อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๒๗๔. ตกตึก ๔ ชั้น

คุณเจษฎา ศรชัย อยู่ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี อาชีพทำงาน ก่อสร้าง เล่าว่า

ตนเองได้เข้าวัดครั้งแรกในวันที่ ๑๑ ต.ค. พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันครบ ๑๑๔ ปี ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยการชักชวน จาก นายจ้างของตน ชื่อคุณบุญสิทธิ์ จิรไพบูลย์ วันนั้น ได้มาสร้าง องค์พระธรรมกายประจำตัว ๑ องค์ และยังได้พบเหตุการณ์ อัศจรรย์ตะวันแก้ว เป็นผู้หนึ่ง ที่ได้ร่วมประกาศชัยชนะ แห่งการช่วยปิดยอดองค์พระภายนอก ได้สำเร็จ ได้กล่าวคำว่า ชิตังเม ชิตังเม ซึ่งทำให้ คุณเจษฎา จำภาพ แห่งความปีติ อยู่ในใจ ตลอดมา

จากการที่ได้เห็นเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วด้วยตาตนเองในครั้งนั้น ทำให้เขาเชื่อมั่น ในอำนาจแห่งคุณของ พระรัตนตรัย เป็นอย่าง มาก และหลังจากนั้น คุณเจษฎาก็ได้สวดสรรเสริญคุณ ของพระมหาสิริราชธาตุ เป็นประจำทุกวัน

คุณเจษฎา ได้ประสบกับอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ ช่วยให้รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ขณะที่ทำงาน ก่อสร้างโรงพยาบาล เจ้าพระยายมราช ซึ่งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอาคารสูง ๑๑ ชั้น เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ 

คุณเจษฎา พร้อมกับเพื่อน ๓ คน กำลังทำงานเทปูนที่ชั้น ๔ โดยมี หน้าที่คอยรับ และประคองกระบะใส่ปูน ที่ใช้เครนยกมา ให้เข้าที่ ตำแหน่งที่จะเทปูน ซึ่งตอนนั้นเหลือปูนที่จะเทอีกประมาณ ๓ ครั้ง 

พอถึงครั้งที่ ๓ คุณเจษฎาขณะยืนอยู่ที่ขอบ พื้นอาคารชั้น ๔ เกิดเซเสียหลัก จึงตัดสินใจกระโดดข้ามไปยัง พื้นของอีกอาคารหนึ่ง เป็น อาคารออโธปิ- ดิกส์ (Orthopedics) ซึ่งห่างกันประมาณ ๔-๕ เมตร แต่คุณเจษฎา ไม่สามารถกระโดดข้ามได้สำเร็จ จึงพลาดหล่นลงจาก ตึก ชั้นที่ ๔ ทันที 

แต่ในขณะที่กำลังร่วงลงมา ยังมีสติสัมปชัญญะ ก็นึกอธิษฐานถึงหลวงพ่อ นึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์

ฉับพลันก็ได้ยินเสียงแว่วขึ้นมาว่า ชิตังเม ชิตังเม เขาจึงท่องตามเสียงที่ดังขึ้นมา ตลอดเวลา จนกระทั่งร่วงมาถึงพื้น ขณะที่ใกล้ถึงพื้น เขาก็งอหัว งอเข่า แล้วเอาส่วนหลัง ลงแตะกับพื้น พอดีกับช่องระหว่างฐานรากของอาคาร ที่กำลังก่อสร้างกับ พื้นอาคารเดิม ซึ่งลักษณะ เป็น ช่องแคบๆ เล็กๆ พอดีกับตัวของเขา 

ถ้าหากตกไปทางขวา ก็จะกระแทกกับตอหม้อ หรือถ้าหากตกไปทางซ้าย ก็จะเจอกับเศษเหล็ก และเศษปูนที่กองไว้ ซึ่งแหลมคมมาก

คุณเจษฎาเล่าว่า ขณะที่ท่องว่า ิตังเม ชิตังเม ก็รู้สึกเหมือนว่า ตัวลอย แล้วมีอะไรมารอรับ ทำให้ตัวหล่นลงมาอย่างช้าๆ

ซึ่งเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์ที่ทำงานอยู่ที่ชั้น ๔ ด้วยกันนั้น คิดว่าคุณเจษฎาคงต้องตายแน่ จึงรีบวิ่งตามลงมา พอมาเห็นคุณเจษฎา อยู่ใน สภาพไม่เป็นอะไรดังที่คิด จึงช่วยพยุงให้ลุกขึ้น และพาไปเช็คร่างกาย ที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เจ้าพระยายมราช คุณหมอ ยังไม่ เชื่อว่าตกตึก คุณหมอบอกว่า ตกตึกอะไร ไม่เป็นอะไรเลย มีของดีอะไรหรือเปล่า 

คุณเจษฎาก็ไม่กล้าเล่าว่าตนเองมีของดีอะไร ซึ่งในวันนั้น คุณเจษฎาพกรูปภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุไว้กับตัว เนื่องจากตนเอง ยัง ไม่ได้รับพระของขวัญ เพราะยังไม่ถึงกำหนด แต่ได้บูชา โดยนำภาพพระติดตัวไว้เท่านั้น 

ซึ่งคุณเจษฎากล่าวในตอนท้ายว่า เหมือน กับที่หลวงพ่อพูดว่า อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุนี้ จะผ่อนหนักให้เป็นเบา จากเบา ก็จะ หายไปเลย และหลังจากที่ได้ประสบอานุภาพ ก็รู้สึกตระหนักยึดมั่นในคุณของ พระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น และสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ทุกวันไม่เคยขาดเลย

ตกตึก ๔ ชั้น ใครฟังเรื่องแล้วคงหวาดเสียวแทน รอดตายโดยไม่บาดเจ็บ เหลือเชื่อชนิดสุด สุด ไม่มีทางคิดเป็นเหตุผลอื่นเลย นอกจาก อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ น่าเสียใจอยู่นิดเดียว คุณเจษฎาน่าจะประกาศคุณของ พระมหาสิริราชธาตุ ในขณะที่คุณหมอถาม เท่ากับเป็น การช่วยเหลือ พระศาสนา ช่วยเหลือวัดพระธรรมกาย วัดไม่ดีจริง ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่ามามอบให้ผู้คน 

เมื่อคนทราบเรื่องอุบัติเหตุคราวนี้ จะได้เกิดเอะใจขึ้นมาบ้าง ไม่ตั้งหน้าตั้งตา เชื่อข่าวจากสื่อบิดเบือน หัวทิ่มหัวตำอย่างทุกวันนี้
เสียง ชิตัง เม ที่คุณเจษฎาได้ยิน ทำให้นึกท่องตาม ขณะตัวลอยหล่นลงมาในอากาศ ก็เป็นเสียงที่เทวดาบอก เพราะเป็นคำฝังใจ ง่าย กระชับ ถ้าเทวดาให้ท่องคำว่า พระมหาสิริราชธาตุ คงจะนึกไม่ทัน เพราะยาวเกินไป 

การนึกภาวนาถึงคำศักดิ์สิทธิ์ ทำให้จิตหยุดสนิทที่ศูนย์กลางกายทันที พลังจิต ที่มาจากศูนย์กลางกาย ต้านกระแสความดึงดูดของโลก คุณเจษฎาจึงรู้สึกเหมือน มีอะไรบางอย่าง รองรับตัว ไม่ให้หล่นวูบลงอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า เทวดาในองค์พระมหาสิริราชธาตุ ท่านช่วยรองรับร่างเอาไว้


[สารบัญ] [๒๖๖] [๒๖๗] [๒๖๘] [๒๖๙] [๒๗๐] [๒๗๑]
[๒๗๒] [๒๗๓] [๒๗๔] [๒๗๕] [๒๗๖] [๒๗๗] [๒๗๘] [๒๗๙] [๒๘๐]