คุณอรุณ มีแปลง เป็นคนอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ห่างบ้านห่างเมือง ไปทำงานที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นหมู่เกาะเล็กๆ แต่กำลังพัฒนาทางด้าน อุตสาหกรรม อย่างรวดเร็ว จึงต้องการแรงงานส่วนหนึ่ง เป็นแรงงานต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย
เนื่องจาก สภาพการทำงานที่ แข่งกับเวลา จึงต้องทนทุกอย่าง ทั้งความกดดัน และความเหนื่อยยากสารพัดในการเป็นลูกจ้างในต่างแดน
เพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง
และครอบครัว
เมื่อทำงานจน
ครบกำหนดโครงการ
เป็นเวลาสองปี
คุณอรุณได้เดินทางกลับมาเมืองไทย
ในเดือนกรกฎาคม
ได้มีโอกาสมาที่
วัดพระธรรมกาย
และได้รับหนังสือ อานุภาพ
พระมหาสิริราชธาตุ ไปด้วย
หลายเล่ม โดยเฉพาะหนังสือ
อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ฉบับพิเศษ (special) คุณอรุณจะชอบมาก
และพกติดตัว ไปไหนมาไหน
อยู่ตลอดเวลา
จากนั้นไม่นาน ก็สมัครทำงาน
กลับไปที่ไต้หวันอีกครั้ง
ในเดือนสิงหาคม
คุณอรุณเข้าทำงาน ในตำแหน่งหัวหน้าช่างไม้ ที่บริษัทกงซิ่ง เมืองสือติ้น ไทเป ด้วยจิตใจที่ยึดมั่น ในพระรัตนตรัย และจะได้ตรึกระลึกถึงท่าน ยามเมื่อต้องห่างวัด คุณอรุณ จึงนำ หนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ติดตัวไปที่ ประเทศไต้หวันด้วย เพราะจะเป็นที่พึ่งสิ่งเดียว ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด และสิ่งที่เขานำติดตัวไปด้วย ก็ได้ช่วยชีวิตเขา ให้รอดตาย และสมหวัง ตามคำอธิษฐาน อย่างอัศจรรย์
เดินทางถึงวันแรก คุณอรุณก็เริ่มทำงานทันที การทำงานที่เร่งรีบ บวกกับความอ่อนเพลีย รวมทั้งความลำบาก และความเครียด ในการทำงานมาตลอด ๒๐ กว่าวัน เพราะต้อง ทำงาน ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐-๑๗.๐๐ หยุดพักรับประทานอาหารเย็น แล้วเข้าทำงาน อีกรอบเวลา ๑๘.๐๐-๒๓.๐๐ และบางครั้ง ถ้ามีงานพิเศษ ก็ต้องอยู่จนถึงสว่าง
คุณอรุณเริ่มมีอาการปวด
ด้วยโรคกระเพาะอาหาร
เป็นความเจ็บปวด
ที่ทรมานที่สุดในชีวิต
แม้จะฝืน ก้าวเดิน
หรือแม้แต่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณลิ้นปี่
หรือแม้แต่ ขับรถมอเตอร์ไซค์
จะกระเทือน ทำให้เจ็บปวด
ไปทั่วร่างกาย
ไปหาหมอที่ไต้หวัน
ถึงสองครั้ง หมอให้ยามาทาน
ก็ไม่หาย อาการไม่ดีขึ้นเลย
คุณอรุณไม่สามารถฝืนสังขาร ไปทำงานได้ ได้แต่นอนซม อยู่ที่บ้านพัก เกือบสัปดาห์ ขณะที่เจ็บปวด ทรมาน อยู่นั้น รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา จนหายใจแทบไม่ออก คิดว่า นี่เราคง จะตายที่นี่แล้วใช่ไหม ภาพ เมืองไทยผุดขึ้นมา นึกถึงครอบครัวที่รัก ญาติมิตรเพื่อนฝูง พลันก็เกิดภาพ การไปร่วมทำบุญ ที่วัด พระธรรมกาย และนึกได้ว่า ตนเองได้นำ หนังสือ อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ติดตัวมาด้วย นี่คือที่พึ่ง สิ่งเดียว ที่เขาจะพึ่งได้ ทันทีที่นึกขึ้นได้ จึงรีบพยุงร่างกาย ต่อสู้กับความเจ็บปวด ฝืนใจลุกขึ้นไป หยิบหนังสือ อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ทุกเล่มที่มีอยู่ นำหนังสือ มากอดไว้แนบกับอก นึกถึงความตาย แล้วบอกกับ ตัวเองว่า ยังไม่อยากตายตอนนี้ จึงรวบรวมกำลังที่เหลือ อยู่สวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุถึง ๙ จบ และนอนหลับไป
วันต่อมาอาการเขาเริ่มทุเลาลง คุณอรุณ จึงสวดสรรเสริญอานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ อย่างต่อเนื่อง และตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ เขาคิดและตัดสินใจ ที่จะขออนุญาตหัวหน้า เพื่อลากลับมาพักฟื้น ที่เมืองไทย ก่อนที่จะขออนุญาต เขาได้อธิษฐานจิตกับ องค์พระมหาสิริราชธาตุว่า ขอให้ได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยที่ทางบริษัท ไม่หักเงินเดือน และหาก หายป่วยแล้ว ขอให้หัวหน้า รับเข้าทำงานต่อไปได้ ตามปกติ รวมทั้ง ขอให้ทางบริษัท ออกค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับให้ด้วย และเมื่อกลับถึงเมืองไทย ก็ขอให้ได้มีโอกาส กราบนมัสการ หลวงพ่อทองคำ พระมงคลเทพมุนี และมหาธรรมกายเจดีย์ ที่วัดพระธรรมกายด้วยเถิด
วันรุ่งขึ้นคุณอรุณไปที่ทำงานแต่เช้า เพื่อขออนุญาตหัวหน้าลางาน และกลับมาพักฟื้นที่เมืองไทย ขณะนั้นก็ระลึกถึงอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุ ขอให้หัวหน้าอนุญาต ให้ลา พักฟื้นได้ โดยไม่หักเงินเดือน เพราะปกติ ถ้าคนงานขาดงานไปหนึ่งวัน จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะถูกหักเงินรายวันทันที คุณอรุณนั้น ไม่อยากถูกหักเงินเดือน เพราะเป็นเงินค่า ครองชีพของตนเอง และเงินที่จะต้องส่งมาเลี้ยงครอบครัว
เมื่อเข้าพบหัวหน้า เขาพยายามอธิบายถึงความจำเป็นที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ เมื่อหัวหน้าได้ฟังดังนั้น ก็เกิดความเมตตา อนุญาตให้กลับเมืองไทยได้ โดยไม่หัก เงินเดือน ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ และอนุญาตให้เขา กลับมาทำงานได้ตามปกติ เมื่อหายป่วย นอกจากนี้ หัวหน้ายังใจดี แถมเงินโบนัสพิเศษ สำหรับเป็นค่าเดินทาง ให้อีกก้อนหนึ่งด้วย เขารู้สึกตื่นเต้นดีใจ ระคนกับความประหลาดใจที่อยู่ๆ หัวหน้าก็เมตตาสงสารเขา และพูดคุยแสดง ความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจเขาดีทุกอย่าง ซึ่งแตกต่างจากรายก่อนๆ อย่าง สิ้นเชิง
ด้วยอานุภาพบุญที่เขาอธิษฐานจิต จากหนังสือพระมหาสิริราชธาตุ จึงได้พบกับความอัศจรรย์ ดลบันดาลให้เขาทุเลาจากความทรมาน และทำให้หัวหน้างานเห็นใจ และให้ความ เมตตา ช่วยเหลือ อย่างที่ต้องการทุกประการ
คุณอรุณรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก ที่จะได้กลับเมืองไทย มาพบหน้าครอบครัว ญาติมิตรเพื่อนฝูง ซึ่งเขาคิดว่า ชาตินี้คงไม่มีบุญได้พบกันอีกแล้ว และที่สำคัญมากไปกว่านั้น นั่นคือ เขาจะได้มีโอกาสมาที่ วัดพระธรรมกายอีกครั้ง เพื่อมากราบนมัสการ รูปหล่อทองคำ หลวงพ่อวัดปากน้ำและมหาธรรมกายเจดีย์ ดังที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ รู้สึกซาบซึ้งในคุณของ พระรัตนตรัยว่า เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด และเป็นที่พึ่งอันเกษม ในชีวิตที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ทันทีที่เท้าแตะสนามบินดอนเมือง ในวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ เขาไม่รอช้า รีบมาที่วัดพระธรรมกาย เพื่อกราบนมัสการ รูปหล่อทองคำ หลวงพ่อ วัดปากน้ำ และมหาธรรมกายเจดีย์ทันที และร่วมประพฤติปฏิบัติธรรม อย่างไม่รีรอ ไม่ยอมให้เสียโอกาส แม้แต่นาทีเดียว การประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นเวลาที่มีค่า สำหรับเขามาก เขามีชีวิตรอด มาถึงวันนี้ได้ ก็เพราะบุญ ที่เขาตรึกระลึก ผ่านทางหนังสือ อานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ
พอคุณอรุณได้ทราบข่าวว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านมีดำริจะสร้าง บ้านกัลยาณมิตร ให้ครบแสนหลัง เขารีบปวารณาตัว เป็นเจ้าของบ้านกัลยาณมิตร ทันที ทุกวันนี้ ครอบครัวของเขา และญาติมิตร จึงมีโอกาสได้สวดมนต์ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาพร้อมๆ กันโดยที่คุณอรุณ คอยเป็นผู้นำ จัดเตรียมสถานที่ และสอนให้ลูกๆ ทุกคน อยู่ในบุญ ด้วยการสวดมนต์ และนั่งสมาธิที่บ้านทุกวัน
ตอนนี้อาการเจ็บป่วยของเขาหายดีขึ้นมาก สามารถเดินไปไหนมาไหน ได้อย่างสบาย ไม่ปวดอีกเลย แต่ก็คอยเช็คร่างกาย กับคุณหมอที่รู้จักกัน ที่ โรงพยาบาลราชวิถี โดยเช็ค แค่สองครั้ง คุณหมอลงความเห็นว่า กระเพาะอักเสบ และให้ยามาทานที่บ้าน
จากรายงานข่าวที่ทุกคนได้ทราบกันว่าประเทศไต้หวัน
เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรง
ซึ่งเกาะไต้หวัน
มักเกิดแผ่นดินไหว
เช่นเดียวกับเกาะญี่ปุ่น
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น
บ่อยครั้งทั่วโลก ในระยะนี้
อาจจะเป็นสิ่งที่มาเตือนว่า
โลกใกล้จะถึงกาลอวสาน
หรือมาเตือนให้ทุกคน
ต้องเร่งทำความดี สำหรับคุณอรุณนี้
นับว่าโชคดี
เพราะช่างเป็นเหตุการณ์
ประจวบเหมาะ
ที่เขากลับมาถึงเมืองไทยก่อน
จึงทำให้เขาไม่ต้องไปประสบกับ
ชะตาชีวิต ที่หลายๆ คนหวาดผวา จากเหตุแผ่นดินไหว
เหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของคุณอรุณ ทำให้เขาตระหนักถึงคุณพระรัตนตรัย และชักชวนครอบครัว ให้ทุกคนรีบเร่งทำความดีเสียแต่วันนี้ เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
ไม่ควร ปล่อยให้กาลเวลา
ผ่านไปโดยสูญเปล่า หมั่นสร้างความดี สะสมบุญไว้ เพราะบุญย่อมรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในบุญ ให้มีความสุข ปลอดภัยจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง
ความจริง บทสวดอภิณหปัจจเวกฯ นำมาสวดเพื่อให้เกิดความสลดสังเวชใจ จะทำให้ไม่ประมาทในวัยและชีวิต แต่ผู้คนส่วนใหญ่สวดกันแบบ นกแก้วนกขุนทอง ไม่ได้สนใจ เนื้อความ ในบทสวดจริงจัง สิ่งธรรมดาที่ทุกคนต้องพบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย การพลัดพรากจาก ของรักของชอบใจ ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่ว ก็ตาม ตนเองจักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
ข้อความข้างต้นนี้ ทุกคนทราบเป็นอย่างดี แต่ที่จะนำมาสอนใจตนเอง ให้เกิดประโยชน์มีน้อย คือเมื่อรู้อยู่ว่า จะต้องพบสิ่งเหล่านี้แน่นอน ทางที่ดีที่สุด พึงเร่งขวนขวาย สร้างบุญ กุศล ให้เต็มที่ ให้ได้มากที่สุด
คนส่วนใหญ่ต่างพากันละเลย เห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญ คุณอรุณเองแต่เดิม ก็คงเป็นทำนองนี้ แต่เมื่อได้พบความเจ็บป่วย อาการปวด จุกแน่น ทรมานจากโรคกระเพาะอาหาร ด้วย ตนเอง มีอาการสาหัส สากรรจ์ จึงได้ซาบซึ้งในคำสอนเหล่านั้น ตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ เพื่อสร้างคุณความดีให้เต็มที่
เมื่อตั้งใจอธิษฐานกุศลจิตเกิด บุญย่อมทำให้ประสบผลสำเร็จ การได้คิดและคิดได้ว่าชีวิตควรทำอะไร ต้องทำไว้แต่เนิ่นๆ อย่ารอจนความแก่ ความเจ็บ ความตาย หรือความ พลัดพราก อะไรๆ มาถึง เพราะเมื่อถึงเวลานั้น โอกาสสร้างความดีต่างๆ จะลดน้อยถอยลงทันที เมื่อแก่เสียแล้ว กำลังวังชา สุขภาพกาย สุขภาพจิตย่อมเสื่อมถอย แค่จะพา ร่างกาย ตนเอง เดินทางไปไหนมาไหน ยังทำไม่ได้ จะทำความดีอะไรได้มาก ยิ่งรอจนเจ็บป่วย ยิ่งหมดโอกาสมากยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแค่อดทนต่อสู้กับ ทุกขเวทนา ก็ทำได้ยากเสียแล้ว จะเหลือ กำลังกายกำลังใจที่ไหน ทำความดี ถ้ารอจนถึงเวลาตาย เท่ากับหมดโอกาสไปเลย