อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ

๓๘๙. ชนกลางสะพาน

คุณสมศักดิ์ แสงทอง เดิมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ปัจจุบันลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว เข้าวัดครั้งแรกเมื่อประมาณเกือบ ๒๐ ปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นมาทำหน้าที่ ประสานงานให้กับธนาคาร หลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าวัดอีกเลย จนกระทั่งเมื่อครบรอบวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย (๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๐) วันนั้นพอเข้า มา รู้สึกสะดุดใจกับรูปปั้นหลวงพ่อสด เป็นรูปหุ่นขี้ผึ้งที่ประดิษฐานอยู่ที่สภาธรรมกายสากล มองดูเหมือนมีชีวิต น่าเคารพเลื่อมใส และพอได้พบเห็นพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ธัมมชโย อย่างใกล้ชิด รู้สึกประทับใจในศีลาจารวัตร และความผ่องใสของท่าน ณ เวลานั้นเอง คุณสมศักดิ์จึงตัดสินใจเด็ดขาด เลิกดื่มเหล้า และทำสำเร็จภายในวันนั้น และ หลังจากนั้น ก็มาวัดบ่อยขึ้น พออีกประมาณเกือบปี ก็สามารถ เลิกสูบบุหรี่ได้ ซึ่งเดิมทีจะเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดมาก วันละ ๒ ซอง ชนิดที่เรียกว่าพอเข้าห้องน้ำ ปากก็คาบบุหรี่ ไปด้วยทุกครั้ง แต่เดี๋ยวนี้คุณสมศักดิ์สามารถเลิกสิ่งเสพติดเหล่านี้ได้ด้วยกำลังใจที่มั่นคง

ทุกๆ วันอาทิตย์คุณสมศักดิ์พร้อม กับครอบครัวจะพากันมาประพฤติปฏิบัติธรรมที่วัดอย่างสม่ำเสมอ และช่วงเข้าพรรษาปี พ.ศ.๒๕๔๒ ทุกคนในครอบครัวก็ปวารณา สวดมนต์ ทำวัตรเย็นทุกวัน พอตกค่ำก็จะมีเสียงสวดมนต์ทุกวันภายในบ้านหลังนี้ ถึงแม้จะประกอบธุรกิจการงานมาอย่างหนักเพียงใด แต่ก็ไม่เคยละเลยการปฏิบัติธรรม เจริญภาวนา เวลาขับรถออกนอกบ้านทุกครั้งจะอาราธนาคุณพระรัตนตรัยคุ้มครองทุกคนในครอบครัว

คุณสมศักดิ์เล่าว่า เขาและครอบครัวได้ประสบอุบัติเหตุรอดพ้นจากความตาย ที่เรียกว่าสุดๆในชีวิตถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา ในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อแต่ขอรับ ประกันว่า เป็นความจริงทุกประการ 

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ในวันนั้นเขาถอยรถป้ายแดงออกมาสด ๆ ร้อนๆ เป็นรถอีซูซุสตาร์ด้าโฟร์วีล ซึ่งสั่งจองมาเป็นเวลา ๓ เดือนแล้ว ออกรถมา ไม่ทันข้ามวันก็ต้องมีเหตุ วันนั้นคุณสมศักดิ์พร้อมด้วยภรรยาและลูกสาว อายุ ๘ ขวบ พากันตระเวนหาที่แต่งรถ ขับไปถึงจังหวัดชลบุรี และแวะกลับมาตกแต่งเพิ่มเติม อีกนิดหน่อย ที่รามอินทรา จากนั้นจึงมุ่งหน้ากลับบ้าน ขับมาถึงบริเวณมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ขับขึ้นสะพานซึ่งมี ๓ เลนคือ เลนด้านขึ้น ๑ เลน และด้านลงอีก ๒ เลน ขณะนั้นเวลา ๒๑.๑๕ น พอขับขึ้นไปเจอรถแท๊กซี่จอดเสียข้างทางสองคัน ทำให้รถคันอื่นๆ ไม่สามารถที่จะขับตรงไปได้ จึงขับขึ้นไปด้วยความเร็ว ๖๐ กม./ชม. และหักหลบรถแท๊กซี่เกือบ จะพ้น อยู่แล้ว เผอิญมีรถเบนซ์อีกคันที่อยู่เลนตรงข้ามขับมาด้วยความเร็วสูง โดยไม่เบรคเลย ได้ประสานงาเข้าอย่างจังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ภรรยาที่นั่งมาด้วยร้องอุทานด้วย ความ ตกใจว่า "หลวงพ่อช่วยด้วย"

คุณสมศักดิ์บอกว่าตอนนั้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาเองก็อุทานในใจเรียกหลวงพ่อช่วยด้วยเช่นกัน และลูกสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังพอรู้ว่ารถกำลังจะถูกชน ได้รีบขยับตัวหลบ ไปอยู่ด้านหลังคนขับ ซึ่งตอนแรกนั้นเธอนั่งอยู่เบาะท้ายบริเวณช่วงกลางระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ ซึ่งท่านทั้งสองคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ลูกสาวนี่สิไม่มีอะไรที่จะยึดเกาะได้เลย พอรถประสานงากันอย่างจัง ลูกสาวไม่กระเด็นออกหรือศีรษะไม่กระแทกกับส่วนใดของรถ กระจกรถก็ไม่แตก ส่วนรถเบนซ์คันนั้นกระจกด้านหน้าแตกกระจาย 

คุณสมศักดิ์กล่าวว่า ถ้าหากรถเบนซ์คันนั้นพุ่งชนแรงกว่านี้ รถของเขาจะต้องตกสะพานและทั้งครอบครัว ต้องอาจถึงตายอย่างแน่นอน เพราะตอนนั้นแรงประสานงา ทำให้รถของ เขา เสียการทรงตัวและหัวรถทิ่มไถลไปชิดขอบสะพาน ทุกคนในรถต่างก็คุมสติกันได้จึงจากรถสำรวจดูปรากฏว่า รถพังยับเยินแต่โชคดีรถไม่ตกสะพาน นี่เป็นเพราะอานุภาพของ พระมหาสิริราชธาตุที่ทุกคนคล้องคอไว้เป็นประจำ พอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จิตใจที่ยึดติดในองค์พระมหาสิริราชธาตุ ท่านก็พลันผุดขึ้นมาให้เขาระลึกได้ และเป็นที่พึ่ง ได้ในยามคับขันและรอดพ้นภัยอย่างอัศจรรย์

ส่วนเหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นห่างกันแค่ ๖ วันเท่านั้นเอง เป็นวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณสมศักดิ์พร้อมกับครอบครัวและญาติสนิท รวมกัน ๑๐ ชีวิต นั่งรถตู้มุ่งหน้า เพื่อไปร่วมงานบวชที่จังหวัดสุพรรณบุรี ออกเดินทางประมาณ ๖ โมงเย็น พอขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณสามแยกถนนสายบางบัวทองสุพรรณบุรี เลยสามแยกวัดไผ่โรงวัว ซึ่งพอพูดถึงที่นี่ทุกคนย่อมทราบกิตติศัพท์ว่า "โค้งมรณะ" เพราะรถมักจะตกข้างทางและชนกันเป็นประจำ บ่อยครั้งที่รถแท็กซี่ถูกดักจี้ปล้น และถูกฆ่าตายไม่รู้กี่ศพ 

ตอนนั้นคนที่อาสาขับให้คือ พี่ชายของภรรยาโดยมีพ่อตานั่งคู่มาด้วย ขณะที่ขับด้วยความเร็วประมาณ ๑๑๐ กม./ช.ม. พอถึงจุดเกิดเหตุยางรถด้านหลังระเบิดขึ้นในทันทีทันใด คนขับพยายามประคองรถแต่ไม่สามารถควบคุมได้ ความเร็วบวกกับทางโค้งทำให้รถพลิกคว่ำตกลงไปข้างทางตีลังกาถึงสองตลบ และกลับตั้งขึ้นมาเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ คุณสมศักดิ์กล่าวว่า "ขณะนั้นทุกคนที่อยู่ในรถเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยอะไรไม่ทราบ ไม่มีใครกระเด็นออกนอกรถเลย ทั้งๆที่ด้านหน้านั้นไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยซ้ำ ลูกสาวคนเล็กซึ่งเจอเหตุการณ์ถึงสองครั้งมีสติไม่ร้องไห้ตกใจเลย และที่สำคัญไปกว่านั้นคือทุกคนที่อยู่ในรถไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว"

ส่วนพ่อตานั้น พอ ๓ วันถัดมา เริ่มมีอาการคอเคล็ด หันไม่ได้ ไปหาหมอเข้าเฝือกก็ไม่ยอมหาย คุณสมศักดิ์เคยอ่านในหนังสืออานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ และอยากช่วยให้ท่าน หายป่วย จึงตั้งจิตอธิษฐานขออานุภาพบารมีพระมหาสิริราชธาตุ และบารมีธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองรูป รวมทั้งบารมีธรรมของคุณยายอาจารย์จันทร์ ขนนกยูง ได้ช่วยประสิทธิ์ประสาทให้เป็นยาทิพย์นำไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ขอให้หายเป็นอัศจรรย์ จากนั้นก็นำไปให้พ่อตาดื่ม ๓ อึก และลูบลำคอที่รู้สึกเคล็ด 

ภายในเย็นวันนั้น จึงสอบถามอาการท่านตอบว่า "มันเบาแล้วว่ะ มันนิ่มมันเนิ่มไปหมด และหันคอได้อย่างสบาย" พ่อตายังคงดื่มต่อไปอีกเพราะกลัวว่าจะยังไม่หายสนิท ปรากฏว่า โรคที่เคยปวดตามแข้งขาก็หายไปด้วยอีกโรคหนึ่ง

นี่คืออานุภาพบุญที่บันดาลให้เขา และครอบครัวปลอดภัยจากอุบัติเหตุและสิ่งเลวร้าย จากที่หนักก็กลายเป็นเบา นอกจากนี้ในวันที่จะเกิดเหตุครั้งแรก เหมือนมีลางสังหรณ์มาเตือน ทำให้คุณสมศักดิ์รีบติดต่อบริษัทประกันภัยในวันนั้น ติดต่อตอน ๘ โมงเช้า พอ ๖ โมงเย็นก็เจออุบัติเหตุ แทนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้ก็มีเหตุช่วยให้รักษาทรัพย์ได้อีกด้วย คุณสมศักดิ์และครอบครัวมั่นใจในบุญ และปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระรัตนตรัย หมั่นสวดมนต์ ภาวนา และทุกครั้งที่เดินทางก็จะอาราธนา บารมีองค์พระมหาสิริราชธาตุ ให้ท่านคุ้มครองเสมอ

การที่เข้าวัดครั้งแรกเมื่อ ๒๐ ปีมาแล้วเป็นการเข้าตามหน้าที่ พนักงานนับเงินของธนาคาร ไม่ได้เกี่ยวกับศรัทธาในพระพุทธศาสนาก็จริงแต่ภาพเหตุการณ์ที่เคยได้เห็นพระภิกษุ สามเณรตลอดจนสาธุชนที่มาร่วมกันทำความดีงามในครั้งนั้น เป็นกุศลทัสสนะ ค้างอยู่ในความทรงจำ เมื่อเวลาล่วงเลยมานาน ๒๐ ปี ก็ยังไม่ลืมมีโอกาสยังได้กลับมาเยือน และ เหมือนบุญเก่าเข้าเตือนใจ เพียงเห็นภาพรูปปั้นหลวงพ่อวัดปากน้ำ รวมทั้งได้เห็นความบริสุทธิ์ผ่องใสของหลวงพ่อเจ้า- อาวาส ทำให้มีกำลังใจแรงกล้า ตัดสินใจเลิกดื่มเหล้า ในวินาทีนั้นได้ทันที น่าอนุโมทนา แสดงว่ายังไม่ติดงอมแงม เหมือนการสูบบุหรี่วันละถึง ๒ ซอง แม้กระนั้นก็ยังตัดใจอดบุหรี่ได้ในที่สุด น่านับถือน้ำใจ ภาพที่เห็นแล้วสามารถฉุด จิตใจ ผู้ดูให้มีคุณภาพสูงขึ้น เป็นภาพที่วิเศษกว่าภาพอื่นเรียกว่าเป็นทัสสนานุตตริยะ ส่วน เสียงที่ฟังแล้วทำความดีตามได้ทันที เป็นเสียงวิเศษเรียกสวนานุตตริยะ

โชคดีที่ทั้งครอบครัวได้มาเข้าวัดสร้างบุญกุศลต่อเนื่องตลอดมา ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๐ คนทำบุญอยู่เสมอๆ เวลามีเหตุการณ์คับขันหมดหนทางพึงอาศัยคนด้วยกัน มักจะมีสติเกิดขึ้นตักเตือนตนเองให้รีบนึกถึงบุญกุศล นึกถึงคุณของพระศรีรัตนตรัย อานุภาพอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย ที่เรานึกถึงยามมีภัยจึงปกปักรักษา ให้รอดพ้นจาก ภยันตรายอย่างอัศจรรย์

ส่วนอุบัติเหตุครั้งที่สอง เป็นทำนองเดียวกับเรื่องที่เคยเล่ากันมาหลายราย ที่ใดมีอุบัติเหตุกันบ่อยที่นั้นมักมีอมนุษย์ที่ตายลงเพราะยังไม่ถึงเวลาสิ้นอายุ สิ้นบุญ ก็มักเป็นอสุรกาย อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ สัตว์พวกนี้ชอบหาเพื่อนพ้องให้มาอยู่ด้วยกันมากๆ จึงมักใช้พลังจิตของตน สร้างอุบัติเหตุให้ผู้เดินทางผ่านอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้คนไม่ประมาทเมื่อเดินทางไกล มักทำกุศลด้วยการสวดมนต์ภาวนา จะออกเสียงหรือกระทำในใจก็ได้ บุญกุศลที่ทำอยู่ขณะนั้นจะเกิดขึ้นเป็นเหมือนแสงสว่างห่อหุ้มยานพาหนะ ทำให้เหล่าอมนุษย์มองไม่เห็น ไปไหนมาไหนจึงมักปลอดภัยเสมอ อีกประการหนึ่ง พวกอมนุษย์ก็มีนิสัยดี เลว เหมือนมนุษย์อย่างเราๆ ถ้าใครรู้จักอ่อนน้อม เช่นคนขับรถบางรายผ่านสถานที่ดังกล่าว ก็บีบแตร แสดง ความเคารพ พวกอมนุษย์ก็มักมีเมตตาให้ ส่วนพวกใดกินเหล้า ร้องเพลงเอะอะ พวกเขาก็หมั่นไส้แกล้งเอาได้เหมือนกัน


[สารบัญ] [๓๘๖] [๓๘๗] [๓๘๘] [๓๘๙] [๓๙๐] [๓๙๑] [๓๙๒]