ผญาลำลา..เดือนมีนาคม

                                  มาฆะบูชาเจ้าเดือนสามบุญข้าวจี่
                                  ธรรมเนียมงามจั่งซี้ ซอยส้วนสุดเศียร
                                  มาตื่มบุญข้าวปุ่น วุ่นวายแปรเปลี่ยน
                                  บุญพระเวศเปรตเฮี้ยน ผิดเพี้ยนไปหลาย
                              งานบุญพัดเมาเหล้า เมาทานแบบโง่โง่
                                  พากันโฮแซวย้อน ฟ้อนอ้อมเหล้าไห 
                                  ของดีพัดดึกทิ่ม ยิ้มรับของซั่วใหม่
                                  ไหลนำเงินเขาตดล่อ ลืมฮีตคองลาว...  
           เข้าเดือนสามไทยโบราณ ก็ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์  ไทอีสานโบราณ
จะร่วมใจกัน  เอาบุญข้าวจี่   โดยนำข้าวเหนียวใหม่นึ่งสุก  แล้วนำไปปั้นหุ้มน้ำอ้อย นำไปปิ้ง
ไฟจนเหลือง  เกรียมส่งกลิ่นหอม   นำไปใส่บาตรถวายพระที่วัด  พร้อมกับ รับศีล  ฟังธรรม 
ของเหลือก้นบาตร ก็แบ่งปันกันกิน ฉันท์พี่น้อง ที่...กินน้ำฮ่วมท่ากินปลาฮ่วมหนอง เงินทอง
ไม่ใช่สิ่งสำคัญสูงสุด  ของชาวอีสานโบราณ   เพราะเราเชื่อว่า..มีเงินเต็มพา บ่ท่อผยาเต็มพุง..
         แต่น่าเสียดาย  ที่มีชาวคนเผ่าอพยพ หนีความยากจนในแผ่นดินแม่ มาพึ่งโพธิสมภาร 
ได้นำเอาลัทธิบูชาเงินมาเผยแพร่ทั่วแผ่นดินไทย คนเหล่านี้ไร้ญาติขาดมิตรไม่มีชาติสายวงศ์
ตระกูล เงินเท่านั้นจึงคือคำตอบสุดท้ายแห่งชีวิต  ของที่คนไทถิ่นเขาแบ่งปันขอกันกินฟรีๆได้ 
 ถูกจับมาซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นตัวเงินหมดสิ้น..
            คนใจบุญสุนทาน ปราชญ์  ชาวบ้านกลายเป็นคนโง่ดักดาน ในลัทธิบูชาเงินความมั่งคั่ง
 กลายเป็นสัญลักษณ์ของความถูกต้องดีงาม วัฒนธรรมแท้ๆ   ของไทบ้าน   ถูกกลืนหายไปใน
กระแสเงินตรา ใครจะเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า.. เงินคืออสรพิษ.. ใครจะเชื่อว่าเงินกับความ
สุขไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ...วัฒนธรรม แห่งการแบ่งปันเกื้อกูล ทุกคนควรร่วมกันเข็นมันคืนกลับมา 
ให้เป็นกระแสหลักของสังคมไทอีสานให้ได้....
   

ผญาลำลา..เดือนเมษายน๒๕๔๕.

            เอาเดือนไทยไล่จับเดือนสากล  เล่นเอามึนกระโหลกตึบ สับสนจน ไม่รู้จะเขียนกวีฮีต
ได้จั๋งได๋ ...เอาเป็นว่าขอเขียนผญาตามเดือนสากล ก็แล้วกัน  เรื่องราวถึงจะได้เป็นปัจจุบัน สมัยไหล
ลื่นล่อง ..  เด้อนางเด้อ เด๋อเด๋อนางเด๋อ....ป๊กป๊ก..
              เข้าเมษาฟ้าฮ้อน ออนซอนสรงกรานต์ใหม่         พากันไล่กอดปล้ำ หนำสาดน้ำเป็นถัง       
              ฮีตคองพังเพม้าง ซุมสูสร้างเอาใหม่                  เอาเมาม่วนมั่วเข้าไว้ ตายกองก้นทั่วเมือง
             ฮีตเพิ้นนำคองไว้ ไหลลืมไกลห่าง                       กลายเป็นงานทางบ้า เมาเล่นเปล่าเปลือง
             ซุมกระเบื้องลอยน้ำ ซุมน้ำเต้าจมหาย      ขาวผัดกลายเป็นแหล่  จักซี่แก้จั๋งได๋....เด้น้อ..เด้น่อ...
             ถ้านับตามเดือนแบบไทย เดือนเมษายนปีนี้  ก็กลายเป็นเดือนหก ไม่ใช่เดือนห้า ตามที่ควรจะ
เป็น เห็นไหม?ว่าสิ่งที่ควรจะเป็น กับสิ่งที่มันเป็น   ยากนักที่จะเหมือนกัน วันสังขารล่วง (๑๓เม.ย)สิ่ง
ที่ควรจะเป็น คือการนำ พระพุทธรูปบูชาในบ้าน ที่พากันปล่อยร้างรุงรังมาเป็นปี นำมาขัดสีฉวีวรรณ 
ให้เอี่ยมอ่อง แล้วพาพี่เพื่อนพ้องบุตรบริวาร มาสรงน้ำพระกัน มันกลายไปเป็น วันออกเดินทางกลับ
บ้านเก่า หลายคนเลยมีโอกาส ได้ไปเฝ้ายมบาลอย่างใกล้ชิดสนิทแนบแบบกู่ไม่กลับ..
             วันสังขารเน่า(๑๔เม.ย) สิ่งที่ควรจะเป็น  คือการน้อมรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ล่วง
ลับดับขันธ์ ถ้ามีกระดูกกระเดี้ยวท่าน ก็นำออกมารดมาสรง  แต่สิ่งที่เป็นก็คือ มันพากันเมาพร้อมโคตร
สกุล  พี่นักบวชก็  วางแผนจัดบุญบังสุกุลรวม  ฟาดเงินโยม เติมเชื้อบ้าให้ชาวบ้าน   พากันอยู่อย่างไร้
ปัญญา  อย่างไม่ละอายแก่ใจ
                 วันสังขารขึ้น(๑๕เม.ย) สิ่งที่ควรจะเป็น คือการทำบุญให้ทาน รดน้ำขอพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ 
สรงน้ำให้แก่บุคคลทั่วไป   ไม่ใช่เล่นไล่สาดกันเป็นถัง  ฟาดกันด้วยถุงน้ำแข็ง  ปล้ำกันทาแป้งแกล้งทำ
อนาจาร เหมือนที่มันเป็นอยู่ ทั่วบ้านทั่วเมืองสิ่งที่ควรจะเป็น ผู้มีธรรมควรช่วยกันทำให้เป็นให้ปรากฏ
ร่วมด้วยช่วย กันชูธงชัยแห่งธรรมให้มาตุภูมิ   อย่านิ่งดูดาย เป็นคนดีแบบสากกะเบืออยู่เลยคุณ...


Email:   yogithai@thaimail.com
Copyright:2002-2005 by Mahayan Mahasarakham Thailand..