:: อช. ปางสีดา ::

: ยกที่หนึ่ง
: ยกที่สอง
: ยกที่สาม
: ยกที่สี่
: ยกที่ห้า
: ยกสุดท้าย

:: ฮ. โฮม

เชิญลงนาม ทางนี้เลย

** ยกที่ ๒ ** ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ กูปั่นมา ๒๗ กิโล.. อู้ว..คิดแล้วปวดหลังชิ้บหาย ก๋วยเตี๋ยวก็กินแล้ว ไปต่อดีกว่า ...ปั่นไปแป้บนึงก็ถึงทางเข้า อช. จ่ายค่าเข้า ๓๐ ปั่นต่ออีกนิดก็เป็น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พอเลี้ยวเข้าไปเจอเจ้าหน้าที่กะลัง ยืนประชุมกันหน้าเสาธง แสดงว่าน่าจะ ๒ โมงกว่า ... พอจอดรถเข้าที่เขาก็ทำท่า เลิกประชุม ดีวะ ไม่ต้องคอยนาน จูงจักรยานเข้าไปจอดใกล้ ๆ แล้วเดินเข้าไปอย่างมาดมั่น เจอใครก็ไม่รู้ กะลังชุลมุนอยู่ทั้งข้างในและข้างนอก เลยรอให้เขาเคลียร์ปัญหากันให้เรียบร้อยก่อน เอ๊ะ... นั่นใครหว่า หน้าตาเหมือนเจ้าหน้าที่อาวุโสของ อุธยาน ..ไม่ได้ ๆ ชิงไหว้ก่อนดีกว่า .. สวัสดีครับ ..เฮ้ยเขารับไหว้ว่ะ แต่ทำหน้างง ๆ มารู้ทีหลังว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน ... ไม่เป็นไร คนไทยไหว้ไว้ก่อนไม่เสียหลาย หันไปอีกที ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นแล้ว.. มีเจ้าหน้าที่หญิงคนนึง อ้อ..ต้องใช่เธอแน่ ๆ เธอ..คนที่โดนกล่าวถึง บนอินเทอร์เนต กะลังจะอ้าปากถามชื่อ แกก็ทำว่าเหมือนรู้ทันแล้ว แนะนำตัว... พี่ชื่อ ดารัตน์ค่ะ .. แหมะนึกแล้วเชียวพี่ ... ต้องเป็นพี่แน่ ๆ ใคร ๆ เขาก้รู้จัก อู้ย...เขารู้จักพี่แต่พี่ไม่รู้จักเขาเลย มีคนพูดถึงพี่เยอะนะครับ... คนนินทา เหรอ?? แหมะ...ใครจะนินทาพี่ล่ะ เขาก็ชมกันทั้งนั้นล่ะ เออพี่...ผมจะเช่าเตนท์น่ะครับ เอาแบบไหนล่ะ เดี่ยว คู่ หรือ แบบ ๓ คนเดี่ยว ๕๐ สามคน ๑๕๐ โหพี่.... มาคนเดียวก็ต้องเอาเตนท์นอนคนเดียวสิ จะเอาทำไมนอน ๔ คน ..... ระหว่างที่รอพี่แกไปหาเตนท์มาให้ ก็นั่งปั้มตราอุทยานลงใน โปสการ์ด รอ ทั้งหมด ๑๗ ใบเพื่อคน ๑๗ คน ปั้มไปดูละครไป เทพสามฤดู กะลังสนุกเชียว นั่งดูทีวี จนละครจบ แล้วก็นั่งคุยกับพี่ดารัตน์ ต่ออีกพอสมควร พี่สาวแนะนำให้ กางเตนท์ที่ข้างร่างนี่ล่ะ หลังจากที่ผมบอกว่าจะไปค้างที่ หน่วยพิทักษ์ปางสีดา ๕ ( ปด. ๕ ) ซึ่งห่างไปอีก ๒๐ กิโล จะไหวหรือ พี่ว่าค้างข้างล่างดีกว่านา ( แล้วก็มองมาที่ผม สำรวจเรือนร่าง) อย่างงั้นเอายาดมไปด้วยนะ ... ลูกผู้ชายตัวจริงไหนจะยอมกับคำสบประมาท ก็เลยตอบกลับอย่างมั่นใจว่า " ไหวพี่ ไหวครับ " อย่างนั้นก็ขึ้นไปเหอะ ... เสร็จธุระแล้วก็คว้าจักรยาน ปั่นไปตามทางลาดยางไต่ขึ้นเขาไป อีก ๘๐๐ เมตรน้ำตกปางสีดา ... แวะจอดพักให้หายเหนื่อย โอ้ย...ถึงกับขาสั่น เลยล่ะตอนเดินลงไปดูน้ำตก... โอ้ว.... ไม่น่าเชื่อ ยังงี้เลย หินก้อนนั้นยังงี้เลย เหมือนในโบว์ชัวร์เปะ ถ่ายรูป ๑ แชะแล้วรีบขึ้นไปพักต่อ คุยเล่นคุยหัวกับเจ้าหน้าที่แถวนั้น เอาเป้บซี่ สักป๋องแล้วไปต่อ พี่เจ้าหน้าที่หลายท่าน บอกว่าไหว ๆ ไม่ชันมากหรอก มีเนินเล็กน้อย ได้ยินแล้วใจชื้นขึ้นมา มีแรงปั่นต่อแล้วกู แต่.... อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน อันนี้ของจริงเลย เพราะปั่นไปได้สัก ๓๐ เมตรปรากฎว่าถนนราดยางอย่างหรูกลาย เป็นลูกรังอย่างเลว แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายขนาดไปไม่ได้ ยัง ยังปั่นไปได้ .. ผ่านจุดตรวจไม่ทันไร ก็ต้องโดดลงจากรถแล้ว เพราะไม่ไหว เกียร์ก็ช่วยไม่ได้ อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลย จูงดีกว่า จูงไปพักไป ต้องหยุดเข้าร่มไม้ข้างทางตลอดเพราะแดดโครตร้อนเลย ปั่นไปอีก ๑๐๐ เมตรแล้วก็กระโดดลงอีก เพราะมันเป็นเนินอีกแล้ว เป็นแบบนี้อยู่ ร่วม ๓ ชั่วโมง ระหว่างที่จูงรถ ข้าง ๆ ทางก็เห็นรอยกระทิงอยู่ทั่วไป เยอะจริง ๆ ยังคิดอยู่ว่า น่าจะได้เห็นกระทิงสักตัว รอยเยอะขนาดนี้น่าจะมีเยอะนะ แต่จนแล้วจนรอด กระทิงสักตัวก็ไม่เห็น เห็นแต่รอยบนถนนลูกรัง ถนนลูกรังที่นี่เป็นหินเม็ดเล็ก ๆ พอปั่นจักรยานมันไม่ค่อยจะจับเลย นี่ก็เป็นสเหตุนึงที่ทำให้การเดินทางล่าช้า จูงไปหอบแฮก ๆ ไป กระเป๋าก็หนัก รถกระบะสักคันก็ไม่มี กะว่าจะฝากกระเป๋าขึ้นไปไว้หน่อย หยุดพักทีไร ต้องคว้าน้ำมากรอก วางกระเป๋าแม่งกับพื้นเลย ไม่สนแล้ว นั่งกับพื้นมันยังงั้นล่ะ ... หิวก้หิว... ทนไม่ไหวก็เลย เอาขนมปังหมูหย๋องออกมากิน ๓ ชิ้น แม้จะอิ่มแต่แรงก็ยังไม่มี เลยต้องจูงรถตากแดดไปเรื่อย ๆ พอดีได้ยินเสียง รถมาแต่ไกล โอ้ว....เป็นรถปิ๊กอัพด้วย แต่ว่าข้างหลังเต็มไปด้วยกระเป๋ามากกว่า ๕๐ ใบ มีเด็กมาเข้าค่ายพอดี ทั้งหมด ๕๐ คน ....โอ้ว กะจะนอนเงียบ ๆ ฟังเสียงธรรมชาติ เสียแผนหมดเลย นโยบายของการปั่นบนเขาก็คือ " ทางเรียบกูปั่น ทางชันกูจูง" ตั้งเอาไว้อย่างนี้ แต่ทำไม่ได้แล้ว เลยเปลี่ยนนโยบายใหม่ " ทางเรียบกูจูง ทางสูงกูก็จูงอีก" เหลือบมองแขนตัวเอง...ปรากฏว่าเหงื่อออกโชกเลย ทุกอณูขุมขนมีเหงื่อไหลออกมา แล้วก็เริ่มแสบแขน ..... ผลทันตาจริง ๆ แดงและก็แสบอีกด้วย หากไม่บอกว่าไปเที่ยวป่ามา คนคงคิดว่าไปทะเลแหง ๆ ปั่นก็เหนื่อย ทางก็ไกล เนินเยอะอีกต่างหาก สัตว์ป่าสักตัวก็ไม่เจอ ยกเว้นรอยกระทิง ผีเสื้อและ ตัวอะไรอีกตัวไม่รู้ พอเห็นคนวิ่งหางจุกตูด ( คิดว่าเป็นชะมด) ระหว่างทาง ผ่านแดนกระทิงก็แล้ว แดนหมูป่าก็แล้ว แดนจงอางก็ผ่าน แดนเสือ แดนช้างป่าและอีกสารพัดแดน แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะพบสัตว์ที่ว่า แดนลิงกัง... ไหนวะลิง มองตามต้นไม้ไม่ยักกะมี ในที่สุด ก้เห็นป้ายบอกว่า หน่วยพิทักษ์ ปด.๕ ... ดีอกดีใจใหญ่ ก่อนที่จะ ปล่อยให้รถวิ่งฉิวลงเขาไป... และก็วิ่งเลยไปอีกต่างหาก ต้องเลี้ยวกลับมา เย้ ๆๆๆๆๆ...... โครตไม่เชื่อตัวเองเลยว่าตูจะสามารถขนาดนี้ เลี้ยวเข้าไปจอด คุยกับเจ้าหน้าที่ แล้วในที่สุดก็ได้ที่กางเตนท์ อยู่บนอาคารโล่ง ยกพื้นสูงหมาขึ้นได้ โยนกระเป๋าอันแสนจะหนัก ทิ้งไป แล้วก็จัดการกางเตนท์ ความสามารถพิเศษ สามารถกางเตนท์คนเดียวได้ ตอนที่ไปถึง มีเตนท์อยู่ ๒ หลังใหญ่ ๑ หลังเล็ก เป็นของกลุ่มเดียวกัน เจ้าของไปไหนนั้นไม่อาจทราบได้ และเห็นอีกกรุ้ปกะลังเตรียมตัว เข้าป่าโดยมีเจ้าหน้าที่นำ เมื่อคืนวันศุกร์มีกลุ่มเดียว แต่วันเสาร์จะเยอะและก็เยอะจริง ๆ นอกจากกลุ่มครูนักเรียนแล้ว ยังมีนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ส.
๑๐ ส.ค. ๔๖