อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๔๓.เมื่อเธอเจองู

คุณลัคณา สุขเจริญ อยู่ที่แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เล่าว่า

ได้เข้าวัดครั้งแรก เมื่อวันวิสาขบูชาปี พ.ศ.๒๕๓๘ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยินแต่ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับวัดจากสื่อต่างๆ จึงรู้สึกต่อต้านกับวัด และไม่คิด จะมาพิสูจน์ดูด้วยตัวเองที่วัด แต่ในที่สุด ได้มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งชวนมา 

พอมาแล้ว ภาพที่เคยได้ยินได้ฟัง และได้เห็นจากสื่อต่างๆ ที่บิดเบือนนั้น กลับแตกต่างจากภาพที่ได้เห็นกับตา โดยสิ้นเชิง ทั้งผู้คนก็เหมือนเป็น พี่เป็นน้อง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ธรรมะที่ได้ฟังมา สามารถนำไปปฏิบัติ และเห็นผลได้จริง

พอมาแล้วรู้สึกว่า อยากจะมาอีก พอถึงวันอาทิตย์ รู้สึกว่าอยากจะมา เพราะมาแล้วสบายใจ และมีความสุข หลังจากนั้นจึงเข้าวัดเป็นประจำ จากเดิม มาแค่วันอาทิตย์ต้นเดือน และงานบุญใหญ่ พอในระยะหลังที่สื่อต่างๆ โจมตีวัด ด้วยข่าวที่บิดเบือนนั้น ก็เริ่มมาวัดทุกอาทิตย์ และ ชักชวนพ่อแม่ญาติพี่น้อง ให้มาเข้าวัด และสามารถทำให้ทุกคนในครอบครัว ได้มีส่วนร่วม ในการสร้างพระธรรมกาย ประจำตัว ซึ่งรวมกัน ทั้งครอบครัวแล้ว ได้สร้างไปถึง ๒๐ องค์ และตอนนี้ก็พยายามให้ทุกคน ได้นั่งสมาธิกันอย่างเต็มที่

ในวันเสาร์และวันอาทิตย์เมื่อหยุดจากงาน ถ้าหากไม่มาที่วัด ก็จะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ ที่จังหวัดอยุธยา ครั้งหนึ่งซึ่งเป็น วันอาทิตย์ช่วง ต้นๆ ปี ได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ขณะที่กำลังทำงานบ้านอยู่นั้น ได้ไปล้างกรงห่าน และเปิดน้ำทิ้งเอาไว้ แล้วไปทำงานบ้าน อย่างอื่นต่อ

พอนึกขึ้นมาได้ว่า เปิดน้ำทิ้งเอาไว้ จึงเดินไปปิด แต่เนื่องจาก บริเวณบ้านเป็นพื้นที่กว้าง และไม่ต้องการเดินอ้อมกรงห่าน จึงเข้าทางหลังบ้าน ไปออกหน้าบ้าน แล้วจึงจะถึงประตูเข้ากรงห่าน อาศัยการปีนกรงห่าน ซึ่งสูงประมาณ ๒ เมตร เพื่อย่นระยะทาง 

ปรากฏว่า ขณะที่ปีนเกิดขาพลาดลื่นตกลงมา แต่ในขณะที่ลื่น มือก็ยังเกาะอยู่ข้างบนกรง ทำให้แขนถูกกระชากอย่างแรง พอหล่นลงมาแล้ว รู้สึกว่า ไหล่คงจะหลุด เพราะได้ยินเสียงดังกึก และรู้สึกปวดมาก ลงมาก็นั่งร้องไห้ เพราะปวดมาก ขณะที่ร้องไห้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะเรียก คนมาช่วยก็กลัวว่า เขาจะซ้ำเติมเราอีก ที่มักง่ายปีนกรงห่าน 

จึงอธิษฐานขออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ อย่าให้เป็นอะไรมากเลย และก็นั่งสวดสรรเสริญประมาณ ๒ จบ แต่อาการปวดก็ไม่ทุเลาลง กลับยิ่งทวีความปวดมากยิ่งขึ้น จึง ได้พูดกับพระมหาสิริราชธาตุอีกว่า ขออย่าให้เป็นอะไรเลย เพราะไม่อยากไปโรงพยาบาล ไม่อยากขาดงาน และไม่อยากโดนคุณแม่ดุ 

พอพูดกับองค์พระได้สักพัก ก็มีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครมาบอก ให้สะบัดแขน จึงลองสะบัดออกไปเต็มแรง ปรากฏว่ามี เสียงดัง กึก และ ประมาณ ๕-๑๐ นาที ก็ไม่มีอาการปวดใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย เธอก็เกิดความอัศจรรย์ใจ อย่างมากว่า ทำไมถึงหายปวดไปอย่างง่ายดายจัง เพราะก่อนหน้านี้ ปวดจนถึงกับน้ำตาไหลทีเดียว

อานุภาพเรื่องที่สองที่ได้พบคือ ก่อนมาวัดในวันมาฆบูชาปี พ.ศ.๒๕๔๒ ได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่อยุธยาอีกครั้ง เพื่อไปชวนพี่น้องมาทำบุญ และ มาร่วมงานมาฆบูชาที่วัดกัน

วันที่เกิดเหตุนั้น เป็นวันอาทิตย์ประมาณบ่าย ๔ โมงเย็น ซึ่งแดดกำลังร้อนมาก ในตอนนั้น เหลือบไปเห็นหญ้าขึ้นรก อยู่นอกรั้วหน้าบ้าน จึงคิดว่า จะออกไปตัดหญ้า เพราะกำลังว่างอยู่ ซึ่งถ้าคุณลัคณาไม่ตัดเอง คุณแม่ของคุณลัคณาก็จะเป็นคนตัด แต่เพราะกลัวว่า แม่จะ เหนื่อย ในวันนั้นจึงไปตัดหญ้าเสียเอง 

จึงไปเข็นรถตัดหญ้ามาสตาร์ทเครื่อง ซึ่งก็แปลกมาก เพราะวันนั้น ตัวเองสตาร์ทเท่าไรๆ ก็ไม่ติด จึงไปเรียกคนอื่นให้มาช่วย จนสามารถติด เครื่องได้สำเร็จ ในวันนั้นได้ห้อยพระมหาสิริราชธาตุ รุ่นกรอบพญานาคสีทอง ไว้ที่คอด้วย (ปกติอยู่บ้าน จะไม่ห้อยพระ เพราะกลัวว่า พระ จะหล่นหาย) ก็ได้ลากรถตัดหญ้า ไปตัดหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งรถตัดหญ้าคันใหญ่ และหนักมาก ต้องเดินถอยหลังลากรถ

ในขณะที่เดินลากรถตัดหญ้าไปได้สักพัก เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า อย่าเดินถอยหลังต่อเลย จึงหันหน้ากลับมา ซึ่งก็พบกับสิ่งที่ทำให้ตกใจ อย่าง มากคือ งูกำลังเลื้อยเข้ามาหา โดยงูมาหยุด และชูคอ ห่างจากขาประมาณ ๑ ก้าวเท่านั้น รู้สึกตกใจมาก แต่สามารถตั้งสติได้ บังเอิญมองเห็น พระมหาสิริราชธาตุ ที่ห้อยอยู่ที่คอ จึงได้บอกกับงูในใจว่า 

เราไม่ได้มาทำร้าย และไม่รู้ด้วยว่า บ้านของเจ้าอยู่ที่นี่ ขอให้อโหสิให้ด้วย ต่างคนต่างก็ไม่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างไป ต่างคน ต่างอยู่ งูตัวนั้น ก็ยังคงชูคออยู่ที่เดิม ไม่เลื้อยไปไหน ต่างคนต่างจ้องกันและกัน สักพักหนึ่งก็นึกถึง พระมหาสิริราชธาตุอีก และนึกอธิษฐานว่า

 ขอพญานาคที่รักษาองค์พระมหาสิริราชธาตุนี้ ขอให้นำบริวารของท่านกลับไปด้วย แล้วพูดกับงูว่า เรามีพญานาคอยู่กับตัวนะ พอพูดจบ งูตัวนั้น ก็หดหัวลง และเลื้อยกลับลงรูไป อย่างเรียบร้อย เหมือนกับเขาสื่อกับเรารู้เรื่อง และหลังจากวันนั้น เมื่อได้กลับไปตัดหญ้าที่ตรงนั้นอีก ก็ไม่พบงูอีกเลย 

ภายหลังได้สอบถามคุณแม่ คุณแม่บอกว่า แถวบ้านมีงูพิษ พวกงูเห่า งูแมวเซามาก ซึ่งงูที่ได้พบในตอนนั้น พอบอกลักษณะไปแล้ว คุณแม่ บอกว่าเป็นงูเห่า ถ้าหากโดนฉกกัด คงไม่มีโอกาส มาสร้างบารมีต่อแน่นอน จึงทำให้มั่นใจว่า พระมหาสิริราชธาตุนั้น ศักดิ์สิทธิ์ และมีเทวดา คอยดูแลรักษาผู้ที่เป็นเจ้าของจริงๆ

รายนี้ก่อนเข้าวัด ฟังข่าวบิดเบือนในทางลบจากสื่อต่างๆ เอาไว้ จนทำให้รู้สึกต่อต้าน ไม่คิดจะมาพิสูจน์ดูความจริงด้วยซ้ำ ยังดีที่พอมีบุญอยู่ ทำให้พบกัลยาณมิตร ชักชวนมาวัด จึงได้พบว่า สิ่งที่ได้ทราบมานั้น ต่างจากความจริง อย่างสิ้นเชิง จึงได้มีโอกาส ในการสร้างบุญกุศลต่างๆ 

ต้องนับว่า เป็นผู้โชคดีกว่าผู้คนอีกจำนวนมากมาย ที่เชื่อสื่อทั้งหลาย แล้วไม่คิดจะมาพิสูจน์ความจริง ปิดกั้นบุญกุศลใหญ่ของตนเอง ครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหาย ของตนเองไปด้วยกัน เท่านั้นยังไม่พอ ยังสร้างบาปกรรมเพิ่ม ด้วยการช่วยสื่อกระจายข่าวผิดๆ บิดเบือน บอกต่อๆ กันออกไปให้คนอื่นๆ เชื่อถือตาม

เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าจะให้โทษว่า เป็นความผิดของใคร ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่า โทษการขาดสติและปัญญา ของผู้คนทุกฝ่าย ยามเศรษฐกิจ ฝืดเคือง ฝ่ายสื่อข่าว จะทำทุกวิธี เพื่อเพิ่มยอดขาย และไม่ได้ใช้สติปัญญาคิดว่า เป็นเรื่องควรทำหรือไม่ควร แต่ผลเสียมากมายแค่ไหน ทำลายศาสนา ของชาติตนเอง โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ผู้คนมีความคิดเห็นผิดๆ ตามไปทั่วประเทศ

ส่วนผู้คนที่บริโภคข่าวสารบางคน ไม่มีวิจารณญาณว่า ข่าวที่ได้รับแท้จริงแล้ว ควรเป็นอย่างไร ไม่ยอมไปพิสูจน์ หาความจริง เชื่อตามทันที ทำให้เสื่อมศรัทธา ในพระพุทธศาสนา เห็นพระภิกษุผู้บริสุทธิ์ เป็นเหมือนโจรผู้ร้าย ไปตามความเห็นของสื่อก็มี

จะมีผู้คนสักกี่รายที่เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส อย่างคุณลัคณา คือได้มีโอกาสไปพิสูจน์ความจริง  ได้สร้างบุญกุศล กระทั่งพบอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุ เป็นอัศจรรย์

เหตุการณ์ครั้งแรก ปีนกรงห่านแล้วตกลงมา หัวไหล่หลุดดังกึก ปวดมากจนร้องไห้ สวดสรรเสริญก็แล้ว อธิษฐานก็แล้ว อาการไม่ดีขึ้น ในที่สุด ต้องใช้วิธีพูดคุยด้วย ซึ่งการพูดด้วยนี้เอง เป็นลักษณะอาการ ของความตั้งใจพิเศษ ใจนิ่งสนิทจดจ่ออยู่ กับผู้ที่เราประสงค์พูดด้วย ใจที่จดจ่อ นั้นเอง เหมือนใจที่อยู่ในที่ตั้ง คือศูนย์กลางกาย ทำให้สามารถ ติดต่อสื่อสารกันได้กับ ผู้ดูแลรักษาองค์พระ จึงเหมือนมีใครมาบอก ให้สะบัด แขน เมื่อคุณลัคณาทำตาม ก็มีเสียงดังกึก เหมือนตอนไหล่หลุด แต่ กึกครั้งหลัง กลับเป็นการเคลื่อนกลับที่เดิมของไหล่ จึงทำให้หายเจ็บปวด

หลายรายที่เล่าๆ กันมา นอกจากสวดสรรเสริญ ทำสมาธิอธิษฐาน จิตแล้ว ก็ได้ใช้วิธีพูดคุยลักษณะนี้ เพียงแต่เรามองไม่เห็น กายทิพย์ของ ท่าน เห็นแต่เพียงที่อยู่ของท่านคือ องค์พระของขวัญ

สำหรับอานุภาพเรื่องที่สอง น่าหวาดเสียวแทนไม่น้อย การรู้สึกตัวขณะเดินถอยหลัง ลากเครื่องตัดหญ้า เตือนตนเองได้ว่า อย่าเดินถอยหลัง ต่อเลย ทำให้หันหน้าทันได้เห็น งูเห่าห่างจากขาตนเองเพียง ๑ ก้าว นั่นก็คงเป็นการเตือนภัย จากผู้ที่เรามองไม่เห็นตัว อีกทำนองเดียวกัน

ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงูเห่าหรืองูแมวเซา เมื่อมันจะป้องกันตัว มักจะแผ่แม่เบี้ยชูคอออกมาเสมอ รายนี้คุณลัคณาไม่ได้เล่าไว้ งูอาจ จะเห็นอะไรบางอย่างเช่น พญานาคก็ได้ จึงเพียงทำอาการตกตะลึง ชูคอนิ่งอยู่ ไม่แผ่แม่เบี้ย เมื่อได้สติแล้วก็รีบหนีไป


[สารบัญ] [๓๔๐] [๓๔๑] [๓๔๒] [๓๔๓] [๓๔๔] [๓๔๕] [๓๔๖] [๓๔๗]