Main Page

Mae Hong Son Big Trip

ประมวลภาพงาน Jazz Concert

Pimai & Panom Rung Historic Park

Chiang Rai trip

Pitsanulok & Pichit trip

Mini Siam trip

Rayong's orchard trip

Phuket trip

Thailand Map & Our Travel routes

About Me

โปรดสละเวลาลงนามในสมุดเยี่ยมชมหน่อยครับ

Email Me

Counter
Since July 12, 2003

Date : November |22| |23| |24| |25| |26| |27| |28| |29| |30|, 2003


November 25, 2003 ... Part |1| |2| |3| |4|
Fourth day ... Go to Wat Phra Non before leaving Mae Hong Son City ,Thampla & Phasue National Park ,Pra Tamnuk Pang Tong and Ruam Thai Village(Pang Ung).
วันที่สี่...แวะวัดพระนอนก่อนออกจากตัวเมือง ,เที่ยวอุทยานถ้ำปลา ,น้ำตกผาเสื่อ ,พระตำหนักปางตอง และเข้าหมู่บ้านรวมไทย(ปางอุ๋ง)

 

     
   

ต้นสนริมอ่างเก็บน้ำ

     
           
       

ลุงปาละสามีพี่ศรีเล่าให้เราฟังว่า ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีเขาเป็นคนหนึ่งที่ช่วยกันใช้เชือกวัดระยะห่างให้เท่าๆกันก่อนที่จะลงต้นกล้าสน มิน่า...ต้นสนที่นี่เรียงตัวกันเป็นแถวห่างเท่าๆกัน แลดูสวยงามมาก

 
       
           
   
 

ต้นสนกับท้องฟ้าสีน้ำเงินยามเย็น

   
           
       
หญิงสาวกับบรรยากาศยามเย็น ณ อ่างเก็บน้ำ ปางอุ๋ง
 
       
           
       
   
ใครไม่รู้กำลังเก็บผลแก่ของต้นสนที่ร่วงตกมาแล้ว
       
           
       
วิวที่มองออกไปผ่านผิวน้ำจากฝั่งหนึ่งของอ่างเก็บน้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นเกสท์เฮ้าส์
 
       
           
   
 
แม่ฮ่องสอนนับว่าเป็นเมืองแห่งทุ่งบัวตองจริงๆ เข้ามาตั้งไกลและลึกยังเห็นต้นบัวตองขึ้นอยู่ตามริมน้ำอีกฝั่งหนึ่ง
   
           
       
ท้องฟ้า...ต้นสน...ผิวน้ำ
   
   
 
ว้าว !.......มีแต่วิวต้นสนกับแอ่งน้ำ
   
           
       
5 โมงกว่าเราก็เริ่มเดินทางกลับกันแล้วครับ เนื่องจากอากาศเย็นลงทุกทีๆ
 
       
           
     
 
แสงสุดท้ายของวันนี้แล้ว จากนี้ไป ต้นสนและอ่างเก็บก็จะถูกปกคลุมไปด้วยอากาศที่เยือกเย็นเข้าไปทุกที
     
           

เรากลับมาถึงที่พักได้สักพัก พี่ศรีก็เข้ามาถามว่าจะอาบน้ำกันเมื่อไหร่จะได้เอาน้ำที่ต้มมาให้ผสมกับน้ำเย็นเพื่ออาบ เราเลยขอบคุณและพี่ศรีก็ยกกาต้มน้ำควันฉุยภายนอกกาเป็นสีดำเนื่องมาจากผ่านการต้มจากเชื้อเพลิงที่เป็นฝืน น้ำร้อนจากกาถูกผสมกับน้ำเย็นที่อ่างน้ำสามารถทำให้เราตักน้ำผ่านผิวหนังของร่างกายไปได้ด้วยดี โดยไม่รู้สึกหนาวหรือเย็นเลย

หกโมงกว่าที่นี่ก็เริ่มมืดแล้วเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ พี่ศรีเริ่มลงมือทำกับข้าว ง่วนอยู่ในครัว เราเลยเข้าไปช่วยผสมกับหาเรื่องชวนคุยเพื่อไม่ให้เหงา น้องซียังไม่ลืมว่ายังมีปลากระป๋องเหลืออยู่ ดังนั้นจึงนำออกมาเพื่อปรุงเป็นยำปลากระป๋อง เพิ่มกับข้าวให้กับมื้อนี้อีกอย่างหนึ่ง

 
   
         
     

ขณะพี่ศรีกำลังผัดผักในกระทะอยู่ ผมเหลือบไปเห็นเจ้าลูกแมว 2 ตัวนั่งอยู่ข้างเตาโดยไม่กลัวร้อนหรือน้ำมันกระเด็นเลย นึกอีกที ที่มันทำอย่างนั้นก็เพราะว่าอากาศหนาวนั่นเอง มันจึงต้องมารับความอบอุ่นข้างๆเตา ฉลาดจริงๆเจ้าแมวเหมียว

         
             
         
ขอน้องซีแสดงฝีมือผัดผักมั่งนะค่ะ...แฮะๆ
   
         
             
       
มา....กับข้าวเสร็จแล้วก็เริ่มตักข้าวมาทานกัน เราทั้งสีคนคือ ผม น้องซี พี่ศรี และลุงปาละนั่งทานข้าวด้วยกันในมื้อนี้ ภายใต้แสงไฟอ่อนๆจากแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 12 V. อากาศหนาวใช้ได้ ลุงกับพี่ศรีสลับกันเล่าเรื่องที่ผ่านๆมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว ครอบครัว ชาวบ้าน และในหลวงกับพระราชินีที่เราเองก็อดอิจฉาไม่ได้ในการที่ทั้งสองคนนั้นได้เข้าเฝ้าแทบจะทุกปี นับครั้งก็เป็น 10-20 ครั้งแล้ว ลุงปาละเองแกเป็นคนกระเหรี่ยงขาวมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Hillary ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นไกด์ ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับแก ส่วนพี่ศรีเป็นคนเชียงราย ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นชายคนเล็กเป็นหญิง คนโตเรียนอยู่กทม. คนเล็กเรียนที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน พี่ศรีเล่าว่าที่นี่มีอยู่ด้วยกัน 24 ครัวเรือนจะเพิ่มไปมากกว่านี้ไม่ได้ คนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ไม่มีสัญชาติไทย จะมีก็แต่พี่ศรีเองและลูกทั้งสองที่ได้สัญชาติไทย เราคุยไปคุยมาสลับกับทั้งสองที่นำอัลบั้มรูปมาโชว์ให้ดู จนเวลาล่วงเลยมาถึงเกือบ 3 ทุ่ม ก็ออกกันมา ปรากฎว่าอากาศข้างนอกหนาวมากครับ หนาวแต่ไม่มีลม สักพักเราจึงขอตัวเข้าที่พักเพื่อไปนอนรับไออุ่นจากผ้าห่ม 3 ผืนด้วยกัน....ราตรีสวัสดิ์สำหรับวันนี้
 
       
           
             
Return to Part 3