หนุ่มสาวดัดจริต > พินาโกเธค

 

ต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสองปีที่แล้ว ข้าพเจ้ารับหน้าที่เป็นเด็กวัด มารับรองพระภิกษุณีนิรามิสา และสามเณรีอีกสองรูปซึ่งเดินทางมามิวนิค ตามคำนิมนต์ของหลวงพี่วิเชียร เจ้าอาวาสวัดไทย เมืองมิวนิค หนนี้ ข้าพเจ้ามิได้เป็นเด็กวัด แต่ลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดโกรกรวมกับฝนปรอย อากาศไม่น่าเดินเช่นนี้ชวนให้นึกถึงวันที่นักบวชและเด็กวัดหลบเข้าไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ พินาโกเธคเก่า Alte Pinakothek ข้าพเจ้าตกลงใจไปพินาโกเธคอีกครั้ง พินาโกเธคสามแห่ง ซึ่งเคยมีโอกาสได้เยี่ยมชมแห่งเดียว

ขึ้นรถราง และเดินไปตามป้าย ตึกที่เดินเข้าไปเป็นพินาโกเธคใหม่ Neue Pinakothek ข้าพเจ้าถามคุณยายที่ขายตั๋วว่ามีเวลาสามชั่วโมงก่อนพิพิธภัณฑ์ปิดจะเดินทันไหม เพราะข้าพเจ้าอยากไปเข้าพินาโกเธคร่วมสมัย Modern Pinakothek อีกแห่ง คุณยายถามทำไมมีเวลาน้อยจัง แต่ไม่เป็นไร พินาโกเธคอีกแห่งปิดสองทุ่ม เพราะฉะนั้นควรดูพินาโกเธคใหม่ไปก่อน เพราะปิดตอนห้าโมงเย็น ข้าพเจ้าได้ยินก็ดีใจ ซื้อตั๋ว ฝากของเสร็จ เดินไปรับหูฟังสำหรับบรรยาย หันรีหันขวางอยู่พัก เพราะไม่เห็นมีแผนผังแจก เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าว่าพิพิธภัณฑ์มีกี่ชั้น เธอบอกว่าเดินไปเถอะ ห้องทะลุถึงกันหมด และจะเลื่อนชั้นขึ้นไปเอง ในเมื่อเจ้าถิ่นเจ้าที่เขาอธิบายมาอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็ทำตัวหัวอ่อนว่าง่ายเดินไล่เรียงไปตามหมายเลขห้องเลย

พินาโกเธคใหม่นี่รวมงานศิลปะยุคคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ ห้องจัดเดินต่อเนื่องได้ดีมาก ไม่หลงเลย งานชิ้นแรกที่สะดุดตาก็คือภาพเหมือนของเกอเธ่ วาดโดยชตีห์เลอ ศิลปินในความอุปถัมภ์ของเจ้ายุคนั้น ฟังจากคำบรรยาย ภาพนี้เกอเธ่จัดท่าทางให้ตัวเอง ตอนนั้นอายุมากแล้ว มือถือปากกาและกระดาษ ดวงตามองออกไปทิศหนึ่ง แต่กลับแสดงบุคลิกแห่งความเป็นกวีและนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ออกมาได้อย่างทรงพลัง ในห้องเดียวกันนี้ยังมีภาพของเชลลิง นักปรัชญาเยอรมันยุคสมัยใกล้กันอยู่อีกภาพ

ภาพใหญ่ที่น่าสนใจคือภาพมรณกรรมของวัลเลนชไตน์ นักคิด นักการเมือง นักการทูต ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสงครามสามสิบปี (ค.ศ. ๑๖๑๘-๑๖๔๘) เขาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ในการทำให้สงครามที่นำความหายนะใหญ่หลวงมาให้แก่ยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน สงบลงได้ด้วยการเจรจาทางการทูต แต่ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศขายชาติ เนื่องจากแอบไปลงนามทำสัญญาสงบศึกกับบางประเทศไว้ และถูกลอบฆ่าในที่สุด ภาพบันทึกโศกนาฏกรรมนี้เป็นแบบโรแมนติค ยิ่งใหญ่ เศร้าสร้อย และงดงาม


ส่วนภาพเล็ก ๆ ที่ทำให้ตื่นเต้นก็คือภาพ กวียากไร้ ของคาร์ล ชปิตซ์เว็ก ศิลปินเยอรมันผู้เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน ภาพกวียากไร้นี้ก็ถือว่าเป็นภาพที่ได้รับความนิยมมากภาพหนึ่ง เนื่องจากแสดงภาพของกวีนอนอยู่บนเตียงใต้ผ้าห่มในห้องใต้หลังคา ท่าทางป่วย มือหนึ่งถือร่ม เพราะหลังคาคงจะรั่ว อีกมือหนึ่งทำท่านับนิ้ว ไม่รู้ว่านับจังหวะกลอนที่กำลังแต่ง หรือว่าคำนวณสตางค์ ว่าจะเหลือซื้อข้าวกรอกหม้ออีกกี่วัน ในห้องไม่มีฟืนสำหรับเครื่องทำความร้อน ท่านกวีก็นำต้นฉบับตัวเองมาใช้แทน หนังสือกระจายเกลื่อนเต็มห้อง ให้ภาพของกวีจนยากแต่ยังรักการกวีได้ดีมากทีเดียว

เดินเอื่อยไปเรื่อย ๆ เออ... มาถึงฝรั่งเศสจนได้ อิมเพรสชันนิสต์ทั้งหลาย ศิลปินฝรั่งเศสทั้งนั้น แต่ไม่มีชิ้นเด่นสักเท่าไหร่ มีรูปดอกทานตะวันของแวนห์ โก๊ะห์อยู่รูปหนึ่ง มีศิลปินเยอรมันโผล่มาอยู่รายหนึ่ง กุสตาฟ คลิมท์ วาดรูปหญิงสาวเต็มตัว นัยว่าญาติของวิทเก็นชไตน์ นักปรัชญาอีกคนหนึ่ง งานของคลิมท์มีอยู่ในเยอรมันค่อนข้างน้อย เพราะไม่เป็นที่นิยมนักในยุคสมัยนั้น ในพระนิพนธ์ไกลบ้าน ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีบันทึกไว้ว่า พระเจ้าไกเซอร์วิลเฮล์มที่สอง ชี้ชวนสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงให้ชมภาพของคลิมท์ แล้วบ่นทำนองว่าเหลือเกิน

พินาโกเธคใหม่ใช้เวลาเดินราวหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ ข้าพเจ้าค่อยเดินหลบออกมาไม่ให้คุณยายขายตั๋วเห็น ประเดี๋ยวจะน้อยใจได้ว่าทำไมเดินดูพิพิธภัณฑ์คุณยายแป๊บเดียว ก็ลุงเฮมิงเวย์ยังแนะนำการอ่านหนังสือด้วยการใช้ศิลปะการอ่านข้ามได้ เดินพิพิธภัณฑ์ก็น่าจะมีศิลปะการมองข้ามได้เหมือนกันแหละน่า รูปไหนน่าสนใจก็ค่อยเปิดเทปบรรยายฟัง ขืนกดหมายเลขฟังทุกรูป ข้าพเจ้าอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านยังง่ายกว่าเสียอีก

กางร่มเดินไปอีกฟากหนึ่ง เป็นพินาโกเธคเก่า ข้าพเจ้าเคยมาแล้วหนหนึ่ง แต่จำได้ว่ายังดูไม่ทั่ว เลยคิดว่าจะเข้าไปดูอีกรอบก่อนจะไปพินาโกเธคร่วมสมัย เพราะคงใช้เวลาไม่นานนัก พินาโกเธคเก่ารวมงานศิลปะช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔-๑๘ งานส่วนใหญ่เป็นของเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และฮอลแลนด์ มีสองชั้นใหญ่

งานที่โดดเด่นมีของ ตระกูลบรือเกห์ล ซึ่งจัดแสดงไว้ในห้องเล็กถึงแปดห้องด้วยกัน ภาพแดนแสนสุข Schralaffenland ออกจะแปลกตาและดูชวนฝันเป็นพิเศษ ดินแดนที่ผู้คนนอนพักเหนื่อยกับพื้นดิน ชมท้องฟ้า หิวก็มีอาหารรออยู่ ออกจะสบายทีเดียว

 

ภาพที่น่าสนใจอีกภาพก็คือ ภาพวาดตนเองของเดือเรอร์ Dürrer ซึ่งแทบไม่ต่างจากภาพของพระเยซูเลย ถือว่าเป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงคติแบบมนุษยนิยม และท้าทายมากอีกหลายชิ้นก็น่าสนใจทีเดียว ภาพทิวทัศน์และภาพบุคคลถือว่าแตกต่างจากทางฝรั่งเศสอยู่มาก ผู้สนใจภาพเขียนเก่าแก่ของทางเยอรมันมาชมที่นี่คงไม่ผิดหวัง

ราวสี่โมงเย็น สหายในมิวนิคโทรศัพท์เข้ามาชวนไปดื่มกาแฟ ข้าพเจ้าเลยต้องยอมอดใจไม่เข้าไปในพินาโกเธคร่วมสมัย และค่อยเดินชมรูปที่เหลือไปก่อนเวลานั้น เดินดูรูปไปข้าพเจ้าก็นึกถึงเมืองไทย เป็นที่น่าเสียดายว่า กรุงเทพฯ ยังไม่มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหรือหอศิลปะเลย คงเป็นเรื่องของจังหวะเวลา อีกห้าสิบปี ร้อยปีข้างหน้า คนรุ่นหลังอาจจะมีโอกาสเห็นสิ่งที่คนรุ่นเราถือว่ามีคุณค่าน่าสั่งสมไว้บ้างก็ได้ รูปของนักคิด นักเขียน กวี วีรบุรุษ เหตุการณ์ ความคิด ค่านิยมแห่งยุคสมัย จะถูกบันทึกไว้อย่างไรบ้างนั้น น่าตรองดูไม่น้อยทีเดียว

นักเดินทาง

๑ ตุลาคม ๒๕๔๗



หน้าแรก
| ปัญญาชนสยาม | หนุ่มสาวดัดจริต | กังวานเกี่ยวข้อง | ข้าวตอกดอกมะเขือ | กลับสู่ด้านบน

เว็บไซต์นี้จัดทำด้วยความกระตือรือล้นของใครหลายคนนั้น
ก้อนหิน และหรือดอกไม้ กรุณาหารือกับนักการ
พยายามปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ ๔
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๘