คุณอนุชา ภูกิ่งผา อยู่ที่ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เล่าว่า
เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ จากอำเภอนครชัยศรี เข้าไปในตัวเมืองนครปฐม เพื่อไปเลี่ยมองค์พระ หลังจากเลี่ยมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้นำพระมหาสิริราชธาตุใส่ในกระเป๋าเสื้อ แล้วเดินทางกลับอำเภอนครชัยศรี ด้วยรถจักรยานยนต์คันเดิม
ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. ใกล้จะได้เวลาทำงาน เขาจึงต้องรีบกลับมาให้ทัน จึงขี่รถด้วยความเร็วมาก ระหว่างทาง มีรถ สิบล้อมาก เขาจึงขี่รถชิดซ้าย พอมาถึงทางแยก เข้าวัดเสถียร มีรถสิบล้อคันหนึ่ง เลี้ยวเข้าไปในวัด อย่างกระทันหัน เขาขับรถตามมาข้างหลัง ด้วยความเร็วสูง จึงไม่สามารถหยุดรถ หรือแก้ไขได้ทัน จึงชนรถสิบล้อคันนั้น เต็มแรง ตรงล้อหลังคู่หน้า
ด้านข้างศีรษะของเขา กระแทกกับตัวถังรถสิบล้อ ลำตัวเบียดอยู่กับล้อรถสิบล้อทั้งสองคู่ ขณะที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นนั้น คุณอนุชากล่าวว่า ตัวผมเอง ยังได้สติดี ทุกอย่าง แต่ด้วยแรงกระแทก ทำให้นาฬิกาข้อมือ และหนังสือที่ติดมากับรถ กระเด็นกระจัดกระจาย แต่รถจักรยานยนต์ พังยับเยิน
การขี่รถจักรยานยนต์ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ว่าเป็นเสมือนเนื้อหุ้มเหล็ก แต่เป็นที่น่าแปลกคือ ตัวผมไม่เป็นอะไรเลย และที่สำคัญ พระมหาสิริราชธาตุ ยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม ไม่ได้กระเด็นหายไปไหน จากแรงกระแทก ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ ที่อยู่บริเวณปากซอย ต่างก็วิ่งเข้ามาช่วยเหลือ เพราะคิดว่า ต้องมีอาการหนักแน่ เพราะชนกับรถสิบล้อ
แต่คุณอนุชาก็ได้โบกมือ แสดงให้เห็นว่า เขาไม่เป็นอะไร ยังลุกขึ้นมาเก็บของ และยกรถจักรยานยนต์เองได้ ซึ่งยังสามารถไปทำงานต่อ ได้อีกด้วย เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ซึ่งคุณอนุชาได้กล่าวในตอนท้ายว่า
คงเป็นเพราะอานุภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุ ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของผมแน่นอน ทำให้ผมมีสติดีทุกอย่าง ทำให้ผมรอดตาย จากรถ สิบล้อทับ รอดจากการเจ็บปวด หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ อย่างปาฏิหาริย์ที่สุด และต่อไปนี้ ผมจะสวดสรรเสริญ องค์พระมหาสิริราชธาตุ ทุกๆ วัน เพื่อที่ท่านจะได้คอยปกป้อง คุ้มครองและเป็นที่พึ่งที่ระลึกให้แก่ผมตลอดไป
[สารบัญ] [๒๖๖] [๒๖๗] [๒๖๘] [๒๖๙] [๒๗๐] [๒๗๑]
[๒๗๒] [๒๗๓] [๒๗๔] [๒๗๕] [๒๗๖] [๒๗๗] [๒๗๘] [๒๗๙] [๒๘๐]