ติ่งปิดตายเหมือนกับที่เกิดกับอาหารแข็ง โอกาสไส้ติ่งจะอักเสบก็ย่อมน้อยลง

การรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช หรือข้าวขัดสีน้อยให้มากขึ้นจึงทำให้ร่างกายได้ใยอาหาร ผลดีต่าง ๆ ที่ตามมา คือ เรามีสุขภาพดีขึ้น เป้นมะเร็งในทางเดินอาหารน้อยลง คุมไขมันในเลือดได้ดีขึ้น ไม่มีปัญหาดรคอ้วนเบาหาวนจะหลีกหนีไปไกล และไส้ติ่งอักเสบไม่มารบกวน

นักวิชาการชาวตะวันตกหลายคนกล่าวว่าชาวเอเซีย ชาวแอฟริกาอุจจาระกันบ่อย ทั้งก้อนใหญ่ เพราะรับประทานใยอาหารกันมาก ส่วนฝรั่งถ่ายอุจจาระน้อย ก้อนเล็ก มีกลิ่นเหม็น เพราะรับประทานใยอาหารน้อยอยากจะลดปัญหาไส้ติ่งอักเสบจึงต้องรับประทานใยอาหารหรืออาหารประเภทพืชผักให้มากขึ้น แต่น่าเสียดายคนไทยยุคใหม่แม้จะอยู่ในดินแดนผักผลไม้แท้ ๆ เป็นแผ่นดินที่เรียกว่าสวรรค์แห่งผลไม้เมืองร้อน (Paradise of the tropical fruits) กลับรับประทานผักผลไม้น้อย นิสัยการบริโภคอย่างนี้เห็นทีจะต้องเปลี่ยนให้ได้

กินลดโรคหัวใจ
กินลดครอเลสเทอรอล

โครงการให้การศึกษาเรื่องคอลเลสเทอรอลแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NCEP) มีข้อแนะนำทางโภชนาการเพื่อลดครอเลสเทอรอลออกมาดังนี้

หากควบคุมระดับครอเรสเทอรอลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป วิธีปฏิบัติอย่างง่าย ๆ ในทางโภชนาการมีอยู่ 2 – 3 ข้อ ข้อแรกก็คือต้องได้รับอาหารให้เพียงพอ ถูกสัดส่วน และต้องได้รับอาหารหลากหลายชนิด อย่ารับประทานอาหารซ้ำซากจำเจ

ข้อที่สองคือควบคุมน้ำหนักให้ปกติ อย่าให้มากหรือน้อยเกินไปเรื่องความพอเหมาะของน้ำหนักตัวนั้นมีหลายทฤษฎี แต่วิธีการคิดคำนวณง่าย ๆ ก็คือให้ใช้ส่วนสูงคิดเป็นเซนติเมตรหักลบด้วย 100 – 110 ผลที่ได้จะเป็นน้ำหนักตัวคิดเป็นกิโลกรัม เช่น ใครสูง 170 เซนติเมตรควรมีน้ำหนักตัวประมาณ 60 – 70 กิโลกรัม หากมีน้ำหนักตัวมากหรือน้อยไปกว่าค่านี้ร้อยละ 20 อย่างเช่นต่ำกว่า 48 กิโลกรัมหรือมากกว่า 84 กิโลกรัมย่อมถือได้ว่าคนนั้นมีน้ำหนักตัวน้อยหรือมากเกินไปแล้ว

การควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลดีนั้นต้องคุมจากอาหารเป็นหลัก ขณะที่การควบคุมน้ำหนักโดยการออกกำลังการยจะให้ผลน้อยกว่า อย่างเช่นหากเรารับประทานข้าวเปล่าไป 1 จาน อาจจะต้องออกกำลีงกายขนาดปานกลางมากกว่า 1 ชั่วโมงเพียงเพื่อสลายพลังงานจากข้าว 1 จานนี้ ซึ่งไม่คุ้มกับกำลังงานและเวลาที่เสียไปเลย หากอดใจไม่รับประทานให้มากเกินไปย่อมจะได้ผลในการควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า

การควบคุมน้ำหนักมีผลต่อการควบคุมคอเลสเทอรอลก็เพราะคนที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป การควบคุมคอเลสเทอรอลหรือการลดครอเลสเทอรอลจะทำได้ยากขึ้น และยิ่งยากขึ้นเป็นทวีคูณหารน้ำหนักมากจนเกินระดับปกติ

ข้อที่สาม การควบคุมคลอเลสเทอรอลก็คือลดการรับประทานไขมันสัตร์หรือไขมันอิ่มตัว โดยต้องระวังอย่าให้ร่างกายได้รับพลังงานจากไขมันอ่มตัวเกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่บริโภค ยกตัวอย่างเช่น หากร่างกายต้องการพลังงานวันละ 2,200 แคลอรี ร่างกายก็ไม่ควรได้รับไขมันอิ่มตัวเกิน 24 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 – 2 ช้อนชา (1 ช้อนชาเท่ากับ 5 มิลลิกรัมหรือ 5 ซีซี)

ข้อที่สี่คือจำกัดการรับประทานไขมันทั้งอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวลงให้ได้ โดยอย่าให้ร่างกายได้รับพลังงานจากไขมันเกินร้อยละ 30 หรือไม่ควรเกิน 73 กรัม คิดง่าย ก็คือประมาณ 5 ช้อนชา หรือ 1.5 ช้อนโต๊ะ และข้อสุดท้ายคือจำกัดการรับประทานคอเลสเทอรอลจากอาหารไม่ให้เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเป็นคอเลสเทอรอลจากไข่ไก่ประมาณหนึ่งฟองครึ่ง

ข้อปฏิบัติอย่างนี้อาจฟัวดูว่าวิชาการมากเกินไป ปฏิบัติตามได้ยาก แต่ก็มีวิธีง่าย ๆ ให้ปฏิบัติตามคือ รับประทานอาหารให้หลากหลายมากขึ้นและดูแลน้ำหนักตัวไว้ให้ดี คอยสังเกตอยู่บ่อย ๆ ว่าน้ำหนักตัวเกินปกติหรือเปล่า หากมีน้ำหนักตัวมากเกินไปควรหาหนทางลดน้ำหนักลงให้ได้ หากลดไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องระวังการรับประทานไขมัน หาทางลดไขมันจากอาหารให้มากที่สุด