Finding  A  New  Life  :   It's  Your  Choice  Opportunity
 

Join now!

Opportunity

Product

Why  Sportron?

 

HOME

 

แผนการตลาด

รายได้ 12 ทาง

ไม่ต้องขาย

ไม่ใช่ลูกโซ่

เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย

บทความน่าสนใจ

 

 

 

HatYai Today

www.thailandsportsonline.com

M T h A ! 
100HOT Sites

Jumpline.com :: Hosting from $11.95

200MB storage and 20GB transfer for $7.95 a month!

 

 

 

 

พันธกิจ ฟู้ดสเตท ฟู้ดแมทริกซ์ ความมหัศจรรย์ สิ่งที่คุณไม่ทราบ
PhytoMax & Vmax
Carbotone (เบาหวาน " โรคระบาดระดับชาติ ")









 


 
ข้อเท็จจริง

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลน่าที่ชาเปลฮิลล์ พบ่วา " โรคเบาหวานแบบที่ 2 กำลังจะกลายเป็นโรคระบาดระดับชาติ "
มีการคาดประมาณว่า ประชากรอเมริกัน 16 ล้านคน เป็นโรคเบาหวาน โดย 11 ล้านคนคือผู้ที่ผ่านการยืนยันจากการวินิจฉัยแล้ว ขณะที่อีก 5 ล้านคนยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้ แต่ละวันมีประชากรประมาณ 2,200 คน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน และในปีนี้คาดว่าประชากร 798,000 คน จะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้

เบาหวาน เป็นสาเหตุแห่งการตายด้วยโรคที่สูงเป็นอันดับหกในสหรัฐ ข้อมูลจากใบมรณะบัตรแสดงว่าเบาหวานนำมาซึ่งความตายของประชาชนจำนวน 198,140 คนในปี 1996 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจริงจะสูงขึ้นมาก เนื่องจาก มีอีกนับพัน ๆ คนที่เสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวพันกับเบาหวาน เช่น โรคไต โรคหัวใจหรือโรคลมปัจจุบัน (stroke)

เบาหวาน เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงสุดในสหรัฐ ค่าดูแลสุขภาพและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวพันโดยตรงกับเบาหวาน มีมูลค่าประมาณ 98 พันล้านเหรียญในแต่ละปี หรือคิดเป็นประมาณ 268 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
ผู้ป่วยเป็นเบาหวานแบบ 2 มีการผลิตอินซูลินขึ้นมาแต่เซลล์ในร่างกายของพวกเขามีการ “ต่อต้านอินซูลิน” การสนองตอบของเซลล์อย่างไม่ถูกต้องต่อฮอร์โมนชนิดนี้ ทำให้มีกลูโคสสะสมอยู่ในกระแสโลหิต ผู้ที่เป็นเบาหวานแบบที่ 2 บางคน ต้องฉีดอินซูลิน แต่ส่วนใหญ่สามารถควบคุมโรคนี้โดยผ่านวิธีการผสมผสานด้วยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย การให้ยารักษาอาการเบาหวาน การปรับปรุงโภชนาการ และการเสริมโภชนาการ

ความหมาย

เบาหวาน คือ โรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้ อินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแป้ง น้ำตาล และอาหารอื่น ๆ ให้เป็นพลังงานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

เบาหวานแบบที่ 1

เป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโรคภายในตัวเอง (autoimmune disease) อันเกิดจากการที่ร่างกายไม่ทำการผลิตฮอร์โมนอินซูลินเลย เบาหวานแบบ 1 เคยมีชื่อเรียกว่า เบาหวานที่เกิดกับคนวันเยาว์ (juvenile–onset diabetes) แต่ชื่อนี้ยกเลิกไปเพราะเบาหวานแบบ 1 สามารถเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เหมือนๆกัน ผู้ที่เป็นเบาหวานแบบ 1 ต้องได้รับการฉีดสารอินซูลินทุกวัน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติและมีชีวิตอยู่ได้ คนที่เป็นเบาหวานประเภทนี้มีสัดส่วน 5 – 10 % ของผู้ที่เป็นเบาหวานทั้งหมด

เบาหวานแบบที่ 2

เบาหวานแบบที่ 2 เกิดจากการผิดปกติของระบบเผาผลาญพลังงาน อันเป็นผลจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้อินซูลินได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนับเป็นรูปแบบสามัญที่สุดของโรค และมีสัดส่วนผู้ที่เป็นแบบนี้ประมาณ 90 – 95 % ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด
ผู้ป่วยเป็นเบาหวานแบบ 2 มีการผลิตอินซูลินขึ้นมาแต่เซลล์ในร่างกายของพวกเขามีการ “ต่อต้านอินซูลิน” การสนองตอบของเซลล์อย่างไม่ถูกต้องต่อฮอร์โมนชนิดนี้ ทำให้มีกลูโคสสะสมอยู่ในกระแสโลหิต ผู้ที่เป็นเบาหวานแบบที่ 2 บางคน ต้องฉีดอินซูลิน แต่ส่วนใหญ่สามารถควบคุมโรคนี้โดยผ่านวิธีการผสมผสานด้วยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย การให้ยารักษาอาการเบาหวาน การปรับปรุงโภชนาการ และการเสริมโภชนาการ

สัญญาณเตือนภัย ของเบาหวานแบบที่ 2

น่าเสียดายที่คนเป็นเบาหวานแบบที่ 2 มักจะไม่ปรากฎอาการจนกระทั่งโรคร้ายได้พัฒนาตัวเองไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม เราอาจสังเกตได้จากสัญญาณเตือนภัย ดังรายการต่อไปนี้

• ปัสสาวะบ่อย
• กระหายน้ำอย่างผิดปกติ
• หิวง่าย
• อ่อนเพลียจัด
• ฉุนเฉียวง่าย
• ปวดเสียว /ชาที่มือและเท้า
• แผล /รอยฟกช้ำหายยาก
• เกิดอาการติดเชื้อบ่อยๆ
• ตาพร่ามัวลง
• การติดเชื้อที่ผิวหนัง เหงือก หรือกระเพาะปัสสาวะ เกิดขึ้นซ้ำซาก

โรคแทรกซ้อน

• ตาบอด อันเนื่องจากโรคของเรติน่าที่เกิดจากเบาหวาน (diabetic retinopathy) ซึ่งในแต่ละปีประชากร 13,000 – 23,000 คนต้องสูญเสียการมองเห็นเพราะเบาหวาน และโรคนี้ก็กำลังเป็นสาเหตุนำของการตาบอดในคนอายุ 20 – 74 ปี

• โรคไต อันเกิดจากเบาหวาน (diabetic nephropathy) โดยจำนวนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประมาณ 10 – 21 % จะพัฒนากลายเป็นโรคไต ทั้งนี้ diabetic nephropathy นับเป็นสาเหตุสามัญของอาการไตวายขั้นสุดท้ายส่วนใหญ่ อันเป็นสภาวะที่ผู้ป่วยต้องไตหรือเปลี่ยนไตเพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอดได้

• โรคหัวใจและสมองขาดเลือดหล่อเลี้ยง
(Heart Desease and stroke) คนที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคหัวใจหรือโรคสมองขาดเลือดเพิ่มขึ้น 2 – 4 เท่าตัว (มีคนตายด้วยโรคหัวใจกว่า 80 , 000 คนในแต่ละปี)

• โรคเกี่ยวกับเส้นประสาทและการสูญเสียแขนขา
(amputation) ประมาณ 60% –70 % ของคนที่เป็นเบาหวานจะเกิดปัญหาเซลล์ประสาทถูกทำลายตั้งแต่ระดับเบาบางจนถึงรุนแรง ซึ่งในแบบที่รุนแรง สามารถนำสู่ความจำเป็นที่จะต้องตัดขาทิ้ง โดยความเสี่ยงของการสูญเสียขาของคนที่เป็นเบาหวานจะมีสูงกว่าถึง 20 – 40 เท่า แต่ละปีมีประชากร 56,200 คนต้องสูญเสียเท้าหรือขาเนื่องจากเบาหวาน• การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อันเนื่องจากอาการทางเซลล์ประสาทอันเนื่องจากเบาหวาน(diabetic neuropathy) หรือจากการอุดตันของหลอดเลือด จากผู้ชายที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานแบบที่ 2 จะปรากฎอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศประมาณ 10% นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ชายผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานที่มีอายุเกิน 50 ปี จะมีอัตราการเป็นโรคนี้สูงถึง 50 – 60%

การตั้งครรภ์

• สตรีมีครรภ์

ต้องการอินซูลินเพิ่มกว่าปกติ เพราะร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนชนิดที่มีผลต่อต้านอินซูลินเพิ่มขึ้น สำหรับสตรีที่เป็นเบาหวาน การควบคุมกลูโคสในเลือดให้ดีที่สุดก่อนการปฏิสนธิและตลอดระยะตั้งครรภ์ นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อสุขภาพทารกและมารดา

• น้ำหนักเกินขนาด ประมาณ 40% ของสตรีที่มีน้ำหนักเกินขนาดก่อนตั้งครรภ์จะพัฒนาเป็นโรคเบาหวานแบบ 2 ภายใน 4 ปี

สาเหตุที่อาจเป็นไปได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเชื่อว่า เบาหวานจะกลายเป็นโรคอันเกี่ยวพันกับแบบแผนการใช้ชีวิตที่สำคัญมากในอนาคต ที่จะแพร่ระบาดสร้างปัญหาแก่สหรัฐฯ ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งโดยแพทย์จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) เมื่อเร็วๆนี้ ได้ทำให้ประชาชนตื่นตะลึงจากการค้นพบว่ากรณีการเจ็บป่วยด้วยเบาหวานที่มีผลการวินิจฉัยยืนยันแล้ว ได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 8 ปีก่อนถึง 33% เรื่องนี้ ดร. แฟร้งค์ วินิคอร์ ผู้อำนวยการหน่วยเบาหวานของ CDC กล่าวว่า “เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขจริงจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากยังมีกรณีที่ไม่เคยผ่านการวินิจฉัยซี่งสะสมเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ตัวเลขสถิติที่แสดงสัญญาณอันตรายที่สุดจากการศึกษาของ CDC มีการแยกย่อยตัวเลขการป่วยออกตามช่วงอายุ ซึ่งในช่วงเวลา 8 ปี คนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปอัตราการเกิดเบาหวานได้เพิ่มขึ้นถึง 40% และสำหรับคนที่อายุ 30 – 40 ปี การเกิดเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 70% “

• ความอ้วนเกินไป (Obesity) แทบจะเป็นสาเหตุสำคัญสุดหนึ่งเดียวของเบาหวานแบบ ที่ 2 เนื่องจาก เกือบ 80% ของคนที่เป็นเบาหวานแบบ 2 มีน้ำหนักเกินขนาด การมีไขมันส่วนเกินในร่างกายมากเกินไป ก่อให้เกิดการต่อต้านอินซูลินด้วยเหตุผลบางประการ อย่างไรก็ตาม การสะสมของน้ำหนักส่วนเกินบนร่างกายในบริเวณใด มีความสำคัญพอๆกับขนาดของส่วนเกินว่ามีมากเพียงใด ทั้งนี้ ผู้ที่สะสมไขมันบนส่วนของร่ายกายที่อยู่เหนือสะโพกขึ้นไป (รูปแอ้ปเปิ้ล) จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานแบบ 2 มากกว่าผู้ที่สะสมไขมันที่บริเวณตั้งแต่สะโพกลงมา (รูปลูกแพร) นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้บัญญัติใหม่เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า “Syndrome X” ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยประการหนึ่งของโรคเบาหวาน

• พันธุกรรม โรคเบาหวานมักเกิดกับคนในครอบครัวเดียวกัน

ปัจจัยด้านน้ำตาล
กินอาหารไขมันต่ำ ทำไมยังป่วย ?

• การบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้น 50% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
• โดยเฉลี่ยแต่ละคนบริโภคน้ำตาลประมาณ 170 ปอนด์ (300,000 แคลอรี่) ในแต่ละปี
• ในปี 1997 แต่ละคนจะบริโภคน้ำอัดลมขนาด 12 ออนซ์ จำนวน 580 กระป๋อง
เพียงเดินผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต หรือสำรวจเมนูอาหารในร้านฟ้าสฟู้ด คุณจะพบน้ำตาลอยู่ทุกหนแห่ง นับจาก ซอฟท์ดริ้งขนาดใหญ่ ไปจนถึงธัญพืชอาหารเช้า การหันเข้าหาอาหารไขมันต่ำยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เพราะเมื่อผู้ผลิตลดไขมันลง พวกเขาก็กลับเพิ่มประมาณน้ำตาลเพื่อช่วยปรับปรุงรสชาติ

จะแก้ไขอย่างไร ?

ปัจจุบัน คนอเมริกันส่วนใหญ่สามารถปกป้องตนเองได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันของพวกเขา แม้แพทย์จะระบุว่าไม่มียารักษาโรคเบาหวานก็ตาม โดยข้อปฏิบัติต่อไปนี้คือข้อแนะนำที่สำคัญ :

• ออกกำลังกาย
• ปรับปรุงโภชนาการ
• ลดปริมาณการบริโภคน้ำตาล
• การเสริมโภชนาหาร

คาร์โบโทน™

สนับสนุนการกอบกู้วิกฤตการณ์ของวันนี้!
วิกฤตการณ์ด้านสุขภาพที่สำคัญ 2 ประการที่ชาวอเมริกันกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ความอ้วน และโรคเบาหวาน สปอร์ตทรอน ซึ่งได้รับการยอมรับในความเป็นผู้นำของโลกด้านโภชนาหาร ได้สรรค์สร้างความก้าวหน้าอย่างสำคัญยิ่งด้วยการหนุนเสริมทางโภชนาการเพื่อต่อต้านปัญหาความกดดันด้านสุขภาวะเหล่านี้

นักโภชนาการผู้มีชื่อเสียงของโลก ดร.อลัน ทอมสินสัน ได้กล่าวไว้เมื่อเร็วๆนี้ที่ Wellness Symposium ว่า “คาร์โบโทน™ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารล้ำสมัยที่พัฒนาขึ้นด้วยหลักการทางวทิยาศาสตร์ เพื่อแทรกแซงและช่วยเหลือในกรณีความผิดปกติต่างๆของกระบวนการการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย” ดร. เอริค เลเวลิน แพทย์ชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูง กล่าวว่า “ช่วง 30 ปี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ผมไม่เคยเห็นผลิตภัณฑ์ใดที่จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานแบบ 2 อย่างมากมายมาก่อน ดังนั้นคาร์โบโทน™ จะมอบความหวังแก่ผู้คนทั่วโลกจำนวนนับล้านๆ คน”

วิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง คาร์โบโทน

คาร์โบโทน ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของโลกสองประการ นั่นคือ – ฟู้ดแมทริกซ์ (FOOD Matrix™) และ ไซโตโคโลย ี(Phytocology™)

กลูโคซอล™(Glucosol)

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในคาร์โบโทน คือ กลูโคซอล (Glucosol™) ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาพื้นบ้านในเอเซียที่ผ่านการทดสอบด้วยระยะเวลาอันยาวนานนับศตวรรษ โดยใช้ช่วยการควบคุมอาหารเพื่อรักษาทรวดทรง ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูง แก้โรคแผลในปาก และแก้อาการเจ็บปวดในช่องท้อง สารออกฤทธิ์ของกลูโคโซลที่รู้จักกัน คือ กรดโคโรโซลิค (corosolic acid) ซึ่งผลการศึกษาชี้ว่ามีผลในการช่วยส่งผ่านกลูโคส โดยกรดโคโรโซอิคจะกระตุ้นให้เกิด“กระสวย”ที่ช่วยจับโมเลกุลของกลูโคสแล้วส่งผ่านสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน จึงทำให้ระดับกลูโคสในเลือดมีความเหมาะสม
ผลการศึกษากับคนไข้ที่ Institute of Biomedical Research ใน Fradenton รัฐฟลอริดามีผลสรุปว่า “หลังผ่านไป 30 วัน ระดับกลูโคสในเลือดโดยเฉลี่ยลดลง 31.9% เมื่อคนไข้ได้รับกลูโคซอล ขนาด 48 มก. ทุกวัน”
จากการศึกษาในผู้ที่ไม่เป็นเบาหวาน บ่งชี้ว่า ระดับกลูโคสในเลือดไม่ได้รับผลกระทบจากการเสริมกลูโคซอล ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กลูโคซอลมีความปลอดภัย โดยปราศจากผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

ประโยชน์ของกลูโคซอล™ จากผลการทดลองกับผู้ป่วย

• ลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานแบบที่ 2
• การทำงานของกลไกความจำดีขึ้น
• ทำให้ภาวะสมดุลของน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานแบบ 2 กลับคืนมา
• ลดน้ำหนัก โดยผู้เข้ารับการทดลอง น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 4.8 ปอนด์ใน 30 วัน

ฟู้ดแมทริกซ์™โครเมียม

สารออกฤทธิ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในคาร์โบโทน คือ ฟู้ดแมทริกซ์โครเมี่ยม โดยโครเมียม จะได้จากยีสต์โดยใช้เทคโนโลยีฟู้ดแมทริกซ์ของสปอร์ตทรอน นับเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดของโครเมี่ยม เพราะจะเป็นการบรรจุโครเมี่ยมไว้ในสถานะที่เป็น Glocose Tolerance Factor (GTF) โดย GTF มีประสิทธิภาพกว่าโครเมี่ยมในรูปแบบอื่นๆ ถึง 50 เท่า และดูดซึมได้ง่ายกว่า 20 เท่า

การศึกษาบ่งชี้ว่า GTF กระตุ้นการทำงานของอินซูลินโดยตรง ด้วยการผูกโยงเข้ากับตัวอินซูลินเองและกับตัวรับอินซูลินโดยเฉพาะ (specific insulin receptor) เมื่อโครเมี่ยมถูกนำไปเสริมอาหารในรูป GTF และเข้าไปทำปฏิกิริยาในร่างกาย มันจะนำมาซึ่งผลต่อไปนี้
• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยส่งเสริมให้เกิดการนำไปใช้ในกล้ามเนื้อและอวัยวะ• กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงาน

• ลดระดับไขมันในเลือด
• ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
• เพิ่มไขมัน HDL
• ลดอาการการแข็งตัวของเส้นเลือดแดงใหญ่ (arteriosclerosis)
• กระตุ้นการผลิตสารที่จำเป็นต่อเซลล์ประสาท
• เพิ่มความต้านทานการติดเชื้อ
• กระตุ้นการสังเคราะห์โปรตีน
• ระงับอาการหิวผ่าน “ศูนย์ความต้องการ” (satiety center) ของสมอง

การทำงานขององค์ประกอบอื่นๆ

• ฟาซิโอลามิน(Phaseolamin) : ช่วยสกัด ยับยั้ง และป้องกันไม่ให้คาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นไขมัน
• วานาเดียมและโมลิบเดนัม : ช่วยการเผาผลาญน้ำตาล โดยวานาเดียมจะเลียนแบบการทำงานของอินซูลินในการออกซิไดซ์กลูโคส

ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องกันในทุกประการว่า คาร์โบโทน™ คือคำตอบทางโภชนาการ สำหรับผู้คนนับล้านที่ต้องการกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน และจัดการโรคเบาหวานแบบที่ 2 อย่างมีประสิทธิภาพและโดยปลอดภัย คาร์โบโทน™ คือผลิตภัณฑ์ ซึ่งผ่านการทดสอบและพิสูจน์แล้ว
ว่าจะก่อผลการเปลี่ยนแปลงอันทรงพลัง

Phytoplex
Calcitone
Carbotone
XL-2000
Tone-AM
Tone-PM

 

 

 

 

See who's visiting this page. Copy right® 2002   Business & Health For You @ Somkid.

All right reserved.