อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๘๒. เพราะเราคู่กัน

คุณยายดา โสมีสี และคุณตาลุย โสมีสี เป็นชาวอีสาน บ้านอยู่ อำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย ยายดาเล่าว่า ตลอดชีวิตยายกับตา ก็ยึดอาชีพทำนาทำสวน ปลูกผักผลไม้ ไว้เก็บเกี่ยว เหลือจากขาย ก็นำมาเป็นอาหารแบ่งปันเพื่อนบ้าน วันพระ วันสำคัญในพระพุทธศาสนา ก็ไปทำบุญตามโอกาส ตลอดชีวิตก็มีความสุขดี เพราะเป็นชีวิตที่ค่อนข้าง สมถะ ไม่เกะกะระรานใคร ไม่เบียดเบียนใคร ก็คิดว่า มีความสุขพอแล้ว

ด้วยวัยที่ใช้ชีวิตตรากตรำอยู่กับแดดฝนมา ๗๐ กว่า ปี ร่างกายย่อมจะมีการเสื่อมโทรมของสังขารเป็นธรรมดา พอตาลุยซึ่งเป็น เสาหลักของบ้านล้มป่วยลง ด้วยโรคลำไส้อักเสบ และ โรคกระเพาะแทรกซ้อน ยายจึงพาตาไปรักษาที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ คุณหมอวินิจฉัยแล้ว ได้ทำการผ่าตัดรักษา จนสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้าน และได้ไปพบหมอ ตาม ที่หมอนัด แต่แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง ก็ไม่ยอมแห้ง 

ตาลุยต้องทรมานกับความเจ็บป่วยนี้นานถึง ๒ ปี ไม่สามารถไปทำนาได้ อาการก็ไม่ทุเลาลง เรี่ยวแรงที่มีอยู่ถดถอยหมดลงไปทุกทีๆ จนถึงขั้นนอนติดอยู่กับที่นอน ยายต้องคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ตา ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย เป็นอยู่เช่นนี้นานหลายเดือน จนเนื้อด้านหลัง เริ่มเน่าเปื่อย เป็นแผลลามจนถึงก้นกบ

ยายสงสารตามากแต่ก็ไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร เพราะดีที่สุดของการเจ็บป่วยก็ให้ถึงมือหมอ เมื่อรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ก็ได้แต่ดูแลกันไปตามมีตามเกิด ในใจยายดา ก็ยังคิดอยาก ให้ตาหายจากป่วยไข้ เพราะบุคคลย่อมไม่อยากพลัดพราก จากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นธรรมดา

ยายดาบอกว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนถึงบั้นปลายของชีวิตก็เป็นชีวิต ที่เรียบง่าย ช่วงไหนมีทุกข์มากก็สุขน้อย มีทุกข์น้อยก็สุขมาก แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้น ในชีวิตนั้น สิ่งที่จะมาคลี่คลายปัญหานี้ได้ ต้องมีบุญเป็นเครื่องสนับสนุนหล่อเลี้ยง และรักษาเท่านั้น ที่ผ่านมายายดาไม่เคยเบียดเบียนใคร เอื้อเฟื้อคนอื่นตามมีตามได้นั้น ก็เกิดบุญ กุศลเหมือนกัน เมื่อก่อนนั้น ยายดายังไม่รู้ว่า การทำจิตใจให้หยุดนิ่งนั้น เป็นทางมาแห่งบุญ มาได้เรียนรู้สัจธรรมที่แสนวิเศษของชีวิต

เมื่อตนเองตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานบวชอุบาสิกาแก้ว ๑๐๐,๐๐๐ คน เพื่อทดแทนคุณมารดา ที่วัดพระธรรมกาย

เมื่อมีผู้นำบุญมาบอก ยายก็ทราบดีว่า การประกอบมหากุศลในครั้งนี้เป็นกุศลใหญ่ ถ้าตนมาร่วมงานบุญนี้ จะได้มีภาพประวัติชีวิตอันงดงาม แต่ยายบอกผู้นำบุญว่า ห่วงตา เพราะตาป่วยอยู่ ผู้นำบุญก็แนะว่า คนที่พบกับความเจ็บป่วยหาสาเหตุของโรคไม่พบนี้ อาจเนื่องจากผลบุญ ที่ตามมาหล่อเลี้ยงรักษานี้ลดน้อยลง ทำให้ผลกรรมในอดีตชาติ ตามส่งผลได้ ยายควรจะไปบวชเพื่อทดแทนคุณมารดา และจะได้น้อมนำบุญกุศลให้ถึงแก่ตา ที่นอนป่วยอยู่ที่บ้านด้วย 

และนอกจากนั้น ยังได้ชื่อว่า ไปเป็นต้นแบบในการทำความดี เพราะเมื่อคนอื่นเขาได้เห็น ภาพคนแต่งชุดขาว มีศีลเสมอกัน ประพฤติธรรมร่วมกันเป็นแสน ผู้ที่ได้พบเห็น จะได้มี กำลังใจในการทำความดี เราเป็นต้นแบบยิ่งได้บุญมาหล่อเลี้ยง แล้วบุญนี้จะได้ทำให้ชีวิตของเราอยู่เย็นเป็นสุข ยายดาจึงได้ตัดสินใจเดินทางจากหนองคาย มายังที่ วัดพระธรรมกาย

พอยายดามาถึงวัด ในวันงานเห็นภาพแห่งการประพฤติธรรมที่เกิดขึ้นในหัวใจ รู้สึกอิ่มเอิบเบิกบานมีความสุข อย่างไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต มีศรัทธาแรงกล้าว่า ทรัพย์ที่ตนเอง จะหว่านลงไปในเนื้อนาบุญ ไม่มีทางที่จะสูญหายไปไหน จะเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์ ติดตามตัวข้ามภพข้ามชาติ เกิดมาไม่เห็น ไม่เคยเจอคนที่มีจิตใจ มุ่งมาประกอบคุณงามความดี พร้อมกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้

ยายดาเกิดความปีติและเลื่อมใสศรัทธามาก จึงตัดสินใจนำปัจจัยที่เก็บหอมรอมริบไว้ตั้งนาน และนำติดตัวมาด้วย อธิษฐานจิต หยอดใส่ตู้บริจาค ร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ทันที ๕๐๐ บาท มหากุศลจิตเกิดขึ้น จิตใจเอิบอาบซึมซาบจากดวงใจภายใน แผ่ซ่านออกมาหล่อเลี้ยงทั้งกายและใจ นึกถึงตาที่อยู่บ้าน ขอให้บุญนี้ถึงสามีอันเป็นที่รักด้วย อิ่มอก อิ่มใจ จนกระทั่งเดินทางกลับ บ้านปากคาด จังหวัดหนองคาย

ผู้นำบุญที่พามาวัดแจ้งให้ทราบถึงพระมหาสิริราชธาตุว่า ท่านเกิดขึ้นในยุคของพวกเรา เพื่อมาช่วยให้เป็นสื่อ ในการตรึกระลึกถึงบุญกุศล ที่เกิดจากการทำทาน รักษาศีล และ เจริญ สมาธิภาวนา แล้วบุญกุศลที่ทำนี้ จะช่วยให้ภาวะวิกฤติที่เข้ามาในชีวิต คลี่คลายไปในทางที่ดี 

ยายจึงพึ่งพระพุทธคุณ นึกถึงองค์พระมหาสิริราชธาตุ และทำจิตใจให้ผ่องใส และสวดสรรเสริญคุณ ของพระรัตนตรัย นั่งสมาธิตรึกระลึกนึกถึงบุญ เมื่อใจสงบดีแล้ว นึกถึงบุญที่ได้ สละทรัพย์ภายนอก ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต ร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย ณ มหาธรรมกายเจดีย์นี้ และนึกถึงการเดินทางไปสร้างมหากุศลใหญ่ ใน ครั้งนั้น อธิษฐานจิตขออำนาจพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ช่วยให้ตาหายป่วยจากโรคร้าย 

และอาราธนาพระของขวัญที่ระลึกที่ได้รับมา นำมาแกว่งน้ำทำน้ำมนต์ให้ตาดื่ม และอาบทาบริเวณที่แผลเน่า ยายก็เฝ้าทำแบบนี้ทุกๆ วัน รวมทั้งเล่าถึงความประทับใจ ที่ได้เดิน ทางมาร่วมงานบุญ พร้อมทั้งนำภาพอุบาสิกาแก้ว ที่ถ่ายภาพรวมกัน เต็มสภาธรรมกายสากล และ ภาพการประกอบบุญกุศลต่างๆ ที่สวยงาม เจริญตาเจริญใจให้ตาดู ตาก็พลอย อิ่มอกอิ่มใจไปด้วย คิดว่าถ้าบุญมี รอดตายจากอาการป่วยในครั้งนี้ ตนเองจะต้องเดินทาง ไปสั่งสมบุญกับยายให้ได้ แล้วอาการของตาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อานุภาพบุญเกิดขึ้นวันที่ ๒ หลังจากการดื่มน้ำมนต์ คุณตาเริ่มแข็งแรงขึ้น มีแรงลุกมาทานข้าวเอง ภายใน ๑ สัปดาห์ คุณตาก็หายเป็นปกติ ร่างกายแข็งแรงดีดังเดิม กระฉับ กระเฉง ปัจจุบันออกไปทำนาได้เหมือนเดิม เป็นอัศจรรย์

ปัจจุบันสองสามีภรรยาต่างยึดมั่นในพระรัตนตรัย ขวนขวายในการ ประกอบความดีทุกรูปแบบ นั่งสมาธิเป็นประจำ ให้รางวัลชีวิตแก่ตนเอง ด้วยการทำใจหยุดใจนิ่ง ณ ศูนย์ กลางกายฐานที่ ๗ ทุกๆ วัน เพราะเป็นทางมาแห่งบุญกุศล ทำให้ใจผ่องใสทุก ๆ วัน

สองคนตายาย มีรายได้แค่ทำนาผืนเล็กๆ และปลูกผัก อายุกว่า ๗๐ ปีแล้ว จะมีรายได้แค่ไหน ซ้ำตาก็มาล้มบาดเจ็บ หมดแรง นอนอยู่ท่าเดียว กระทั่งเนื้อถูกกดทับ เน่าเป็นแผล เรื้อรัง จะมีเงินที่ไหนมาใช้รักษา ถ้าเป็นคนทั่วไป มีคนมาชวนไปบวชอุบาสิกาแก้ว ก็ต้องรีบปฏิเสธ เพราะไม่มีเงินเสียค่าใช้จ่ายเดินทาง และต้องเป็นห่วงสามีที่เจ็บป่วย

แต่คุณยายดา เป็นคนมีปัญญา รู้ว่า ชาตินี้ต้องตกระกำลำบาก ตามที่เป็นอยู่ เพราะสร้างบุญกุศลติดตัวมาน้อย จึงพยายามขวนขวาย ไปร่วมงานจนสำเร็จ เมื่อได้ไปร่วมงานบวช ได้รักษาศีล ฟังธรรม หัดปฏิบัติภาวนา รู้ค่าของบุญเต็มเปี่ยม เกิดกุศลศรัทธาเต็มที่ ทำบุญหยอดลงในตู้รับบริจาคถึง ๕๐๐ บาท ด้วยความปลื้มปีติเบิกบาน

กลับถึงบ้าน ได้นำบทสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ ไปทำการสวดบ่อยๆ รักษาศีล และเจริญภาวนา ตามที่รับคำสั่งสอนมา ใช้น้ำมาตั้งไว้ อธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ให้สามีดื่ม และอาบ ทำให้หายป่วยเป็นอัศจรรย์

การเจ็บป่วยของสามีคุณยายดา หมดแรงโดยไม่มีสาเหตุ น่าจะเป็นโรคเกิดจากกรรม เพราะชีวิตที่ดำเนินอยู่ตลอดมา มีแต่ใช้อุปถัมภ์ภกกรรม ที่ทำไว้ฝ่ายกุศลอยู่เรื่อยๆ ในที่สุดบุญ ที่มีอยู่ก็หมดลง จึงถูกอกุศลวิบากกรรมตามมาทัน เข้าเบียดเบียนบีบคั้นให้ผล ทำให้เจ็บป่วย เป็นทุกข์ทั้งตนเอง และภรรยาผู้พยาบาล

แต่โชคดีที่ภรรยาได้คิด รู้จักแสวงหาบุญกุศลเพิ่ม เป็นการทำบุญชนิดสุดๆ คือสุดกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ เป็นทรัพย์ที่หามาได้ด้วย หยาดเหงื่อน้ำพักน้ำแรงบริสุทธิ์ มีกำลังศรัทธา เป็น ที่สุด มีปีติโสมนัสเปี่ยมล้น ตั้งใจกระทำขี้นมาเอง ไม่มีใครชักชวน ประกอบด้วยปัญญา รู้จักคิดว่า บริจาคเพื่ออะไร และได้กระทำในเนื้อนาบุญแท้จริง หรือกล่าวโดยรวมว่า บริจาคโดยบริสุทธิ์ ทั้ง ๔ อย่างคือ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ วัตถุบริสุทธิ์ และเจตนาบริสุทธิ์

เมื่อองค์ประกอบต่างๆ ในการทำบุญ ครบถ้วนดังกล่าวแล้ว จึงมิใช่บุญธรรมดา แต่เป็นมหากุศล มีผลานิสงส์ยิ่งใหญ่ การส่งผลของบุญ เป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม เป็นบุญที่เกิด ทันตาเห็นในปัจจุบัน

อีกประการหนึ่ง คนป่วยผู้เป็นสามีเป็นคนสัมมาทิฏฐิ อนุโมทนาบุญที่ภรรยากระทำ ยังเห็นดีงามด้วยที่ภรรยาถือศีล ปฏิบัติภาวนา สวดสรรเสริญ พระรัตนตรัย ทำน้ำมนต์ ฯลฯ จิตที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา ในคุณของพระรัตนตรัย ทำให้มีกระแสบุญเกิดขึ้น มีพลังพิเศษ เปลี่ยนน้ำธรรมดา ให้กลายเป็นน้ำพุทธมนต์ มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้น ตามที่ตายาย ทั้งคู่ได้ประสบกับตนเอง โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปธรรม ให้ยึดถือเพียงพระของขวัญ ที่ระลึกในงานบวชอุบาสิกาแก้วเท่านั้น

เรื่องของความเชื่อ เรื่องของความศรัทธา เป็นเรื่องของการสร้างพลังใจให้ตนเอง เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของแต่ละคน ผู้อื่นไม่ควรดูถูกดูหมิ่น เห็นเป็นเรื่องงมงายไร้เหตุผล

คนเรา ถ้าจะให้ชีวิตมีความสุข ต้องอยู่อย่างมีที่พึ่ง การพึ่งมนุษย์ด้วยกัน พึ่งได้เพียงชั่วคราว แต่ถ้าพึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมเป็นที่พึ่ง อันประเสริฐสูงสุด เป็นที่พึ่ง ถาวรตลอดไปทั้งปัจจุบัน และภพชาติเบื้องหน้า ที่สุดแล้ว สามารถเลิกเวียนว่ายตายเกิดได้ทีเดียว


[สารบัญ] [๓๘๐] [๓๘๑] [๓๘๒] [๓๘๓] [๓๘๔] [๓๘๕]