Ash nazg durbatulúk, Ash nazg gimbatul
Ash nazg thrakatulúk, Agh burzum-ishi krimpatul

One Ring to rule them all, One Ring to find them
One Ring to bring them all, and in the darkness bind them


คาถาที่จารึกอยู่บนแหวนประมุขนี้ เขียนขึ้นด้วยอักขระพราย (Elvish alphabets) แต่เขียนเป็น ภาษามอร์ดอร์ ซึ่งมีคำอ่านและคำแปล ตามที่เขียนไว้ข้างต้น

คาถาและตัวอักษรของคาถานี้ เป็นแรงบันดาลใจแรก ที่ทำให้ผมสนใจในภาษา และระบบการเขียน ที่ใช้กันในมัชฌิมภูมิ (Middle Earth) จนต้องไปค้นคว้ามา และได้เกิดเป็นโฮมเพจนี้ขึ้น เพื่อให้เป็นข้อมูล สำหรับผู้อื่นที่สนใจ จะเข้าร่วมเดินทาง ย้อนกาลเวลา สู่ดินแดนแห่งอาร์ดา ศึกษาอักขระพราย ค้นหาอารยธรรมที่หลงเหลือ ในยุคสมัยที่อักขระพราย ใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็นภาษาเขียนสากล ก่อนเราจะเข้าสู่เนื้อหา จะขอเกริ่นถึงประวัติศาสตร์ของตัวอักษรก่อนดังนี้

นานมาแล้ว ในศักราชวาเลี่ยน (Valian) ที่ 1179 ของยุคที่หนึ่ง ปราชญ์ชาวเอลดาร์ (Eldar) นามว่า รูมิล (Rúmil) ได้ประดิษฐ์อักษรแบบแรกขึ้นมาในโลก เขาเรียกตัวอักษรแต่ละตัวว่าซารัท (Sarat) และตัวอักษรทั้งหมดเรียกว่า ซาราติ (Sarati) และได้ใช้กันเรื่อยมา จนประมาณปีวาเลี่ยนที่ 1250 เฟอานอร์แห่งโนลดอร์ (Fëanor of Noldor) ได้ประดิษฐ์อักษรแบบใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจ ส่วนใหญ่จากอักษร Sarati ดั้งเดิม นำมาเรียบเรียงใหม่ ให้เขียนง่ายขึ้น และมีหลักการในการ ออกเสียงตัวอักษรมากขึ้น โดยเขาได้แบ่ง ส่วนประกอบของอักษรออกเป็น สองส่วนใหญ่ ๆ คือ เทลโค และ ลูวา ซึ่งเทลโคและลูวาที่ต่าง ๆ กัน จะแสดงถึงวิธีการออกเสียงที่ต่างกัน อักษรทั้งหมด ที่เฟอานอร์ประดิษฐ์ขึ้นนี้ มีชื่อว่า เทงวาร์ (Tengwar) ซึ่งได้ใช้กันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา ถูกดัดแปลงเสียงและเพิ่มเติมตัวอักษรกันไป ตามแต่วัฒนธรรม และการออกเสียงของภาษาที่นำไปใช้นั้น
ในปลายยุคที่หนึ่ง พรายโนลดอร์ได้เดินทางมายัง Middle Earth ในขณะนั้นพรายซินดาร์ (Sindar) ซึ่งตั้งรกรากอยู่ในเบเลเรียนด์ (Beleriand) มีระบบการเขียนของตัวเองอยู่แล้ว ชื่อว่า เคียธ (Cirth) ชาวโนลดอร์นำอักขระเทงวาร์ มาเผยแพร่ สู่วัฒนธรรมของชาวซินดาร์ และก็ได้รับความนิยม อย่างรวดเร็ว ชาวซินดาร์ได้นำเทงวาร์ไปดัดแปลงให้มีวิธีการสะกดคล้ายคลึงกับเคียธ เกิดเป็นวิธี การเขียนเทงวาร์ ตามแบบฉบับของเบเลเรียนด์ การเกิดของเทงวาร์นี้ ก็ใช่ว่าจะทำให้เคียธ สาบสูญไปซะทีเดียว อักขระเคียธยังคง เป็นที่นิยมใช้ ในงานสลักไม้และหิน เนื่องจากส่วนประกอบ ของอักษรเคียธ ที่ส่วนใหญ่เป็นเส้นตรง ทำให้ง่ายต่อการ สลักลงบนพื้นผิวเนื้อแข็ง
นอกจากระบบการเขียนเทงวาร์ดั้งเดิมที่เฟอานอร์ประดิษฐ์ขึ้นสำหรับภาษาเควนย่า (Quenya) และระบบการเขียนในภาษาซินดาริน-เบเลเรียนด์แล้ว ยังเกิดระบบการเขียนอักษรเทงวาร์ในภาษาต่าง ๆ ขึ้นอีกมากมาย ซึ่งพอจะแสดงการแตกหน่อของวิธีการเขียนเทงวาร์ (mode) ออกมาได้ดังนี้
  • การเขียนสำหรับภาษา Quenya
    ภาษาดั้งเดิมที่ใช้กันในหมู่ High-Elves ยังพบว่ามีการเขียนสองประเภท
    • แบบดั้งเดิมของ Feanor
    • แบบ Quanta Sarme
  • การเขียนสำหรับภาษา Sindarin
    ภาษาของชาว Grey-Elves
    • แบบ Beleriand
    • แบบใช้ Tehta เป็นสระ
    • แบบ Gondor
  • การเขียนสำหรับภาษา Westron
    ภาษาของมนุษย์ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคที่สาม
    • แบบ Gondor
    • แบบอาณาจักรเหนือ
  • การเขียนสำหรับภาษา Black Speech
  • การเขียนสำหรับภาษา English
    พัฒนาขึ้นโดย J.R.R. Tolkien โดยนำอักษรเทงวาร์มาดัดแปลง ใช้เขียนภาษาสมัยใหม่อย่างภาษาอังกฤษ โดยวิธีการเขียนจะใกล้เคียงกับ การเขียนในภาษา Sindarin แบบใช้ Tehta เป็นสระ และเน้นที่การสะกดตัวอักษรมากกว่าการออกเสียงจริง
ก่อนจะว่ากันต่อเรื่องของเทงวาร์ ขอกล่าวถึงพัฒนาการของเคียธสักเล็กน้อย หลังจากที่เทงวาร์ ได้แพร่เข้ามาใน Middle Earth แล้ว ในปลายยุคที่หนึ่ง กวีที่ปรึกษาของกษัตริย์ธิงโกล (Thingol) ชื่อ ดาเอรอน (Daeron) ได้ปรับปรุงและเพิ่มเติม อักขระเคียธใหม่ ให้สามารถเทียบเสียงได้ กับอักขระเทงวาร์ อักขระชุดใหม่นี้เรียกว่า แคธัส ดาเอรอน (Certhas Daeron) ซึ่งภายหลัง ก็ได้รับการปรับปรุงอีก และเรียกว่า อังแกธัส ดาเอรอน (Angerthas Daeron) ต่อมาในช่วงต้นของยุคที่สอง คนแคระชื่อว่า คุซดุล (Khuzdul) สนใจในอักขระเคียธ ของชาวโนลดอร์เป็นพิเศษ และได้นำมาดัดแปลงใช้ จนเป็นที่นิยม ในหมู่คนแคระที่มอเรีย (Moria) ตำรับของอักษรเคียธ ฉบับของคนแคระ จึงได้ชื่อว่า อังแกธัส มอเรีย (Angerthas Moria) และในยุคที่สาม หลังจากที่คนแคระ อพยพออกจากมอเรียไปแล้ว กลุ่มคนแคระที่ไปอาศัยที่ เอเรบอร์ (Erebor) ก็ยังได้พัฒนาเคียธ ฉบับเอเรบอร์ ขึ้นมาอีก อักษรเคียธ คงอยู่มานานหลายพันปี และปรากฎหลักฐานว่าอยู่ต่อมา จนถึงยุคสมัยของมนุษย์ ดังจะพบเห็นได้จาก อักษรโบราณของชาวเยอรมัน และแองโกลแซกส์ซอน จะมีลักษณะคล้ายอักษรเคียธ (ว่าไปนั่น)


The Tengwar of Feanor

อักขระพรายหรือเทงวาร์ที่เฟอานอร์ประดิษฐ์ขึ้น ประกอบไปด้วยตัวอักษรหลัก 24 ตัว ตัวอักษรเพิ่มเติม 12 ตัว รวมเป็น 36 ตัวอักษร ในกลุ่มของตัวอักษรหลัก เป็นตัวอักษรที่ประกอบขึ้นมาจาก เทลโค (telco) หรือเส้นตรงแนวดิ่ง และ ลูวา (lúva) เส้นโค้งประกอบเส้นตรง ส่วนตัวอักษรเพิ่มเติม ใช้เป็นสัญญลักษณ์ แทนเสียงที่ไม่อาจสร้างขึ้น จากเทลโคและลูวาได้ เทียบได้กับอักษรในกลุ่มเศษวรรคของภาษาไทย
การออกเสียงของอักษรเทงวาร์ ขึ้นอยู่กับภาษาที่ใช้ด้วย ดังนั้นตัวอักษรตัวเดียวกัน อาจออกเสียงต่างกันได้ เมื่อใช้ในการเขียนของระบบภาษาที่ต่างกัน สำหรับเทงวาร์ของเฟอานอร์ ซึ่งเป็นการเขียนและออกเสียง ตามแบบภาษาเควนย่าดั้งเดิม ได้วางกฏเกณฑ์การออกเสียงเอาไว้ดังนี้ เทลโค กำหนดการใช้ปากและคอในการกักเสียง
- เทลโคแบบปกติ (ดูในตารางพยัญชนะ row 1--2) กักเสียงปานกลาง
- เทลโคแบบยก (row 3-4) กักเสียงมาก
- เทลโคแบบสั้น (row 5-6) กักเสียงน้อย - เทลโคแบบยาว (ไม่แสดงในตาราง) ?
ลูวา กำหนดวิธีการออกเสียง
การม้วนของลูวา
- ม้วนลง วงเปิด (col 1) ออกเสียงโดยกระดดกลิ้นดันปุ่มเหงือก
- ม้วนลง วงปิด (col 2) ออกเสียงโดยพ่นลมมผ่านริมฝีปาก
- ม้วนขึ้น วงเปิด (col 3) ออกเสียงจากลำคอ
- ม้วนขึ้น วงปิด (col 4) ออกเสียงจากลำคคอพร้อมกับห่อปาก
จำนวนวงของลูวา
- วงเดี่ยว (row 1, 3, 6) ออกเสียงปกติ - วงคู่ (row 2, 4, 5) ออกเสียงขึ้นจมูก ที่เรียกว่า Nasal consonant หรือเสียงนาสิก
ดังสามารถแสดงวิธีการออกเสียงเทงวาร์ในแบบเควนย่าได้ด้วยตารางต่อไปนี้ โดยเทียบเสียงเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษไว้ในช่องตรงมุมล่างซ้ายและขวาตามลำดับ


สำหรับเสียงสระของเควนย่าจะมี 5 เสียงอันได้แก่ e, i, a, o, u ออกเสียงเรียงลำดับดังนี้ เอ, อี, อา, โอ, อู ต้องออกเสียงตามนี้เท่านั้น โดยไม่ต้องผันตามแบบภาษาอังกฤษ (เช่นหากเขียนว่า Uruk-Hai ให้อ่านว่า อุรุกไฮ ไม่ใช่ อุรักไฮ) การใส่สระในแบบฉบับของเทงวาร์-เควนย่า ให้ใส่สระ(หรือที่เรียกว่า เทต้า tehta)ไว้เหนือพยัญชนะที่เป็นอักษรนำ
ในตารางข้างล่างนี้ สองแถวบนจะแสดงสระเสียงเดียวที่ใช้เทต้าเขียน ส่วนสองแถวล่าง จะแสดงสระควบกล้ำ(diphthong)โดยการนำเทต้ามาเขียนร่วมกับอักษรพิเศษ สังเกตว่า ในสองแถวบน ของตารางสระ มีตัวอักษรคล้ายตัว i อยู่ อักษรนี้เป็นพยัญชนะสำหรับแทนเสียง โดยจะให้เสียงสระที่ไม่ยาวมาก ส่วนตัวอักษรคล้ายตัว j จะเป็นพยัญชนะสำหรับแทนเสียง เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นตัวอักษรที่ทำให้ เสียงสระยาวขึ้น ในที่นี้ได้ใช้สระเสียงสั้นและเสียงยาว ของภาษาไทยแสดงความแตกต่างระหว่างตัว i และ j


จะเห็นว่าในบางกรณีเราสามารถที่จะเขียนสระซ้ำบนอักษรเดียวกันได้ ซึ่งเป็นการทำให้เสียงยาวขึ้นเช่นกัน ดังเช่นกรณีเสียงสระหมายเลข 6 เราสามารถเขียนตัว j บวกกับหนึ่งจุดด้านบน ก็จะให้เสียงเช่นเดียวกับเขียนตัว i บวกกับสองจุดด้านบน แต่สำหรับสระตัวที่ 8 นั้น ไม่มีรูปสำหรับเขียนลงบนตัวอักษรเสียงสั้น
นอกจากสระแล้วยังมี modifier อยู่อีกสามชนิด

  • ชนิดแรกสัญญลักษณ์ที่ใช้คือ ให้เติมขีดเส้นใต้เข้าไปที่ตัวอักษร จะเป็นการทำให้เสียงนั้นยาวขึ้นหรือเป็นการเบิ้ลเสียงตัวอักษร เช่นในตัวอย่าง ตัว T ขีดเส้นใต้ก็จะกลายเป็น TT
  • ชนิดที่สองสัญญลักษณ์เป็นจุดสองจุดอยู่ด้านล่างของอักษร แสดงถึงเสียง Y ต่อท้ายตัวอักษร ในบางที่พบว่าใช้สัญญลักษณ์สามจุดแทนสองจุดก็มี
  • ชนิดที่สามสัญญลักษณ์เส้นโค้งเล็ก ๆ ตวัดลงมาด้านล่างของตัวอักษร จะแสดงถึงเสียง S เบา ๆ ต่อท้ายเสียงตัวอักษร

ตัวอย่าง การสะกดคำว่า Ilúvatar ให้แยกอักษร, สระ และตัวสะกดออกมาก ก็จะได้เป็น I . L . Ú . V . A . T . A . R จะเห็นว่าอักษรตัวแรกขึ้นต้นด้วยสระ ดังนั้นจึงต้องเติม carrier หรือตัว i แทรกเข้าไปสักหนึ่งตัวก่อน ผลลัพธ์ก็จะได้ดังนี้

การเขียนเทงวาร์ในโหมดเควนย่านั้น แทบจะไม่มีให้เห็นแล้วในสมัยเรื่อง Lord of the Rings ตัวอย่างของเทงวาร์โหมดเควนย่านั้น Tolkien ได้แสดงไว้ในหนังสือเล่มอื่นที่ชื่อ The Road Goes Ever On ซึ่งได้มีการเขียนลำนำบท Namárië ไว้ด้วยอักขระเทงวาร์ เนื่องจากลำนำนี้ค่อนข้างยาว ผู้เขียนจึงไม่ขอใส่ไว้ ในหน้านี้โดยตรง หากต้องการดูตัวอย่าง ของเทงวาร์นามาริเอให้ คลิกที่นี่ ครับ
ต่อไปเราจะไปดูการเขียนเทงวาร์ในโหมดอื่นบ้าง เนื่องจากเทงวาร์แตกออกมาเป็นโหมดต่าง ๆ มากมาย โฮมเพจนี้ไม่สามารถไปหาตัวอย่างมาได้ทั้งหมด จึงขอแสดงเฉพาะโหมดสำคัญ ๆ ที่มีตัวอย่างให้เห็นในเรื่อง the Lord of the Rings ดังต่อไปนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีการเขียนตัวเลขด้วยอักษรเทงวาร์อีกด้วย ดังนี้


Examples

  • Namárië ตัวอย่างลำนำนามาริเอภาษาเควนย่าเขียนโดยอักษระเทงวาร์โหมดเควนย่า
  • Books' Title ตัวอย่างการเขียนเทงวาร์ในโหมดภาษาอังกฤษ รวบรวมมาจากปกของหนังสือในตระกูล Lord of the Rings ทั้งที่เขียนจาก J.R.R.T และ C.R.T.


หมายเหตุ

written by Panya Thanyaprasertkul
khun_panya@yahoo.com
22-04-2002