อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๕. ด้วยแรงอธิษฐาน

คุณเฉลิมพร (อุ้ม) เถระพันธุ์ พี่สาว และคุณธีระพล (แอ้) เถระพันธุ์ น้องชาย เป็นผู้เล่าเรื่องนี้โดยเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ทั้งสองคนทำสำเร็จ นั้นเป็นเพราะ อานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ ทั้งสองเล่าไว้ว่า

เมื่อคุณเฉลิมพรทำบุญสร้างองค์พระที่แกนกลางพระมหาเจดีย์ เพื่อบูชาธรรมจารึกชื่อพระเดชพระคุณ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ไปแล้ว ยังไม่ถึงกำหนดเวลารับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ เวลานั้นอยู่ระหว่างทำหน้าที่ เชิญชวนสตรีทั้งหลายไปบวชอุบาสิกาแก้วหนึ่งแสนคน บูชาพระคุณแม่ของตนเอง และแม่ของชาติในโอกาสวันแม่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๑ (แต่งานบวชกระทำกันในวันที่ ๗-๙ สิงหาคม) โดยคุณเฉลิมพร มีหน้าที่จัดรถรับส่งคนที่ไปด้วย

ก่อนออกเดินทางพาผู้คนไปวัดในวันที่ ๗ สิงหาคม ได้รับโทรศัพท์ จากเจ้าหน้าที่ของวัดว่า มีคนทำบุญสร้าง องค์พระที่แกนกลางเจดีย์ บูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อกันมาก วันนี้จะต้องหมดแล้วแน่นอน ฟังแล้ว คุณเฉลิมพรตกใจมาก เพราะน้องชายของเธอชื่อคุณธีระพล อยากทำบุญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง กำลังเดินทางไป ตามบ้านญาติเพื่อขอยืมเงินให้ครบจำนวนของตนเองมีไม่พอ

เจ้าหน้าที่ของวัด ชื่อคุณนิภา แนะนำว่า ควรทำสมาธิอธิษฐานจิตขอพระมหาสิริราชธาตุ เพราะเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก คุณเฉลิมพรท้วงว่า เธอได้ทำบุญสร้างพระไปแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้รับพระของขวัญดังกล่าว เพราะยังไม่ถึงวันกำหนดรับ อีกฝ่ายตอบว่า นึกถึงภาพพระมหาสิริราชธาตุ ที่ติดอยู่บนปกเทปคำบรรยายที่คุณ เฉลิมพรมีอยู่ก็ได้ คุณเฉลิมพรรับคำ แล้วรีบขึ้นไปที่ห้องพระ เพื่อหยิบเทปม้วนนั้นจะใช้ทำสมาธินึกถึงท่านแล้ว อธิษฐานจิตให้ท่านช่วยน้องชาย

เมื่อเข้าไปในห้องพระ คุณเฉลิมพรต้องตกใจเป็นกำลัง เพราะม้วนเทปยังอยู่แต่ภาพพระมหาสิริราชธาตุ หายไป เหลือแต่กล่องเปล่า ทำให้ นึกไปถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระ นี่เกิดอะไรขึ้น จริงอยู่พระท่าน ศักดิ์สิทธิ์ไปไหนมาไหนได้เอง ทำไมจึงหนีเราไปเสียแล้ว เรามีความผิด อะไร ท่านจึงไม่อยากอยู่ด้วย แม้จะรู้สึกเสียใจ ว่าท่านหนีไปแล้ว ก็ยังรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ว่าขนาดไม่ใช่พระของจริง เป็นเพียง แผ่นภาพ รูปพระบนปกเทปยัง ศักดิ์สิทธิ์หนีได้อย่างไร

ไม่มีรูปภาพองค์พระมหาสิริราชธาตุ คุณเฉลิมพรก็ไม่ท้อถอยช่วยเหลือน้องชาย หยิบเอากล่องเทปเปล่า นั่นเองมาดู ทำสมาธิโดยเอา กล่องเทปนั่นแหละ เป็นอารมณ์นิมิต แล้วอธิษฐานจิตตามไปว่าขอให้น้องชายหาเงินทำบุญได้ทันในวันนี้ สักครู่น้องชายกลับมาบ้าน สีหน้า ยังกังวลไม่แจ่มใส บอกพี่สาวว่ายังไม่มีใครให้ยืมเงินเลยพี่ แต่ผมไม่หมดหวังหรอก เดี๋ยวจะไปพูดกับพี่เล็กดู (เป็นญาติลูกพี่ลูกน้อง) พูดแล้วก็รีบ เดินทางออกไปหาญาติผู้นั้น แล้วอธิษฐานจิตบอกท่านว่า หากพระมหาสิริราชธาตุศักดิ์สิทธิ์จริงแล้ว ขอให้น้องของข้าพเจ้าพูดยืมเงินแล้ว สำเร็จ ทันที

ตั้งจิตอธิษฐานไปได้ไม่ถึง ๓ นาที น้องชายก็วิ่งเข้ามา ส่งเสียงบอกพี่สาวแสดงความดีใจเต็มที่ สำเร็จแล้วครับพี่ เขาตกลงให้ยืม ผมได้สร้าง พระแล้ว ไชโย้ ไชโย

คุณธีระพลได้เล่าเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า ผมต้องการทำบุญสร้าง พระธรรมกายที่แกนกลางเจดีย์ บูชา ธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ของเรา มาก บอกพี่สาวไว้ว่า ขอสร้างทันเป็นองค์สุดท้ายก็ยอม (องค์พระมีจำนวน จำกัด) ผมได้ยินคำแนะนำจากพี่นิภา ให้ตั้งจิตอธิษฐานกับ พระมหาสิริราชธาตุ   ถ้าไม่มีของจริงใช้ภาพถ่ายที่ปกเทปก็ได้ ผมจึงรีบขึ้นไปที่ห้องพระ หยิบเอาภาพที่ปกเทปติดตัวไปด้วย ในขณะที่ยืมเงิน คนโน้นคนนี้ ก็นึกอธิษฐานให้ท่านช่วย เวลาผมพูดยืมเงิน ผมไม่กล้าบอกความจริงว่า จะเอาไปทำบุญ เกรงถูกตำหนิว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ไม่มีก็ ไม่เห็นต้องทำ ขนาดยืมเงินคนทำบุญน่ะ บ้าบุญมากไปรึเปล่า เพราะ กลัวถูกตำหนิ ผมก็พูดอ้างเหตุไม่จริงไปต่างๆ เอาไปซ่อมบ้านบ้าง เอาไปซื้อยา ให้แม่บ้าง ฯลฯ จึงเลยขอยืมไม่สำเร็จ สักราย พอถึงรายสุดท้ายพูดความจริงจากความรู้สึกทั้งหมดในใจ ที่มีความเคารพบูชา ในพระคุณของหลวงพ่อ ของเรา พี่เล็กก็เห็นใจให้ยืมทันที

คุณเฉลิมพรรับเงินจากน้องชายแล้ว วันที่ ๗ สิงหาคม ต้องพาผู้คนมาบวชอุบาสิกาแก้ว ๑ คันรถบัส จะนำเงิน ไปทำบุญ ต้องพบปัญหาใหม่ ที่ต้องขอให้พระมหาสิริราชธาตุช่วยเหลืออีก คราวนี้นึกถึงท่าน โดยไม่ต้องมีวัตถุอะไรแทนแล้ว เพราะรู้ว่าภาพที่หายไปเป็นเพราะน้องชายเอาไป เธอจึงนึกถึงบุญ ที่เธอสร้างองค์พระแกนกลางที่ทำไว้ รวมทั้ง บุญใหม่ของน้องชายที่กำลังจะนำไป ทำให้แก้ปัญหาไปได้สำเร็จอย่างน่าแปลกใจ คือ

ครั้งแรกติดต่อได้รถบัสราคาถึง ๑๔,๐๐๐ บาท ติดต่ออีกกี่คันก็ราคาเดียวกัน แถมยังไม่ว่าง รับงาน วันที่ ๗ สิงหาคม เพราะติดไปที่อื่น จนหมด หลังจากอธิษฐานจิตต่อ พระมหาสิริราชธาตุ แล้วเท่านั้น ติดต่อเจ้าของรถ รายใหม่ได้โดยไม่ต้องต่อ ราคาเพียง ๑๒,๐๐๐ บาท

ติดต่อรถได้ แล้ว จำนวนคนไปวัดยังไม่แน่นอน คุณเฉลิมพรเกรงคนไม่เต็มรถ ใช้วิธีอธิษฐานขออีก หาผู้คนได้ จนครบ นัดจุดรับไว้ ๔ จุด ขณะเดินทางใจ คุณเฉลิมพรวุ่นวายตลอดเวลา เกรงผู้คนไม่มาตามนัด

จุดแรกมาเพียง ๑๘ คน คนจัดเริ่มใจไม่ดี ต้องเริ่มทำสมาธิ ขอความช่วยเหลือ ตามเคย

จุดที่สอง ได้อีกแค่ ๔ คน ใจเสียหนักขึ้น รถมีที่นั่งถึง ๕๐ ที่ อีก ๒ จุดจะครบหรือไม่ ถึงเวลานี้แล้ว ไม่มีทางจะไปชวนใครได้อีก ได้แต่ขอพร จากพระมหา สิริราชธาตุอย่างเดียว

จุดรับคนจุดที่สามได้เพิ่มมาอีก ๑๐ คน ยังขาดอีกมาก นั่งขอพรจากพระเข้าไว้เรื่อยไป

พอถึง จุดที่ ๔ ไม่มีเวลานับคน รีบเรียกขึ้นรถให้หมด สักครู่ผู้โดยสารเดินมาบอกว่า หนูๆ จะให้ป้านั่งตรงไหน รถเต็มหมดแล้ว พอนับคนดู ปรากฏว่า คนเกินอยู่ ๑๓ คน ต้องจัดที่นั่งใหม่ให้เบียดกันหน่อย แต่ทุกคนไม่หงุดหงิด เบิกบานดี ตั้งใจไปร่วมบุญใหญ่เต็มที่

คุณเฉลิมพรเล่าทิ้งท้ายไว้ว่า อุ้มปีติใจมาก นึกขอบพระคุณพระมหาสิริราชธาตุ ที่ช่วยให้สำเร็จได้ทุกเรื่อง ตามที่อธิษฐานขอ ต่อไปนี้ ไม่ว่า จะทำความดีอะไร อุ้มรู้ว่าเราจะไม่ทำตามลำพัง พระมหาสิริราชธาตุจะอยู่เคียงข้าง เป็นพลังหนุนให้เรา ทำทุกอย่างสำเร็จ สมดั่งใจปรารถนา เพียง ขอให้ เรานึกถึงท่าน อธิษฐานกับท่านทุกคืนตลอดเวลา ความสำเร็จจะเป็นของเรา

ฝ่ายคุณธีระพลไม่ได้ไปบวชอุบาสิกาแก้วกับขบวนพี่สาว เพราะเป็นผู้ชายก็อยู่เฝ้าบ้าน เชื่อมั่นในความ ศักดิ์สิทธิ์ของ พระมหาสิริราชธาตุ มาก จึงเอาภาพของท่านที่ปกเทป ติดตัวไว้ตลอดเวลา จำคำสั่งของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อที่ว่า ระลึกนึกถึงท่านตลอดเวลา เหมือนชายหนุ่ม ผูกสมัครรักใคร่หญิงสาว เหมือนหญิงสาวรักชายหนุ่ม คิดถึงกันได้แม่น จึงพยายามจดจำภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุจากปกเทป นึกไว้ที่ ศูนย์กลางกายเสมอๆ ทำให้มีเรื่องอัศจรรย์เกิดตามมาอีกคือ

มารดาของคุณเฉลิมพร และคุณธีระพล มีอุปนิสัยเป็นคนมัธยัสถ์ ทำมาหากินตลอดมา ไม่เคยใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย เก็บหอมรอบริบ ได้ไปซื้อ ที่ดินไว้เสมอ กระทั่งมีถึง ๑๑ แปลง แต่กลับไม่มีโฉนดตัวจริงอยู่กับตัวท่านเลย เพียงแต่ทราบกันว่าที่ดินตั้งอยู่ตรงไหนบ้าง

คุณธีระพลนึกขึ้นมาว่า ถ้ามีโฉนดตัวจริงอยู่ คงจะขอมารดาขายมาทำบุญได้บ้าง จึงตกลงใจทำสมาธิ อธิษฐานจิต ขอพระมหาสิริราชธาตุ อีกครั้ง แล้วเดินทางไปสำนักงาน ที่ดินอำเภอ ติดต่อแจ้งเรื่องราวตามที่ตั้งใจ คุณธีระพลเล่าเรื่องตอนนี้ไว้ว่า เพียงในเวลา ๕ นาที เจ้าพนักงาน ก็ไปเดินเรื่อง วิ่งทำงานสวนกันไป สวนกันมา แล้วนำโฉนดที่ดินมาให้ผม จำนวน ๔ แปลง ส่วนที่เหลืออีก ๗ แปลง ได้รับชี้แจงว่า พนักงานที่รับผิดชอบไม่อยู่ ให้ไปติดต่อใหม่ ในวันจันทร์ ที่ ๑๐ สิงหาคม

พอถึงวันจันทร์ที่ ๑๐ คุณเฉลิมพรกลับมาจากบวชอุบาสิกาแก้ว นำรูปภาพจริงๆ (ไม่ใช่ปกเทป) ของพระ มหาสิริราชธาตุ เป็นภาพ ๔ สี มาฝากน้องชาย คุณธีระพลดีใจมาก คราวนี้ก่อนเดินทางไปอำเภอ นำภาพพระมหา สิริราชธาตุมาอธิษฐานจิต เสร็จแล้วนำภาพนั้น ไปใส่ในมือ มารดา ซึ่งมีอาการป่วยด้วยโรคสมอง นึกคิดสิ่งใดช้ากว่า คนปกติ มี อายุ ๖๐ ปี ทำงานได้ช้าเท่ากับคนอายุ ๘๐ ปี พูดได้ไม่ชัดเลย เพราะลิ้นแข็ง หูก็ไม่ใคร่ได้ยิน คุณธีระพล ขอให้มารดาเรียกคำว่า พระมหาสิริราชธาตุ ๓ ครั้ง เสี่ยงทายในใจว่า ถ้ามารดาเรียกได้ครั้งเดียวก็พอ แสดงว่าวันนี้ ไปติดต่อเรื่องโฉนดที่ดินสำเร็จ

มารดาคุณธีระพลพูดตามลูกชาย สองครั้งแรกพูดไม่ได้ พอถึงครั้งที่ ๓ พูดได้ชัด ลูกชายร้องไชโย ดีใจอีกครั้ง วันนั้นไปติดต่อได้โฉนดมาอีก ๓ แปลง

ที่ผมทำสำเร็จนี้ มิใช่ผมเก่งหรอกครับ เพราะใช้เวลาเพียงไม่ กี่นาทีไม่กี่วัน เท่านั้น ถ้าไม่ใช่ เพราะอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุแล้ว ผมก็คงไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ผมเชื่อในอานุภาพบุญ และตอนนี้ ผมได้ทำบุญสร้างพระ บูชาธรรม ในชั้นแกนกลางถวายครูบาอาจารย์ ครบ ๓ ท่านแล้ว คือ หลวงพ่อวัดปากน้ำา หลวงพ่อธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) และคุณยายอุบาสิกาจันทร์ คุณธีระพลกล่าวสรุปตอนจบ

ฟังเรื่องของพี่น้องคู่นี้แล้ว ช่างน่ารักเสียจริง เป็นคนสัมมาทิฏฐิมีศรัทธาเลื่อมใสในสิ่งเดียวกัน มี ครูบาอาจารย์คนเดียวกัน ทำให้มี ความ สัมพันธ์ในครอบครัวราบรื่น ไม่มีข้อขัดแย้งโต้เถียง ของฉันดีกว่า ของเธอดีกว่า ให้วุ่นวาย ทำให้ชีวิตสามารถประกอบบุญกุศล กลั่นเป็นบารมี ได้รวดเร็วง่ายดาย เป็นคนที่ต่างมา ค้ำจุนเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่มาผูกเวร จองล้างจองผลาญ น่าชื่นใจจริง ถ้าเป็นไปได้ ขอเราทุกคนมาเป็น กำลังใจให้พี่น้องคู่นี้สร้างบารมีให้เต็มที่ยิ่งๆ ขึ้น ให้เขาทั้งสองครองตัวเป็นโสด มีโอกาสประพฤติพรหมจรรย์ สร้างเนกขัมมบารมี บำเพ็ญคุณงาม ความดีให้มากๆ เพื่อตัวเขาเอง เพื่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และชาวโลก ทั้งมวล


[สารบัญ] [ ] [ ] [ ] [ ] [ ๕ ] [ ] [ ] [ ] [ ] [ ๑๐ ]