ครอบครัวใดที่นำธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปฏิบัติ มีศีลเสมอกัน มีทิฐิเสมอกัน ย่อมจะทำให้บุคคลที่อยู่ครอบครัวนั้น อยู่เย็นเป็นสุข คิดสิ่งใดแล้ว ต้องสำเร็จ เป็นอัศจรรย์ มีแต่สิริมงคลมาสู่ตน
บทความข้างต้นน่าจะเหมาะสมกับครอบครัว
"สาแสง"
ซึ่งมีคุณอมรเกียรติ และคุณอภิญญา สาแสง เป็นผู้นำ
เพราะที่บ้านได้ทำธุรกิจการค้า
ผลิตขนมขาย
อยู่ที่ฝั่งธนบุรี
คุณอภิญญา เล่าว่า
ที่บ้านได้ร่วมบุญสร้างองค์พระประจำตัว เพื่อประดิษฐาน ณ ธรรมกายเจดีย์ โดยฝากปัจจัยมากับน้องเจ้าหน้าที่กัลยาณมิตร ที่ไปแจ้งข่าวบุญ ต่อมาได้เริ่มเข้าใจวิถีชีวิต แบบ ชาวพุทธที่แท้จริงว่า ความสุข ความสำเร็จทุกอย่าง จะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยการประกอบคุณงามความดี ซึ่งเป็นทางมาแห่งบุญ เพราะบุญเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สงบร่มเย็น เมื่อสองสามีภรรยาได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม อย่างต่อเนื่อง ๑ สัปดาห์ ความรู้ภายในก้าวหน้า สามารถทำใจให้หยุดนิ่ง มีสติรู้ตรึกอยู่ภายใน การคิดแก้ปัญหา ในการใช้ชีวิต ประจำวันก็คลี่คลายไปในทางที่ดี
คุณอภิญญาบอกว่า เดี๋ยวนี้ใจเยือกเย็นขึ้น อยู่กับลูกน้องพูดกันด้วยความ เมตตา และคอยเป็นกัลยาณมิตร ให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลบ่อยๆ โดยปิดร้านในวันบุญสำคัญ ทางพระพุทธศาสนา เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ไปสั่งสมบุญ บรรยากาศในร้านค้าของคุณอภิญญาก็เย็นลงด้วยกระแสแห่งธรรมะ ทุกๆ คน ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเรื่องอานุภาพ ก็เกิดกับ ครอบครัวสาแสงเป็นอัศจรรย์ จนทำให้ต้องมาช่วยกันประกาศคุณของพระรัตนตรัยว่าคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้มีคุณมากมายต่อผู้ที่ลงมือปฏิบัติ
ร้านของคุณอภิญญา ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรี ใกล้ๆ โรงพยาบาลธนบุรี ๑ ในร้านก็มีขนมขายทุกอย่าง มีทั้งแบบไทยๆ ขนมเปี๊ยะรวมไปถึงเบเกอรี่ต่างๆ เมี่อทุกคนในร้านหันมา ประพฤติ ปฏิบัติธรรม ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิต หมั่นทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ การค้าก็เจริญรุ่งเรือง อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ
คุณอภิญญาบอกว่า เมื่อก่อนตั้งแต่ขายมา ๖ ปี ที่เห็นชัดๆ คือขนมชั้น ซึ่งสามารถนับยอดขายเป็นถาดๆ ได้ ขายตั้งแต่เช้าถึงเย็นถ้าขายได้วันละ ๑๐ กว่าถาด ก็รู้สึกขายดี เพราะ ตั้งแต่เปิดร้านมา ก็ขายยอดสูงสุดก็ประมาณนี้ ต่อมาเมื่อ ได้ร่วมสร้างพระเพื่อประดิษฐาน ตรงส่วนแกนกลางของมหาธรรมกายเจดีย์ ได้รับพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ ไว้บูชา หมั่นตรึกระลึกถึง สวดสรรเสริญทุกวันเช้า-เย็น เพื่อเป็นทางมาแห่งบุญ แล้วความเปลี่ยนแปลงของยอดขายในร้านก็เกิดขึ้นจากสูงสุดวันละ ๑๐ กว่าถาด
ปัจจุบันนี้วันละ ๔๐ ถาดเป็นปกติ ถ้าตรงกับวันนักขัตฤกษ์วันเข้าพรรษา หรือเทศกาลบุญจะขายถึงวันละ ๑๐๐ ถาดขนาดช่วงฤดูฝนยอดขายก็ไม่ลด ซึ่งต่างกว่าเมื่อก่อน ฤดูฝนทีไร การค้าต้องซบเซาลง ทั้งวันในร้านจะเต็มไปด้วยผู้คนมาแวะซื้อขนม
เหตุการณ์วันหนึ่งทำให้ทุกคนในร้านต้องเข้าใจและซาบซึ้งต่อคำว่า "บุญรักษา" เพราะในขณะที่ทุกคนต่างมุ่งมั่น ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ของตน อย่างดีเยี่ยมนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่า สื่อมรณะที่มองไม่เห็น ได้มายืนรออยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ด้วยเดชะบุญทุกๆ คนปลอดภัย อย่างเหลือเชื่อ นึกถึงทีไรเสียวไปถึงหัวใจ เพราะตู้ขนมที่เป็นตู้ตัวถังแสตนเลส กรุกระจกใส ข้างในเรียงถาดขนมเอาไว้ และภายในติดหลอดไฟเอาไว้เพื่อความสว่าง และแสดงสีสันความน่าอร่อย น่ารับประทานนั้น ได้เกิดมีกระแสไฟฟ้ารั่วทั่วตู้
ตู้ใบนี้เสียบปลั๊กไฟฟ้าไว้ตลอด กว่าจะรู้ว่ากระแสไฟฟ้ารั่ว ก็มืดแล้ว เพราะต้องเปิด สวิทไฟแต่ไฟในตู้ไม่สว่าง จึงรอให้คุณอมรเกียรติ์มาช่วยดู พอตรวจดูเจอสาเหตุเพราะว่า หนูได้เข้าไปกัดสายไฟเกือบขาด คุณอมรเกียรติถึงกับร้องโอ๊ย! สายไฟขาด ไฟรั่วทั้งวันเป็นไปได้ยังไง ทุกคนไม่ถูกไฟฟ้าดูด
เมื่อทุกคนทราบต่างฉงน ระคนตกใจ พร้อมกับคำถามและคำตอบที่ผุดขึ้นมาในใจ เอ๊ะ แล้วรอดจากไฟฟ้าดูดได้อย่างไร เพราะทุกคนในร้านจะต้อง เข้าไปถูกตู้ใบนั้น เพื่อหยิบขนม บริการลูกค้า
คุณอภิญญาแต่งงานมา ๑๑ ปี แต่ยังไม่ยอมมีบุตรไว้เชยชมซักที จนกระทั่งกลางปี พ.ศ.๒๕๔๐ ก็เริ่มตั้งครรภ์และมีบุตรหญิง จึงตั้งชื่อว่า น้องบุญรักษา
คุณอภิญญาบอกว่า ลูกสาวเป็นเด็กน่ารักเลี้ยงง่าย อายุ ๖-๗ เดือน ก็สามารถยกมือไหว้พระเป็น ขณะพูดอ้อแอ้ จะมีอีกคำหนึ่ง นอกเหนือจากการเรียกพ่อ แม่ ก็คือคำว่า กาย ซึ่งใหม่ๆ ผู้ใหญ่ก็ไม่รู้ว่าที่น้องพูดหมายถึงสิ่งใด ต่อมาเจริญวัยขึ้น พอเห็นสัญลักษณ์ธรรมกายเจดีย์ ก็จะชี้ว่า กาย หมายถึงธรรมกายเจดีย์นี่เอง
มีช่วงที่น้องบุญรักษาอยู่ๆ ก็เกิดไม่สบาย ปากพองไม่สามารถดื่มนมทานข้าวได้ จากเริ่มเป็นน้อยๆ จนร้องโยเยทั้งคืน คงอยากจะบอกว่า เจ็บทรมาน ท้องก็หิวแต่ปากกินไม่ได้ ยาดีๆ ที่ได้มาทาปากให้ลูกก็ไม่หาย ในคืนนั้น ลูกร้องตั้งแต่หัวค่ำจนดึกก็ไม่ยอมเลิก พ่อกับแม่ผลัดกันอุ้มพาดบ่า ลูกร้องสะอึกสะอื้นมาหลายชั่วโมงแล้ว จึงตัดสินใจขอพึ่งบารมี องค์พระมหาสิริราชธาตุอีกครั้ง
พ่อก็รีบนำองค์พระของตนมาพนมมือหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน ขอบุญกุศลให้ลูกหายป่วยด้วย แล้วผลัดกันอุ้มลูก คุณอภิญญาก็นำองค์พระทั้งของตนเอง และของลูกสาว รวมกัน อธิษฐานจิต ให้ลูกหายจากอาการทรมาน หายเจ็บปากด้วย จากนั้นอีกประมาณ ๑๐ นาที ลูกก็ร้องนม นม พอลูกขอนมกินรีบส่งให้ ลูกก็ดูดนมได้ โดยไม่มีอาการเจ็บปาก สองสามีภรรยามองหน้ากัน น้องบุญรักษาก็ค่อยหลับไป พอรุ่งเช้าเขาก็ไม่ร้องไห้เจ็บปากอีกเลย
อัศจรรย์ พุทธานุภาพทำให้ลูกหายป่วย ซึ่งคุณอภิญญา บอกว่า ตนเองก็เคยพบเหตุการณ์ ซึ่งที่เจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๔๑ ช่วงที่มีการทำบุญสร้างองค์พระ เพื่อปิดเจดีย์ภายนอก ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณอภิญญา และสามีได้เดินทางไปร่วมพิธี อธิษฐาน จิต ที่ลานธรรมกายเจดีย์ ฉลองวันปิดเจดีย์ได้สำเร็จในวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ร่วมกับสาธุชนนับหมื่น
เสร็จจากพิธีเลิกกลับถึงบ้าน ด้วยความเบิกบานใจ ในผลแห่งบุญที่ประกอบกันมาทั้งวัน เข้านอนกันแต่หัวค่ำ กลางดึก คุณอภิญญาเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เหมือนถูก บิดไส้ ตัวงอดิ้นทุรนทุราย เหงื่อกาฬไหลออกพลั่กๆ อาการทุกอย่าง เกิดขึ้นรวดเร็วมาก เรียกสามีให้ช่วยก็ไม่ไหว ปวดมาก
สามีซึ่งนอนอยู่ไม่ไกลนัก ตกใจตื่น เห็นคุณอภิญญานอนดิ้นอยู่ ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือ แต่คุณอภิญญาปวดทรมานมาก จนรู้สึกว่า ความตายอยู่เบื้องหน้าแล้ว นึกได้แต่ พระมหาสิริราชธาตุที่คล้องคออยู่ และถอดวางไว้บนหัวนอน แต่เอื้อมหยิบไม่ได้ เพราะปวดมากตัวงอตลอด บอกสามี ได้แต่พระ พระ
สามีตกตะลึงรีบไปควานหาพระของตนเอง นำมาคล้องคอ แล้วรีบนั่งสมาธิ ขอบุญช่วยคุณอภิญญา เวลาผ่านไปสัก ๑๐ นาที อาการปวดบิดท้อง ลดความถี่ลงบ้าง คุณอภิญญา จึงแข็งใจพยุงตัว เอื้อมมือคว้าสร้อยคอที่ห้อยองค์พระ มาสวมคอตัวเอง
คุณอภิญญาบอกว่า พอองค์พระสวมลงที่ศีรษะเท่านั้น อาการปวดทรมาน หายเป็นปลิดทิ้งอย่างอัศจรรย์ ทำให้สองสามีภรรยา เชื่อในคุณของพระรัตนตรัยว่า ท่านมีคุณ อย่าง จะนับจะประมาณมิได้
คุณอภิญญาและสามีเป็นตัวอย่าง ของการเป็นนายจ้างที่ดี เมื่อตนเองพบการดำเนินชีวิตที่ดีงาม ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ได้ชักชวนลูกจ้างในร้านทุกคน ให้ร่วมสนใจ ปฏิบัติด้วย วันงานบุญใหญ่สำคัญๆ ถึงกับยอมขาดรายได้ ปิดร้านพาทุกคนไปร่วมงานบุญ
เมื่อคุณอภิญญาและสามีเข้าวัด ให้ทาน ถือศีล ปฏิบัติธรรม นิสัยใจคอ ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยอัตโนมัติ มีเมตตารู้จักใช้ลูกจ้าง พอเหมาะกับกำลังของเขา ไม่ใช่คิดเอาแต่ ประโยชน์ของตนอย่างเดียว รู้จักพูดด้วยปิยวาจา ไม่ดุว่าเคี่ยวเข็ญ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยน้ำใสใจจริง ประการสำคัญ เป็นกัลยาณมิตรชักชวนให้ลูกจ้างให้ทาน รักษาศีล และ ปฏิบัติภาวนา ตามตนไปด้วย
นายมีสุขภาพจิตดี ลูกน้องก็พลอยมีสุขภาพจิตดีตาม คนเราเมื่อทำงานด้วยความสบายใจ หน้าตาก็เบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส คนซื้อเข้ามาในร้านเห็นคนขาย มีแต่ใบหน้าสดชื่น ร่าเริง ย่อมสบายใจตามไปด้วย พลอยให้เต็มใจซื้อของ ตั้งใจซื้อเพียงนิดหน่อย กลับเปลี่ยนใจซื้อเสียมาก เพราะพอใจอัธยาศัยคนขาย นี่เป็นหลักจิตวิทยา
แต่ถ้าพูดในแง่ของบุญกุศล คนเราทุกคนมีดวงบุญประจำตัว อยู่ที่ศูนย์กลางกาย ถ้าทำบุญด้วยการบริจาคทานไว้มาก จะทำมาหากินอะไร ก็รุ่งเรืองไปทุกอย่าง ถ้าทำบุญด้วยการ รักษาศีลไว้มาก รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ ย่อมสวยงามผุดผ่อง ใครเห็นก็ชื่นใจ ถ้าทำจิตภาวนาไว้มาก สติปัญญาย่อมเฉลียวฉลาด แก้ไขปัญหาต่างๆ ลุล่วงโดยง่าย
ทำเหตุอย่างใด ย่อมได้รับผลอย่างนั้น แต่ในการชักชวนผู้คนทำความดีต่างๆ เป็นการทวนกระแสโลก ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย ผู้คนส่วนใหญ่ ไม่ใคร่มีเวลาฟังคำชักชวน มีแต่เวลาให้ต่อ สิ่งที่กิเลสยั่วย้อมใจ เพลิดเพลินในเรื่องอกุศลต่างๆไปเสีย ดังนั้น ผู้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนผู้คน จำต้องมีอุบาย อันเป็นกุศลในการชักชวน เช่น ให้ได้ยินคำพูด หรือได้เห็นภาพ ที่สะดุดใจได้คิด เหมือนรายการโฆษณาต่างๆ ที่เราพบกระทำอยู่ เพียงแต่คำพูด และภาพของเขา เต็มไปด้วยอำนาจโลภะของเจ้าของสินค้า ซึ่งบางอย่างพิจารณาแล้ว พูดเกินจริง เหมือนล่อลวงด้วยซ้ำ แต่ไม่มีผู้ใดถือเป็นความผิด
ตรงข้ามพระมหาสิริราชธาตุ อันเป็นพระของขวัญของวัดเรา ใช้ชื่อว่า พระดูดทรัพย์ เป็นความจริงแท้ๆ
คนที่ไม่เห็นด้วย
ก็พยายามกล่าวหาว่า เป็นเรื่องหลอกลวงผู้คน
พระมหาสิริราชธาตุนั้น ผู้ใดจะได้เป็นเจ้าของ ผู้นั้นต้องทำทาน
คือบริจาคทรัพย์
สร้างพระประจำตัว
ไว้ที่พระมหาธรรมกายเจดีย์
ซึ่งก็คือช่วยกันสร้าง ปูชนียสถาน
ไว้ให้ผู้คนเคารพ บูชา เป็นพุทธานุสติ
อันเป็นเหตุน้อมนำใจ
ให้ปฏิบัติตาม
หลักธรรมคำสั่งสอนของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ในที่สุด
เมื่อบริจาคทานไว้ ดวงบุญในเรื่องทานของผู้บริจาค ย่อมมีอานุภาพขึ้น บุญนั้นเอง บันดาลให้โภคทรัพย์หลั่งไหลมาหา เหมือนดึงดูดทรัพย์ได้ เรื่องจริงก็มีอยู่เท่านี้ เป็นกุศโลบาย ให้คนรู้จักทำทาน
เหมือนที่คนโบราณห้ามเด็กหนุ่มสาวว่า กลางคืนห้ามหวีผม จัญไรจะกินหัว กลางคืนห้ามกวาดบ้าน อุบาทว์จะขึ้นเรือน ความจริงคือ คนหนุ่มสาวอยู่ในวัยรักสวยรักงาม หนีเที่ยว นอกบ้าน ต้องแต่งตัวหวีผม แต่เมื่อไม่กล้าหวีผม ก็จะไม่กล้าออกจากบ้านหนีเที่ยว เพราะไม่สวย การกวาดบ้านกลางคืน สมัยโบราณ มีแต่ตะเกียง หรือใช้ให้ความสว่าง ไม่มาก ถ้ามีของมีค่าหล่นอยู่ อาจมองไม่เห็น กวาดลงใต้ถุนหายไป จึงมีอุบายห้ามไว้
คุณอภิญญาและสามีรวมทั้งผู้คนในร้าน ร่วมกันทำทาน ถือศีล ภาวนา เป็นคนมีบุญกันทั้งบ้าน ลูกจ้างถือศีล ย่อมซื่อสัตย์ไม่คดโกง รายได้ไม่รั่วไหล กิจการค้าย่อมเจริญ เป็น หลายเท่าตัว และรอดพ้นจากอันตรายโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ดังที่เล่ามาอย่างอัศจรรย์