หนังสือเล่มนี้ฉบับดั้งเดิมเป็นภาษาเชค
ชื่อเดิมคือ Nesnesitelná Lehkost Byti
แต่ได้รับการตีพิมพ์อย่างแพร่หลายในหลายภาษา รวมทั้งภาษาไทย โดยฝีมือแปลของ
ภัควดี ชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเล่มนี้คือ The unbearable
lightness of being ภาษาเยอรมันคือ Die unerträgliche
Leichtigkeit des Seins ซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นหนังสือเล่มแรก
ที่ได้รับการตีพิมพ์ ในชุดรวมวรรณกรรมห้าสิบเล่มของหนังสือพิมพ์
ซื้ด ดอยท์เชอ ไซตุง โดยกองบรรณาธิการได้คัดเลือกวรรณกรรมชั้นดีออกมาตีพิมพ์
ตั้งแต่ปีค.ศ. ๒๐๐๓ กำหนดพิมพ์หนังสือเดือนละสี่เล่ม
มิลาน
คุนเดรา
เป็นชาวเชค เกิดเมื่อปีค.ศ. ๑๙๒๙ เรียนวิชาภาพยนตร์ในปร๊าก และเริ่มงานเป็นนักดนตรี
แต่เมื่ออายุได้สามสิบปีก็รู้ตัวว่าเขาต้องเป็นนักเขียน นิยายเล่มแรกคือ
เรื่องตลก ประสบความสำเร็จมากในระดับนานาชาติ นิยายสองเล่มถัดมาหลังจากนั้น
ไม่ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์ในเชคโกสโลวาเกีย และถูกตีพิมพ์ในปารีสเมื่อปีค.ศ.
๑๙๗๓ จากนั้นตัวเขาจึงลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ที่ปารีสในปีค.ศ. ๑๙๗๕
ภายหลังจากที่กองทัพรัสเซียบุกเข้ามา และถูกยกเลิกสัญชาติในที่สุด
เขายังเขียนนิยายเป็นภาษาเชคอีกสามเล่ม รวมทั้ง ความเบาหวิวเหลือทนของชีวิต
เล่มนี้ด้วย บรรยากาศในหนังสือจึงมีกลิ่นอายทางการเมืองอยู่มาก เขามิได้กล่าวหาหรือยกย่องลัทธิการเมืองใดเป็นพิเศษ
เขาเพียงแต่ชี้ให้เห็นการกดขี่ข่มเหงโดยการใช้อำนาจ การทำให้หวาดกลัวด้วยการใช้อำนาจรัฐที่มีอยู่ในมือข่มขู่คุกคาม
ไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อม และแสดงให้เห็นชะตากรรมของมนุษย์ ที่พยายามดิ้นรนรักษาตัวตนของตนไว้
ไม่ว่าจะเป็นแบบใด
มิลาน
คุนเดรา ไม่ได้เขียนเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง เนื้อเรื่องเกิดจากเรื่องราวของตัวละครมาประกอบกันเข้า
ชื่อบทบางบทซ้ำกัน เหมือนจะบอกอยู่กลาย ๆ ว่าใครเป็นตัวเอกของตอนนี้
เรารู้จุดจบของตัวละครบางตัวก่อนที่จะประสบกับจุดจบนั้นด้วยตนเอง
ที่เราไม่รู้ก็คือ เราจะประสบกับจุดจบนั้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกอย่างไหน
คุนเดราเล่นกลกับคนอ่านเหมือนแบไต๋ให้เห็นไพ่บางใบในมือ แต่ในตอนท้ายเราถึงรู้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ไพ่
หากแต่เป็นชั้นเชิงการเขียนของเขาต่างหาก คุนเดราออกจะโอหังในการเล่นบทเป็นพระเจ้าในเรื่อง
เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบหนแรก
ความรู้สึกค่อนข้างสับสนงงงัน เพราะรู้สึกประหลาดใจกับตอนจบอันแสนสุข
มิลาน คุนเดรา นักเขียนใจร้ายที่ทรมานตัวละครของเขาทุกตัว (แม้กระทั่งหมาตัวเดียวในเรื่อง)
ทำไมกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้นมาได้?
เวลาผ่านมาหลายวัน
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า คำว่าหนักหรือเบา ที่คุนเดราเขียน นั้นหมายถึงอะไร
แต่คิดไปมาก็รู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นอะไร สิ่งที่คุนเดราเขียน ชะตากรรมของมนุษย์
ล้วนเป็นเรื่องน่าขัน
โธมัส
ศัลยแพทย์มือหนึ่งแห่งนครปร๊าก ตกหลุมรักเธเรซา ผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา
โธมัสไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาเพียงแต่แยกความรักและกามารมณ์ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
เขาพร้อมที่จะประกอบกามกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ โดยระมัดระวังอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ให้ความสัมพันธ์เกินเลย
จนกลายเป็นความผูกมัด เขาจะมีชู้นอกบ้านสักกี่คนก็ยังกังวลกับการกลับบ้านตรงเวลา
ทำความสะอาดเนื้อตัวด้วยสบู่ที่พกติดตัวมาโดยเฉพาะ เพื่อล้างกลิ่นผู้หญิงนอกบ้าน
เขาระวังความรู้สึกเธเรซา - ผู้หญิงผู้ซึ่งไม่อาจจะแยกความรักกับความหึงหวงออกจากกันได้
- แทบทุกย่างก้าวเขาไม่ยอมลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เพราะเกรงว่าเธเรซาจะทนอยู่ต่างถิ่นไม่ได้
เมื่อเธอเอ่ยปากเขาถึงได้ทำเรื่องย้ายไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ครั้นมาอยู่ได้สักพักหนึ่ง
เธเรซาหนีกลับ โธมัสไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตามเธอกลับมา เป็นเรื่องน่าขัน
ในเมื่อโธมัสเป็นฝ่ายถามตัวเองตลอดเวลา ว่าเขาพร้อมจะใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงธรรมดาคนนี้หรือไม่
ส่วนเธเรซาเองก็บอกว่าความรักเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต แต่เธอก็ทิ้งเขาได้ลง
และปลอบใจตัวเองว่าที่ทำไปก็เพราะรู้อยู่ลึก ๆ ว่าในที่สุดเขาจะตามหาเธอ
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของคู่ทุกข์คู่ยากทั้งสองคนนี้ แม้จะไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ
แต่ก็ไม่อาจแยกห่างออกจากกันได้เลย
โธมัสกลับมา
แต่เมื่อเขาไม่ยอมก้มหัวให้กับการเมือง เขาก็ถูกพิษของมันเล่นงานเสียจนต้องลาออกไปเป็นคนเช็ดกระจก
แต่ดูแล้วเขาก็ไม่ได้มีท่าท่าเดือดเนื้อร้อนใจอะไรนัก เขาก็ยังเป็นปัญญาชนและได้รับการยอมรับจากคนอื่นอยู่นั่นเอง
สิ่งที่เขาทำกับสิ่งที่เขาเป็น ดูเหมือนจะเป็นสองสิ่งที่แยกขาดจากกันเสมอ
ซาบีนา
ศิลปินวาดรูป ชู้รักของโธมัส ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าใจความเป็นโธมัสได้ดีกว่าคนอื่น
แต่ความสัมพันธ์กึ่งชู้กึ่งเพื่อนนี้ก็มิได้ยืนยาวนัก เมื่อเธอต้องลี้ภัยคอมมิวนิสต์ไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์
เธอได้พบกับฟรานซ์ ศาสตราจารย์ผู้มีความใฝ่ฝันจะมีชีวิตที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคยิ่งใหญ่
เพื่อบันทึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ เขาชื่นชมคนฝรั่งเศสที่มีการปฏิวัติ
เขาชื่นชมซาบีนาที่ต้องลี้ภัยการเมืองมาอยู่บ้านเกิดเขา สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศเงียบสงบเกินไป
แต่ซาบีนาไม่ได้ลี้ภัยทางการเมือง เธอแค่หนีจากระเบียบกฏเกณฑ์ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้
เธอเป็นกบฏและไม่อาจกบฏต่อความเป็นกบฏของตนเองได้ เธอแตกแถวเพียงเพื่อจะกลายเป็นแถวใหม่ขึ้นมา
และต้องทนทุกข์อยู่ในแถวเหมือนเดิม
ความเป็นซาบีนากับความเป็นฟรานซ์เป็นเหมือนน้ำกับน้ำมัน
คู่นอนที่ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของกันและกัน ย่อมไม่อาจกลายเป็นคู่รักขึ้นมาได้
ซาบีนากลายเป็นรักชั่วนิรันดร์ของฟรานซ์ เป้าหมายที่แท้จริงของฟรานซ์
ในการเดินทางไปชายแดนเขมรเพื่อประท้วงสงคราม และให้ความช่วยเหลือทางมนุษยชน
ก็คือการทำเพื่อซาบีนา เขาคิดว่าตนเองได้ทำในสิ่งที่เรียกว่า ในนามของผู้พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนตน
ด้วยเหตุผลทางการเมือง เมื่อเขาได้พบกับความว่างเปล่าในความหมายแห่งการกระทำ
จึงได้ตระหนักรู้ถึงความเป็นภาพฝันแห่งความรักแห่งอุดมคติ ความตระหนักรู้นำมาซึ่งความหมายแห่งชีวิตฟรานซ์
แต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มด่ำมันได้นานนัก
การเมือง
ความเป็นปัญญาชน ความรัก กามารมณ์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ความผูกพัน
ความจงรักภักดี ฯลฯ ไม่ว่าสิ่งใดจะถูกกำหนดให้เป็นความหนักหรือความเบา
สิ่งที่ปรากฏอยู่ใน ความเบาหวิวเหลือทนแห่งชีวิต ได้ช่วยให้เราได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเราเองไม่มากก็น้อย
อย่างน้อยก็คงดีกว่าร้องไห้อย่างแน่นอน
|