ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
    ประวัติและความหมาย
Computare เป็นภาษาลาติน หมายถึง การคำนวณ หรือ to computer คอมพิวเตอร์ (computer) หรือเครื่องคำนวณ ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณต้นทศวรรษปี ค.ศ. 1940 ภายหลังจากที่มีการคิดค้น เครื่องวิเคราะห์ หรือ Analytical Engine ของ Charles Babbage โดยในระยะแรกเครื่องมือประเภทนี้ ใช้เฉพาะวงการวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์เท่านั้น
ต่อมาจึงมีการนำมาใช้ในงานทั่วๆ ไป (General purpose) ซึ่งสามารถใช้ในการคำนวณและประมวลผลข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล โดยใช้หลักการ ทางคณิตศาสตร์ และภายใต้การควบคุมด้วยระบบคำสั่งหรือที่เรียกว่า โปรแกรม ทำงานได้โดยอัติโนมัติ มีความรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำสูง ดังนั้น Computer หมายถึง อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์(Electronic device) ที่สามารถรับข้อมูล และคำสั่ง แล้วนำไปประมวลผลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ



ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
 วงจรการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ 
คอมพิวเตอร์มีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
 รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (Input unit) เช่น คีย์บอร์ด หรือเมาส์
 ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
 แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะจะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
 เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้




ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
เหตุผลที่นำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน
 สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้รวดเร็ว เช่น การใช้เครื่องอ่านรหัสแท่ง อ่านเข้าออกเวลาของพนักงาน
 สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากๆ ไว้ในฐานข้อมูล เพื่อใช้งานได้ทันที
 สามารถนำข้อมูลที่เก็บไว้มาคำนวณทางสถิติแยกประเภท จัดกลุ่ม ทำรายงานลักษณะต่างๆ ได้
 สามารถส่งข้อมูลจากที่หนึ่ง ไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว
 สามารถจัดทำเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบประมวลผลคำจึงเป็นส่วนหนึ่งของระบบสำนักงานอัตโนมัติ



ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
ผลของคอมพิวเตอร์กับสังคม
ผลดีที่จะมีกับสังคม มีดังนี้
 ส่งเสริมงานค้นคว้าด้านเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์มีส่วนสำคัญในการช่วยให้งานค้นคว้าด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลมาก เพราะสามารถช่วยงานคำนวณที่ซับซ้อนและไม่สามารถทำได้มาก่อน ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือการควบคุมการส่งดาวเทียมการส่งยานอวกาศ การคำนวณ ออกแบบอาคารหรือโครงการใหญ่ๆ จะทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีคอมพิวเตอร์ อนึ่งนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และนักเทคโนโลยีปัจจุบันยังสาสมารถอาศัยธนาคารข้อมูล (data bank) เกี่ยวกับงานค้นคว้าใหม่ๆ ในสาขา ของตน สำหรับอ้างอิงและคิดค้นสร้างงานวิจัยใหม่ๆ เพิ่มได้อีกด้วย งานค้นคว้าวิจัยเหล่านี้ในที่สุดก็กลับมามีผลต่อประชาชนในด้านต่างๆ
 ช่วยส่งเสริมด้านความสะดวกสบายของมนุษย์ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ท้าทายปัญญาความคิดมนุษย์ให้หาทางเขียนคำสั่งบงการ ให้มันทำงานให้ได้ตามที่เราต้องการ แม้คอมพิวเตอร์จะทำให้เราคิดคำนวณน้อยลง แต่เราใช้ความคิดในการสั่งงานในการแก้ปัญหามากว่าเดิม นอกจากนี้ความก้าวหน้าด้าน การศึกษาด้วยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์จะช่วยให้มนุษย์ได้ศึกษาและเข้าใจวิชาการต่างๆ มากขึ้น ทำให้มนุษย์ได้เข้าใจธรรมชาติและเข้าใจตัวเองมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
 ช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้าคอมพิวเตอร์มีราคาถูกมากจนทุกครอบครัวสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ รัฐบาลก็อาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมอืในการส่งเสริม ระบอบ ประชาธิปไตย เช่นใช้ส่งข่าวสารของรัฐออกไปสู่ครอบครัวไดเโดยตรง นอกจากนี้รัฐบาลยังอาจใช้คอมพิวเตอร์รับฟังความคิดเห็นของประชาชน สนองต่อการรตัดสินใจของรัฐบาล และจัดทำสถิติคำตอบต่างๆ เพื่อดำเนินการตามความคิดเห็นของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว แม้ในขณะนี้ทุกครอบครัวจะยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ แต่คอมพิวเตอร์ก็ช่วยในด้านการนับคะแนนเสียง เลือกตั้งระดับต่างๆ ทำให้ผู้ออกเสียงลงคะแนนทราบผลการลงคะแนนอย่างรวดเร็ว
 ช่วยส่งเสริมสุขภาพ งานค้นคว้าทางด้านการแพทย์ให้รุดหน้าไปมากด้วยความช่วยเหลือของคอมพิวเตอร์ ดังเราจะเห็นว่ามีเครื่องตรวจหัวใจ เครื่องตรวจสมอง เครื่อง ตวรจสายตาที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม เป็นต้น นอกจากนี้งานด้านเครื่องมือแพทย์แล้ว คอมพิวเตอร์ยังมีประโยชน์ในด้านการศึกษาสถิติประวัติการรักษาคนไข้ด้วยยาประเภทต่างๆ ว่าได้ผลเพียงใด ช่วยงานแลกเปลี่ยนข้อมูลและผลการวิจัยทางการเพทย์เป็นเครือข่ายทั่วโลก ช่วยในด้านการวินิจฉัยโรค และช่วยในการสกัดและป้องกันโรคระบาดด้วย ผลก็คือ ประชาชนจะมีชีวิตที่ยืนยาวยิ่งขึ้น
 ช่วยให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง การใช้คอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ อีกมาก ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยทางอ้อมกับตัวคอมพิวเตอร์ การผลิต การบำรุง รักษาและซ่อมคอมพิวเตอร์จะเป็นงานใหม่ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้อองกับคอมพิวเติร์อีกมากมาย เช่นพนักงานคุมเครื่องคอมพิวเอตร์ นักโปแกรมคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์ระบบ เป็นต้น การใช้คอมพิวเตอร์ในด้านพาณิชย์และธนาคาร ช่วยติดต่อซื้อขาย แลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ ดำเนินไปรวดเร็วมากขึ้น เป็นการทำให้ประชาชนมีฐานะและสภาวะความเป็นอยู่ดีขึ้นตามไปด้วย
 ผลปลีกยอ่ยอื่นๆ เช่นการใช้คอมพิวเตอร์วิเคาระห์ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อช่วยค้นคว้าทรัพยากรธรรมชาติ ค้นหาแหล่งน้ำ ป้องกันการบุกรุกป่า เป็นต้น


ผลลบที่มีต่อสังคม มีดังนี้
 ทำให้เกิดการวิตกกังวล ผลกระทบนี้เป็นที่วิตกกันมาก คือมำให้กลัวว่า เมื่อนำคอมพิวเตอร์ไปใช้ในสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว จะทำให้โรงงานปลดคนงานเก่าออกและไม่จ้าง คนงานใหม่เข้าทำงานอีก เน้นในงานที่ซ้ำซาก หรือซับซ้อนและต้องใช้แรงงานคนมาก แต่การใช้นั้นไม่ถึงกับต้องการให้ทำแทนคนโดยเด็ดขาด โดยปกติเรามักจะให้ผู้ที่ทำงาน อยู่เดิมบางคนเปลี่ยนตำแหน่งไปทำงานหน้าที่ใหม่ หรือฝึกให้ทำงานกับคอมพิวเตร์แทน เป็นการทำให้คนงานเหล่านั้นมีความรับผิดชอบมากขึ้น และสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่เรียกว่าเป็นการทำให้คนตกงาน การใช้คอมพิวเตอร์นั้นช่วยทุ่นแรงคนงานไปได้มากก็จริง แต่ขณะเดียวกันการสร้างงานคอมพิวเตอร์ก็ต้องใช้คนที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์อีก มากเป็นการทดแทน ดังนั้นจึงเท่ากับเปลี่ยนลักษณะจาการใช้แรงงาน เป็นการใช้สมองการเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมมีผลกระทบตอ่คนงานเดิมที่มีการศึกษาน้อยอยู่บ้าง แต่ถ้าคนงานสามารถเรียนรู้และ ปรับตัวได้ก็จะไม่ประสบปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลกระทบนี้คงจะเกิดขึ้นไม่นาน เมื่อการศึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์และด้านอื่นๆ ขยายตัวหรือมีการวางแผนการนำคอมพิวเตอร์มาใช้โดยรอบคอบแล้ว ผลกระทบนี้ก็คงน้อยลง
 เกิดความเสี่ยงทางด้านธุรกิจ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจอย่างเต็มที่เท่ากับเป็นการฝากลมหายใจไว้กับคอมพิวเตอร์ ถ้าหากไม่เก็บข้อมูลต่างๆ ที่เป็นหัวใจของธุรกิจให้มั่นคงแล้ว บังเอิญข้อมูลนั้นสูญหายไปด้วยประการใดก็ตาม จะทำให้ธุรกิจนั้นถึงกับหายนะได้ แต่ถ้าหากมีการป้องกันข้อมูลต่างๆ โดยรอบคอบ เช่นถ้ามีการทำสำเนาขอ้มูลเก็บไว้ต่างหาก แม้ข้อมูลที่ใช้จะสูญเสียไปก็อาจนำข้อมูลสำรองมาใช้งานได้ อนึ่งการออกแบบการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่รอบคอบอาจทำให้ธุรกิจไม่คล่องตัวและเสียเปรียบคู่แข่งขันได้ด้วย
 ทำให้เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดอาชญากรรมประเภทใหม่ขึ้น คือการขโมยโปรแกรม และข้อมูลไปขายให้คู่แข่งขันได้เปรียบและล่วงรู้ ข้อมูลและแผนการของเราได้ นอกจากนี้ข้อมูลบางอย่างก็เป็นความลับส่วนบุคคล ซึ่งถ้าหากถูกขโมยออกไปเปิดเผยอาจทำให้เสียหายได้ อนึ่งยังอาจมีการแอบใช้คอมพิวเตอร์ลักลอบแก้ไขดัดแปลง ตัวเลขในบัญชีธนานคารโดยไม่ถูกต้อง เป็นผลให้กิจการเสียหายได้ อาชญากรรมเหล่านี้จะเกิดมากตามการขยายตัวของการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในอนาคต และจำเป็นต้องมีการศึกษาหาทางป้องกัน
 ทำให้มนุษยสัมพันธ์เสื่อมถอย การที่คนเราต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์มากขึ้นใช้เวลาสั่งงานและโต้ตอบกับเครื่องมากขึ้น จะทำให้เกิดความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราลดน้อยลง เพราะการใช้งานคอมพิวเตอร์มีลักษณะของการสั่งงานเพียงข้างเดียวโดยไม่ต้องสนใจว่าเครื่องจะคิดอย่างไร ต่อไปนานๆ เข้าคนอาจติดนิสัยในการคิดและทำงานโดยไม่สนใจความรู้สึกนึกคิดคนอื่น และอาจทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งทางด้านมนุษยสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทยนี้เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้นยังไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
 ทำให้เกิดอาวุธร้ายแรงชนิดใหม่ๆ คอมพิวเตอร์ไม่ใช่แต่จะช่วยในด้านการค้นคว้าวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ยังอาจช่วยให้คนบางกลุ่มนำไปใช้ค้นคว้าสร้างอาวุธใหม่ๆ ที่มีอันตรายร้ายแรงมากๆ ได้ด้วยเช่นกัน
 ผู้ใช้อาจมีอาการเจ็บป่วยที่เกิดจาการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์นานๆ เช่น อาจมีอาการปวดหลัง ไหล่ ที่เกิดจากการนั่งอยู่หน้าเครื่องเป็นเวลานานๆ หรืออาจเกิดอาการ Carpal Tunnel Syndrome (CTS) ซึ่งเป็นอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกดทับเป็นเวลานานๆ โดยอาจเกิดจากการใช้คีย์บอร์ด หรือเมาส์ รวมทั้งอาจมีอันตราย จากรังสีที่ออกมาจากคอมพิวเตอร์
 โรงงานผลิตอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นต้องใช้สารเคมีเป็นจำนวนมาก ทำใหเกิดมลพิษต่างๆ มากมาย
 ถ้าคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดในระบบที่มีความสำคัญมากๆ อาจเป็นอันตรายกับชีวิตมนุษย์ได้ เช่นการใช้คอมพิวเตอร์ ควบคุมการจราจรทางอากาศ เป็นต้น



ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
ประเภทของคอมพิวเตอร
คอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ คือ ไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการใช้งานกันมาก ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ตลอดจนในสถานที่ศึกษาต่างๆ ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าเครื่องขนาดใหญ่ในสมัยก่อน อย่างไรก็ดีแม้ว่าเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จะทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำงานที่ใหญ่ และมีควมซับซ้อนได้ เช่น งานของระบบธนาคาร หรืออุตสาหกรรม ซึ่งมีปริมาณงานมากและซับซ้อน จะเป็นงานที่จำเป็นต้องใช้ คอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ดีกว่าเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ โดยใช้ความแตกต่างของขนาดของเครื่อง ความเร็วในการประมวลผล รวมทั้งราคาเป็นหลัก คือ
 ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
 เมนเฟรม (Mainframe)
 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
 เวิร์คสเตชัน (Workstation) และไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro computer)
 คอมพิวเตอร์เครือข่าย (Network Computers)
 คอมพิวเตอร์แบบฝัง(Embebded computers)



ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ  
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ

       ฮาร์ดแวร์(Hardware)
 ซอฟต์แวร์(Software)
 บุคลากร(Peopleware)
 ข้อมูลและสารสนเทศ(Data Information)
 กระบวนการทำงาน(Procedure)



ประวัติ | วงจรการทำงาน | เหตุที่นำมาใช้ | ผลกับสังคม | ประเภทของคอมพิวเตอร์ | องค์ประกอบของระบบ