คุณสุชาดา จงศิริวิรัตนกุล รู้จักวัดพระธรรมกายครั้งแรกเมื่องานบุญกฐินคุณยายปี พ.ศ.๒๕๓๙ โดยมีน้องสาวคือคุณวารี กวีสรศักดิ์เป็นกัลยาณมิตร
คุณสุชาดาเป็นผู้ที่รักในบุญ
กุศลมาก เธอหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่หลายครั้งโอกาสก็ไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะถูกจำกัดด้วยเหตุผล หลายประการ
เนื่องจากเธอเป็นเพียง
ลูกจ้างร้านขายเสื้อผ้าบูติกในตึกใบหยก ทาวเวอร์ ๑ แถวย่านประตูน้ำ ธุรกิจขายเสื้อผ้าเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันหยุด ทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาว่างและปลีกตัวไปไหนได้เลย
โดยเฉพาะ ในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งจะมีลูกค้ามากกว่าในวันอื่น
คุณสุชาดาทำงานเป็นลูกจ้างมานานกว่า ๒๐ ปี จึงเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของเจ้าของร้าน ดังนั้นงานหลายๆ อย่างจึงตกอยู่กับเธอหมด หรือเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเจ้าของร้านเลย แต่ด้วยความที่เธอเป็นผู้ที่รักในบุญกุศล แม้งานจะมากแค่ไหน เธอก็พยายามมาวัดปฏิบัติธรรม ซึ่งเธอบอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต เพราะคนเราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี เธอสวดมนต์ นั่งสมาธิตอนตื่นนอนและก่อนเข้านอนทุกวัน แต่หลังจากที่ทำบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวและได้รับพระมหาสิริราชธาตุ
ทำให้เธอตั้งใจสวดมนต์
นั่งสมาธิมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมทั้งได้สวดบทสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ และระลึกถึงบุญที่เธอได้สร้างพระทุกครั้งด้วย
เธอตั้งใจอยากมาวัดให้ได้ทุกอาทิตย์
เธอจึงต้องขายเสื้อผ้า
ให้ได้ตามยอดก่อน ถึงจะสามารถขออนุญาตเจ้าของร้านมาวัดได้ ซึ่งกว่าจะมาถึงวัดก็ ๔-๕ โมงเย็นแล้ว
ซึ่งเป็นเวลา
ที่พิธีใกล้จะเลิกแล้วและสาธุชนต่างทยอยกันกลับบ้านหมด แต่ความตั้งใจของเธอมุ่งมั่นที่จะมาทำความดี ถึงจะเย็นแล้วก็ขอให้ได้มา
เพื่ออย่างน้อยจะได้นำมาลัยที่ร้อยไว้
มาบูชา พระเจดีย์
สิ่งหนึ่งที่คุณสุชาดาคิดและอยากทำมาตลอดคือ อยากมาวัดวันอาทิตย์ในตอนเช้าให้ได้ เหมือนคนอื่นๆ จะได้ ได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ความคิดนี้ทำให้เธออยากเปลี่ยนงานใหม่
หลายครั้ง
เพื่อจะได้มีเวลามาวัดตอนเช้า ประจวบกับที่มีคนมาทักและเสนอแนะให้เธอลองหางานใหม่ดู เพื่อจะมีเวลาเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เธอก็ได้แต่ยิ้มๆ
และอธิษฐาน
ในใจทุกครั้งที่ตั้งใจสวดสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยทำใจหยุดนิ่ง
มีพระมหาสิริราชธาตุเป็นนิมิต
ในการตรึกระลึกถึงบุญกุศล
และความตั้งใจจริง
ในการที่อยากช่วยหลวงพ่อ
สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี และสภาธรรมกายสากลให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ อธิษฐานจิต
ขอให้มีโอกาสพบช่องทาง
ที่จะเป็นเจ้าของร้านเอง
จะได้จัดร้าน
ให้เป็นร้านค้าที่มีการขายเป็นงานรอง
งานบอกบุญทำความดีเป็นงานหลัก
และจะได้สะดวกในการทำทานรักษาศีล
และเจริญภาวนา มากขึ้น
เป็นเรื่องน่าแปลกที่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ คือ ๓ วันหลังจากที่มีคนมาทักให้เธอเปลี่ยนงานใหม่ ก็มีคนมาดูร้านและรังวัดขนาดร้าน
เพื่อที่จะซื้อร้าน ที่คุณ
สุชาดาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ จากสิ่งนี้เอง ได้ทำให้คุณสุชาดาเริ่มคิดถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง คือถ้าเธอจะทำงานกับเจ้าของคนเดิม
จะต้องเป็นที่โรงงานไม่รู้ว่า
ดีหรือเปล่า.. แต่ถ้าตัดสินใจทำ
เธอคงไม่ได้มานั่งสมาธิที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ประตูน้ำ
ที่เคยได้ไปปฏิบัติธรรมที่นั้นเป็นประจำ เพราะโรงงานกับศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่ไกลกันมาก เธอไม่สะดวกที่จะเดินทางมา
ด้วยความที่เชื่อมั่นในอานุภาพของพระรัตนตรัยมาก และทำบุญกุศลมาตลอด เผอิญเป็นช่วงจังหวะที่ร้านอีกแห่งหนึ่งที่ตึกใบหยกทาวเวอร์ ๒
ของเจ้าของร้านคนเดียวกันนี้
ได้ หมดสัญญาเช่าเซ้งพอดี เจ้าของร้านจึงเสนอให้เธอเช่าต่อและให้ลองเปิดร้านเป็นของตัวเอง ตอนนั้นเธอดีใจมาก
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า
มันเสี่ยงมาก
เพราะถ้าเธอตัดสินใจเช่า
ก็หมายถึง เธอต้องเป็นเจ้าของร้านเอง เธอต้องบริหารเองทุกอย่าง และที่สำคัญคือ "ทุน"
เธอไม่มีทุนเลย
แต่สิ่งนี้ก็มิใช่เป็นอุปสรรค
เพราะเจ้าของร้านเชื่อใจในความซื่อสัตย์ และรักษาศีลเป็นประจำ จึงเมตตาให้เครดิตกับเธอ คือขายได้แล้วค่อยให้ค่าเช่า
เธอได้สอบถามเพื่อนและญาติพี่น้องเธอหลายๆ คน และในที่สุด เธอก็ได้ตัดสินใจในการที่จะเป็น "เจ้าของร้าน" ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าเรามีร้านเป็นของตัวเอง เราจะต้องขยัน เพิ่มขึ้นอีกหน่อย แต่เราจะมีเวลามาวัดในวันอาทิตย์ และงานบุญใหญ่สำคัญๆ มากขึ้น เธอได้ตั้งชื่อร้านว่า "ร้านกัลยาณมิตร" ซึ่งเป็นชื่อที่เป็นสิริมงคล เข้ากับบรรยากาศในการ เปิดบ้านกัลยาณมิตร คุณสุชาดาดีใจมาก รีบจัดตกแต่งร้านซึ่งเป็นร้านขายชุดเสื้อของสตรี และถือโอกาสเปิดบ้านกัลยาณมิตรขึ้น ที่ในร้านของเธอเลยทีเดียว
ทุกเช้าก่อนเปิดร้านก็ร่วมกับน้องชื่อหนูแดง ซึ่งมีอัธยาศัยเดียวกัน ชอบสั่งสมความดี มาช่วยกันดูแล บริหารร้านด้วยกัน บรรยากาศการขายก็อยู่ในเกณฑ์ดี
ลูกค้ามาเลือกดูสินค้า อย่าง
มากมาย มีรายได้เข้าร้าน เป็นที่น่าพอใจทุกๆ วัน ทั้งที่ยังเป็นย่านการค้าที่เปิดใหม่อยู่ สิ่งหนึ่งที่เธอเชื่อมั่นเหลือเกินคือ เรื่องบุญ เธอกล่าวว่า "ชีวิตของเธอดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะบุญ" เธอยังนำการปฏิบัติธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตตัวเองหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเธอบอกว่าเธอใจเย็นขึ้น อารมณ์ดีขึ้น
และเธอยังฝาก
เชิญชวนให้ทุกท่านได้ไปนั่งสมาธิที่ร้านของเธออีกด้วย ซึ่งร้านเธออยู่ชั้นใต้ดิน ล็อค GL15
คุณสุชาดาเข้าวัดทำความดีต่างๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๙ คนเข้าวัดนั้นจะมีความดีพื้นฐานที่ทำได้ง่ายที่สุดคือเรื่องรักษาศีล เพราะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
เรื่องทำทานยังต้อง
ใช้ทรัพย์ เรื่องภาวนายังต้องใช้ความสามารถทางใจคอยควบคุมสติให้มีมากๆ
เมื่อคุณสุชาดาเป็นผู้เข้าวัด ได้ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญภาวนา จึงเป็นลูกจ้างที่ดี ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตโดยเอาศีลเป็นที่ตั้ง
สีเลนะ โภคะสัมปะทา ศีลนำโภคทรัพย์มาให้ได้แสดงให้คุณสุชาดา เห็น นายจ้างรู้สึกเมตตา ต้องการให้คุณสุชาดาเป็นเจ้าของร้านกิจการเสียเอง
เมื่อมีโอกาสจึงได้ออกปาก
ให้เปิดร้านใหม่ของ ตนเอง ให้ซื้อเชื่อสินค้าไปลงทุน ทำให้คุณสุชาดาสามารถหาโอกาสไปวัดวันอาทิตย์ตามที่ปรารถนาได้
บุญกุศล ผู้ใดทำเก็บสะสมไว้มากๆ เมื่อต้องการสิ่งใดที่ไม่เกินกำลังบุญที่มี มักประสบผลสำเร็จเป็นอัศจรรย์