อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๖๕. ฝาแฝดยุค ๑๙๙๙

คุณวรวรรณ ทองสุภาภรณ์ มาร่วมทำบุญที่วัดพระธรรมกายครั้งแรก เมื่อวันทอดกฐินคุณยาย อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และได้สัมผัสบรรยากาศของการทำบุญ ที่สงบเรียบง่าย ถึงแม้จะมีผู้คนมาร่วมงาน เป็นเรือนหมื่น เรือนแสน แต่ก็ไม่ได้มีบรรยากาศ ความวุ่นวาย แต่ประการใด ทุกคนล้วนตั้งใจสำรวมตน ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม กลั่น กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ใสสะอาด บริสุทธิ์ เพื่อที่จะเป็นภาชนะ รองรับบุญในวันนั้น

คุณวรวรรณถึงแม้จะมาวัดเป็นครั้งแรกแต่ก็เข้าใจ และประทับใจในบรรยากาศ การทำบุญแบบนี้ จึงรู้สึกว่า ตนเองได้รับผลบุญในวันนั้น อย่างเต็มเปี่ยม และรู้สึกว่า สัมผัสกับกระแสบุญนั้นได้ ก่อนเดินทางกลับบ้าน ยังได้ยินเสียงบอกบุญ จากสภาธรรมกายสากล ว่า ผลบุญที่ ทุกคนได้ร่วมกันทอดกฐินในวันนี้ เป็นบุญใหญ่ ขอให้สาธุชนทุกๆ ท่าน หมั่นตรึกระลึกนึกถึงบุญนี้ทุกๆ วัน เพื่อใจจะได้ปิติสุข ใสบริสุทธิ์

คุณวรวรรณกลับไปถึงบ้าน ก็เล่าถึงบรรยากาศการไปทำบุญครั้งนี้ กับคนในครอบครัว และปวารณาสร้าง พระธรรมกายประจำตัว เพื่อ ประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ให้กับทุกคนในบ้าน แล้วยังไปแจ้งข่าวบุญ ชวนญาติพี่น้องคนที่รู้จัก ให้มาร่วมกัน สร้างพระธรรมกาย ประจำตัว รวมทั้งชวนทุกคนให้มาปฏิบัติธรรม แสวงหาความสุขภายใน ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญ ภาวนาอยู่เป็นนิจ ควบคู่ไป กับการดำเนินชีวิต ในแต่ละวัน ทุกคนในครอบครัว จึงมีความสุขมากขึ้น เพราะใจของทุกคน ต่างได้สัมผัส ผลของการปฏิบัติธรรม พบ ความสุขสงบเย็น ภายในตนแล้ว พลอยทำให้คนรอบข้าง ได้รับกระแสแห่งความเย็นนี้ไปด้วย

ช่วงระยะต่อมาที่มีการสร้างพระแกนกลางของมหาธรรมกายเจดีย์ คุณวรวรรณและคนในครอบครัว ก็ร่วมกันสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว เพื่อบูชาครูด้วย ๔ องค์ มีของตนเอง คุณแม่ พี่สาว และน้องสาวของสามี ซึ่งขณะนั้น น้องสาวของสามี กำลังตั้งท้อง มีกำหนดคลอด ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ซึ่ง ได้คลอดในวันนั้น เวลาบ่ายโมง ปรากฏว่า เป็นฝาแฝดเพศชายทั้งคู่ สร้างความดีใจให้แก่ บรรดาญาติมิตร

คุณวรวรรณซึ่งเป็นป้า ก็ไปดูหน้าหลานชายด้วย เด็ก ๒ คน น่ารัก ผิวขาว เมื่อดูจนอิ่มใจแล้ว จึงกลับบ้าน เพราะวันนั้น มีนัดกับคุณอารุษ และคุณอาคม ซึ่งเป็นอุบาสกของวัดพระธรรมกาย จะมาดูสถานที่ เพื่อเปิดเป็นที่ปฏิบัติธรรม เพราะมีเพื่อนกัลยาณมิต รอีกท่านหนึ่ง มีที่ดิน อยู่ที่บริเวณ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ค่อนข้างสวยงาม ตามธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับการปฏิบัติธรรม จึงอยากจะจัดสรรที่ดินของตน เพื่อเป็นที่ปฏิบัติสมาธิภาวนา จึงนัดอุบาสก ทั้ง ๒ ท่าน มาดูที่กัน

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่กับแขกทั้งสอง คุณวรวรรณก็ได้รับโทรศัพท์จากสามี ให้ไปที่โรงพยาบาลด่วน เพราะคุณหมอแจ้งว่า ลูกฝาแฝดที่ เกิดใหม่นั้น มีอาการน่าเป็นห่วงมาก อยู่ในขั้นอันตราย คุณหมอสันนิษฐานว่า หนูน้อยทั้งสองคน ปอดบวม และน้ำจะท่วมปอด โอกาสที่จะ รอด และเสียชีวิต มีเท่ากัน ๕๐:๕๐

พอคุณ วรวรรณ ทราบข่าวด้วยความตกใจ บวกกับความสงสารหลาน ซึ่งเพิ่งคลอดออกมาดูโลก ยังไม่ทันข้ามวันเลย ก็มีโรคร้ายมารุม เสียแล้ว จึงเตรียมตัวที่จะไปโรงพยาบาลทันที

คุณอารุษและคุณอาคม ซึ่งนั่งร่วมอยู่ในเหตุการณ์ทราบเรื่อง จึงรีบให้สติคุณวรวรรณให้นึกถึงบุญ เอาบุญช่วยต่อชีวิตหลาน และบอกให้ เชื่อมั่นในอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุ ว่า ท่านมีฤทธิ์ มีเดช มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองให้หลานปลอดภัย และรอดพ้นจาก อันตรายครั้งนี้ได้ และแนะนำให้ คุณวรวรรณ สร้างบุญให้หลาน โดยการสร้างองค์พระประจำตัว เพื่อประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ จารึกชื่อให้หลานฝาแฝด คนละองค์ 

คุณวรวรรณก็เข้าใจทันทีว่า บุญเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกในยามนี้ จึงตัดสินใจที่ จะสร้างองค์พระ เอาบุญใหม่ ต่อชีวิตให้หลานทันที แต่หลานเพิ่งคลอดออกมาใหม่ๆ ยังไม่ทันตั้งชื่อเลย จะจารึกชื่อใต้ฐานพระว่า อะไรดี คุณอารุษจึงแนะนำว่า น่าจะให้ชื่อว่า น้องแก้ว กับ น้องใส เพราะดูเป็นคำที่เป็นสิริมงคล

คุณวรวรรณก็ไม่รอช้า เขียนใบปวารณาสร้างพระทันที แล้วทุกคนก็พร้อมใจกันนั่งสมาธิ อธิษฐานจิต นึกถึงบุญที่สร้างพระนี้ ให้น้องแก้วกับ น้องใส รอดพ้นปลอดภัย จากอาการป่วย ให้คุณหมอพบวิธีรักษา ให้ถูกกับโรคด้วยเถอะ และเมื่อนั่งสมาธิอธิษฐานจิตกันแล้ว จึงเดินทางไป โรงพยาบาล

ขณะที่รอฟังข่าวจากคุณหมอ คุณวรวรรณตรึกใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุตลอด อธิษฐานซ้ำ ขอให้หลานปลอดภัย พ้นขีดอันตราย และในเวลาประมาณ ๕ โมงเย็น คุณหมอก็ออกมาจากห้องไอซียู บอกให้ญาติสบายใจได้ เพราะเด็กทั้ง ๒ คน ปลอดภัยพ้นขีด อันตรายแล้ว ทุกคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ต่างดีใจ และเชื่อมั่นในอานุภาพบุญ ที่เกิดจากการ สร้างองค์พระ สร้างเจดีย์ เพื่อบูชาพระรัตนตรัย โดยมี พระมหาสิริราชธาตุ เป็นสื่อในการตรึกระลึกนึกถึงบุญ

ปัจจุบัน ฝาแฝดบุญคู่นี้ น้องแก้วและน้องใส แข็งแรงสดใส โตวันโตคืน เป็นเด็กร่าเริง ไม่เจ็บป่วย ด้วยโรคภัยร้ายแรงใดๆ อีกเลย

ภายหลังจากการที่ได้ฝึกอบรมกายและใจของตนเองในทุกวัน ให้อยู่ในบุญกุศล หมั่นสวดมนต์สรรเสริญคุณของ พระมหาสิริราชธาตุ อยู่เป็น ประจำ ผลบุญกุศลได้ดึงดูดสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดขึ้นกับคุณวรวรรณ ในเรื่องการประกอบอาชีพของคุณวรวรรณเอง คือ ที่บ้านค้าขาย โดยขาย ไก่ย่าง และข้าวเหนียว ปกติจะขายไก่วันละ ๔๐ ตัว ข้าวเหนียววันละ ๑๐๐ กก. ทุกวัน

คุณวรวรรณบอกว่า แต่ก่อนยังไม่ได้ประกอบเหตุทำทาน รักษาศีลและหมั่นเจริญภาวนานั้น กว่าจะขายหมดนี้เหนื่อยมาก ต้องขายตั้งแต่เช้า จนถึงประมาน ๒ ทุ่ม ถึงจะได้ปิดร้านพักผ่อน แต่เดี่ยวนี้ขายคล่องขึ้น ไก่ก็ ๔๐ ตัว ข้าวเหนียวก็วันละ ๑๐๐ กก. เหมือนเดิม แต่พอเที่ยงวัน ถึงบ่ายโมง ก็ขายหมดแล้วทำให้เหนื่อยน้อยลง มีเวลาพักผ่อน และปฏิบัติธรรม มากกว่าเดิมร่วม ๖ ชั่วโมง และได้มีโอกาสออกไป ทำหน้าที่ ผู้นำบุญสะดวกสบาย สั่งสมคุณงามความดีได้เยอะขึ้น อย่างที่ตั้งใจ

โดยปกติสัตว์ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้น จะต้องมีกรรมดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นชนกกรรม นำสัตว์นั้นมาเกิด หลานฝาแฝดของ คุณวรวรรณคู่นี้ก็เช่นเดียวกัน มีทั้งบุญเก่าของตนเอง นำมาเกิดเป็นมนุษย์ และมีบุญที่ได้กระทำร่วมกัน ของเขาทั้งสองคน ทำให้ได้เกิดเป็น พี่น้องคู่แฝด

หน้าที่ของกรรมนั้น มีอยู่ ๔ ประการ นอกจากนำไปเกิดแล้ว กรรมบางอย่าง ยังทำหน้าที่อุปถัมภ์ คือสนับสนุนต่อจากชนกกรรม หรือถ้าเป็น กรรมฝ่ายไม่ดี ไม่สนับสนุน แต่กลับซ้ำเติม เรียกว่าอุปัตถัมภกกรรม

หน้าที่ประการที่สามของกรรม เรียกว่า อุปปีฬกกรรม เป็นกรรมบีบคั้น ผลของชนกกรรม และอุปัตถัมภกกรรม ให้แปรเปลี่ยน เช่นกรรมฝ่ายดี บีบคั้นฝ่ายชั่ว หรือฝ่ายชั่วบีบคั้นฝ่ายดี

หน้าที่ประการที่สี่ของกรรม คือตัดรอน เป็นกรรมแรงของฝ่ายตรงข้าม ตัดรอนผลของชนกกรรม และอุปัตถัมภกกรรมให้ขาด หรือหยุดส่งผล ไปเลยทีเดียว

การที่หลานแฝดของคุณวรวรรณ มีชนกกรรมฝ่ายดี นำมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็มีอาการป่วยมากทันที แสดงว่า มีกรรมฝ่ายไม่ดี ตามมาอุปถัมภ์ รวมทั้งบีบคั้น แทบจะตัดรอนให้ถึงสิ้นชีวิต

โชคดีที่ผู้เป็นป้าเฉลียวใจ เรื่องบุญกุศลทัน เพราะมีกัลยาณมิตรแนะนำ รีบปวารณาทำบุญสร้างองค์พระให้หลาน สวดสรรเสริญ อธิษฐานจิต ต่อพระมหาสิริราชธาตุ อันเป็นตัวแทนของพระรัตนตรัย มหากุศลจึงเกิดขึ้นทันท่วงที บุญอันเป็นกรรมฝ่ายดี เข้าทำหน้าที่ตัดรอนกรรม ฝ่ายไม่ดี ให้อ่อนกำลังลง ทำหน้าที่ให้กรรมฝ่ายชั่ว หยุดส่งผลลง ในบัดนั้น อาการของเด็ก จึงกระเตื้องดีขึ้นเป็นอัศจรรย์

เมื่อเข้าใจหน้าที่ของกรรมทั้ง ๔ ประการโดยถ่องแท้แล้ว ย่อมทำให้สามารถเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตดียิ่งขึ้น บางคนมีชีวิตอยู่ อย่าง สมบูรณ์ พูนสุข เพราะมีอุปถัมภกกรรมฝ่ายดี อุปถัมภ์ค้ำชูอยู่ ก็ไม่ควรประมาท เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่า อดีตกรรมฝ่ายไม่ดีของเรา จะตามมาทันเป็นกรรมเบียดเบียน หรือกรรมตัดรอนในตอนไหน

ดังนั้น ใครก็ตามเป็นผู้หมั่นสะสมความดีต่างๆ ไว้โดยสม่ำเสมอเนืองนิตย์ จึงเป็นคนไม่ประมาท ใครจะรู้ถึงกรรมในอดีตของตนเองว่า มีหรือ ไม่มี ฝ่ายไม่มีก็อาจจะกำลังจะตามมาทัน หากหมั่นสร้างกรรมดีอย่างเดียว ให้มากมายเข้าไว้ ถึงจะหักกลบลบหนี้กัน ให้หมดไปก็ไม่ได้ แต่สามารถลดกำลังแรง ของอีกฝ่าย ให้อ่อนลงได้ หนักจะได้กลายเป็นเบา จึงเป็นเรื่องควรที่จะหมั่น ทำกุศลความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป


[สารบัญ] [๓๖๒] [๓๖๓] [๓๖๔] [๓๖๕] [๓๖๖] [๓๖๗]