อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๒๗๐. ลูกรักของแม่

คุณกันตรัตน์ ชัยกล้าหาญ อยู่ย่านงามวงศ์วาน นนทบุรี เล่าว่า

ตนเองประสบความทุกข์เนื่องจากบุตรชาย ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด และได้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยความศรัทธา เชื่อมั่นต่อ พุทธานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุดังนี้

ิฉันเริ่มเข้าวัดในปีที่ฉลองกฐิน คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็นปีที่คุณยายอายุครบ ๘๔ ปี ร่วมเป็นเจ้าภาพ ฉลอง กฐินคุณยาย โดยคุณรัตนาภรณ์ ชุณหรัศมิ์ เป็นกัลยาณมิตรชักชวนมา และได้เป็นสมาชิก กองบุญภัตตาหาร (เศรษฐีถาวร) ประมาณ ๖ ปี ที่ผ่านมา 

โดยปกติอาทิตย์ต้นเดือนจะไม่ขาด เพราะรู้ว่าเป็นวันบุญใหญ่ และได้ไปปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ขณะนั้นตั้งครรภ์ ลูกชายคนเล็ก ได้ประมาณ ๒ เดือน 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ กันยายน ปีที่แล้ว หลวงพ่อธัมมชโยนำนั่งสมาธิเรียบร้อยแล้ว ได้เล่าถึงอานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ที่ขณะดัง ทั่วฮ่องกง เนื่องจาก เด็กคนหนึ่งชื่ออาฟั้น ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด และหายป่วยเป็นอัศจรรย์ ด้วยอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุ แต่แล้วก็ไม่คิดว่า อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ จะบังเกิดกับครอบครัวของตน

วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ กลับจากวัดถึงบ้านประมาณ ๔ ทุ่ม ลูกหลับแล้วจับหัวลูกรู้สึกว่า ลูกตัวร้อนๆ จึงป้อนยาลดไข้ไป ๑ ช้อน เช้าวันจันทร์ฝากให้คุณย่าดูแล ตอนเย็นกลับจากทำงาน ไปรับลูกกลับบ้าน คุณย่าบอกว่า วันนี้ลูกเป็นอะไรไม่รู้ เดินเซๆ นิดๆ เวลาอุ้ม จะร้อง ไม่รู้ว่า เจ็บใต้รักแร้หรือไม่ ตนจึงคิดว่า จะพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลคืนนั้น เมื่อกลับถึงบ้านพบว่า ไม่มีอาการดังกล่าวแล้ว

ต่อมา ตอนประมาณ ๓ ทุ่ม คืนนั้น ลูกร้องไห้ จึง เปลี่ยน PAMPERS (ผ้าอ้อมสำเร็จรูป) ให้ลูก สังเกตเห็นลูกอัณฑะ ๒ ข้างไม่เท่ากัน จึงอุ้มไปพบคุณหมอ ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน คุณหมอคาดว่า จะเป็นไส้เลื่อน จึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า เพื่อพบหมอศัลยกรรม ผ่าตัดไส้เลื่อน

เช้าวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เข้าพบหมอศัลยกรรม คุณหมอตรวจดู ปรากฏว่าไม่ได้เป็น จึงกลับมาหาคุณหมอคนเดิม ชื่อคุณ หมอกิตติ ต่อจรัส คุณหมอดูก็บอกว่า ไม่มีอะไรแล้ว แต่สัญชาตญาณของความเป็นแม่คิดว่า ลูกต้องมีอะไรผิดปกติแน่ จึงขอให้คุณหมอ เจาะเลือดตรวจ เพื่อหาโรคที่แท้จริง ในใจคิดว่า ลูกคงเป็นไข้เลือดออก หรือไข้ไทฟอยด์ เพราะลูกมีผมร่วงนิดๆ

ระหว่างรอผลการตรวจเลือด หน้าห้องตรวจ ก็อธิษฐานว่า ถ้าลูกเป็นอะไรก็ขอให้หาสมมุติฐานของโรคพบ และรักษาถูกโรค ถูกวิธี ระหว่างนั่งรอผลเกือบชั่วโมง รู้สึกว่า พระมหาสิริราชธาตุที่คล้องคออยู่ (สร้างพระแกนกลาง) ท่านเคลื่อนไหว ขยับๆ ได้อยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งถ้าคิด ย้อนหลัง เปลี่ยนคำอธิษฐานได้ ก็คงจะขอว่า ขอให้อย่าได้พบโรคร้ายเลย 

รอประมาณหนึ่งชั่วโมง จึงนำผลกลับไปให้คุณหมอคนเดิมดู ปรากฏว่าคุณหมอตกใจมาก ที่ผลการตรวจ มีเม็ดเลือดขาวสูงถึง ๔๐๐,๐๐๐ เศษ ซึ่งถ้าคนปกติจะมีเม็ดเลือดขาวอยู่ระหว่าง ๑๐,๐๐๐ จึงรีบให้นำลูกเข้าห้อง I.C.U. เพื่อถ่ายเลือดทันที และจองห้องพิเศษให้ คุณหมอ เป็นธุระให้ทุกอย่าง จนพยาบาลคิดว่า เป็นญาติกับคุณหมอ ต้องขอขอบคุณคุณหมอมา ณ โอกาสนี้ด้วย

คุณหมอรู้สึกแปลกใจมากว่าเด็กป่วยมากขนาดนี้ และอาการน่าเป็นห่วงมาก เพราะเด็กที่มีเม็ดเลือดขาวขึ้นสูงแค่ ๑๐,๐๐๐ กว่า ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว อาจารย์หมอบอกว่า PRESENT เห็นรายงานมา ๒๐ กว่าปี เพิ่งพบรายแรกที่เป็นแบบนี้ เคยคุยกับคนไข้รายอื่น บางคนกว่าจะพบโรค เป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งมาแบบต่อมน้ำเหลืองโต และอาการทรุดหนักแล้ว จึงมาให้ทำการรักษา แต่นี่ลูกเป็นไข้ต่ำเพียง ๑ วันเท่านั้น จึงเชื่อมั่นในอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ และเชื่อมั่นในบุญกุศลที่ได้ทำถูกเนื้อนาบุญ

ด้วยความตั้งมั่นและศรัทธาว่า ลูกจะต้องหายขาดเป็นอัศจรรย์ ขณะที่ลูกอยู่ I.C.U. ๒ วัน ก็ได้นำรูปพระมหาสิริราชธาตุ ไว้ที่หัวเตียงลูก และสวดสรรเสริญตลอด ซึ่งใหม่ๆ จะสวดไม่จบ เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ เช่นเดียวกับ ความรู้สึกของพ่อของลูก ที่เมื่อร้องเพลง กล่อมลูก ก็ร้องไม่จบเพลง เพราะความสงสารลูกจับใจ 

ปัจจุบันก็เข้าออกโรงพยาบาลอาทิตย์ละครั้ง กลับมาฉีดยาที่คลีนิคแถวบ้าน ขณะนี้ผ่านการรักษามา ๕ เดือนแล้ว อาการดีขึ้น อย่าง อัศจรรย์ คงเป็นเพราะบุญที่เราเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และอธิษฐานให้ลูกหายวันหายคืน

โรคภัยไข้เจ็บที่รักษาไม่หาย แทบทุกโรคล้วนมีสาเหตุมาจาก บาปอกุศลที่ตัวคนเจ็บเคยสร้างไว้ วิบากของกรรมนั้น ตามมาทัน จึงให้ ผล เป็นโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ อย่างดีก็ทำได้เพียง บรรเทาชั่วครั้งชั่วคราว ถ้ารายใดเกิดหายได้เด็ดขาดขึ้นมา ก็แปลว่า การส่งผลของ กรรมชั่วนั้น หมดอำนาจลงแล้ว อย่างรายของเด็กสาวชื่อ อาฟั้นที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นเรื่องโด่งดังกันไปทั่ว

กรรมชั่วที่ตามมาทัน บางทีก็เป็นกรรมในอดีตชาติ บางทีก็เป็นกรรมในปัจจุบันชาติ สำหรับเด็กชายตัวน้อยนี้ คงต้องเป็นกรรมใน อดีตชาติ แน่นอน เพราะชีวิตนี้เพิ่งเกิดมาไม่นาน กรรมเวรที่ยังไม่ได้ใช้หนี้ หรือเศษกรรมที่ยังใช้ไม่หมดเหล่านั้น ตามทันเมื่อใด โรคภัยไข้เจ็บ หรือแม้อุบัติเหตุเภทภัย ก็จะทวงหนี้เอาทันที ทำให้เจ็บป่วยหรือมีอันเป็นไปต่างๆ 

เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว จึงไม่ควรกลุ้มใจ เศร้าใจ ให้เป็นกรรมใหม่เป็นเหตุให้จิตใจ เศร้าหมอง ควรยินยอมรับสภาพ และแก้ไขเหตุการณ์ ให้ดีที่สุด สำหรับผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือผู้กำลังรับกรรม เช่นพ่อแม่ของคนเจ็บ ต้องมารู้สึกเจ็บปวดทุกข์ใจ เสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้

ส่วนใหญ่แล้วมักมีกรรมร่วมกันมา เคยโยงบาปกันเอาไว้ เช่นเห็นฝ่ายนั้น ทำผิดศีลธรรม กลับพลอยยินดี ไม่ทักท้วงห้ามปราม กลับ สนับสนุน เขาจะไปฆ่ากัน ก็ช่วยซื้ออาวุธให้ เตรียมเสบียงให้ ให้การสนับสนุน เรียกว่า พลอยยินดีกับ การทำบาปของผู้อื่น ผลก็คือ ต้องมา รับรู้ดูแล เวลาผู้นั้น รับผลของอกุศลวิบากกรรมเหล่านั้น

กรรมฝ่ายชั่วหนักๆ ที่ตามส่งผล หนีไม่พ้นเรื่องการผิดศีลห้า ไม่ว่าจะผิดข้อเดียวหรือกี่ข้อก็ตาม ส่วนใหญ่ เมื่อทำผิดข้อใดข้อหนึ่งแล้ว มักโยงเอาข้ออื่นมาร่วมด้วย การผิดศีลแต่ละข้อ ล้วนแต่ทำความเสียหาย ให้เกิดแก่ผู้อื่นทั้งสิ้น ถ้าความเสียหายนั้น รุนแรงมาก ย่อมมีโทษ หนัก ทั้งขณะมีชีวิต และตายแล้วต้องไปสู่นรก 

ถ้าความเสียหายไม่รุนแรงมาก โทษไม่ถึงไปอบาย เวลาตายอาจระลึกถึงกรรมฝ่ายกุศลได้บ้าง ทำให้ใจผ่องใสไปสุคติเสียก่อน บาป ก็ไม่สูญหายไปไหน รับผลบุญ จนหมดกำลังบุญแล้ว เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ บาปก็ตามทวงหนี้เอาทันที ดังนั้น ขึ้นชื่อว่าบาปกรรมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา ใจ นิดเดียวก็ไม่ควรทำเลยเป็นดีที่สุด


[สารบัญ] [๒๖๖] [๒๖๗] [๒๖๘] [๒๖๙] [๒๗๐] [๒๗๑]
[๒๗๒] [๒๗๓] [๒๗๔] [๒๗๕] [๒๗๖] [๒๗๗] [๒๗๘] [๒๗๙] [๒๘๐]