Chapter II
เมื่อเดินพ้นสวนสาธารณะมาได้หน่อยก็จะผ่านถนนเส้นเล็กๆ
มาอีก 2 เส้น ย่านนี้ผู้คนดูไม่ค่อยพลุกพล่านนัก เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเช่าหรืออพาร์ตเม้นต์สำหรับคนทำงานกลางคืนทั้งนั้น
เวลาพลบค่ำเช่นนี้จึงไม่ค่อยได้เห็นเงาผู้คนตามบ้านเรือนเหมือนเช่นถนนเส้นอื่นๆ
ทั่วไป มันกลับดูเงียบเชียบคล้ายไม่มีคนพักอาศัย
..
อพาร์ตเม้นของริวอิจิเองก็ใช่ว่าจะหรูหรากว่าบ้านเรือนคนอื่นๆ
ทั่วไป เป็นเพียงห้องเช่าขนาดพอดีสำหรับคนๆ เดียวพัก มีห้องนั่งเล่นขนาดเล็กที่วางทั้งโต๊ะ
ตู้ ชั้นหนังสือและทีวี ในห้องเดียวกัน มีโต๊ะอุ่นขากลางบ้านที่ยามหนาวก็ซุกกายลงไปอยู่เล่นๆ
เพื่อคลายความหนาวให้กับร่างกายยามนอนดูทีวีในห้องนี้ ห้องนอนเล็กๆ
ที่ถูกแบ่งออกไปมีเพียงฟูกปูนอน โต๊ะเขียนหนังสือ และเครื่องเล่นซีดีไว้ฟังยามเหงา
มีกีต้าร์หลังเต่าตัวเก่าคร่ำคร่าที่วางตั้งไว้ใกล้ๆ กับเครื่องเล่นซีดี
และส่วนของห้องครัวที่ถูกเจาะทะลุออกไปอีกด้านหนึ่งเพียงเพื่อไว้สำหรับทำอาหารและเก็บถ้วยชามรามไหต่างๆ
เท่านั้น เนี่ยแหละห้องของหนุ่มโสดอย่างแท้จริง!
อื่ม
ห้องนายก็ใช้ได้นี่นะ ไม่น่าเชื่อว่าอยู่คนเดียวจะจัดของเรียบร้อยได้ขนาดนี้
เคตะออกเดินสำรวจบริเวณโดยรอบของห้องพร้อมยื่นหน้าออกไปมองตรงระเบียงที่อยู่ติดกับด้านหนึ่งของถนน
ทำไม?
ห้องชั้นเรียบร้อยดูดีนี่มันแปลกตรงไหน แปลกมากนักรึไง? เอ้า
นี่เสื้อ นี่ผ้าขนหนู ห้องน้ำอยู่นั่นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป
สภาพนายตอนนี้มัน
โสโครกเป็นบ้า เด็กหนุ่มเจ้าของห้องจัดแจงหยิบชุดผลัดเปลี่ยนพร้อมเครื่องเคราจำเป็นทั้งหลายส่งให้
ด้วยทนเห็นสภาพมอมแมมที่ผ่านการหนีมาอย่างโชกโชนและทุลักทุเลไม่ได้
เสื้อผ้านายเหรอ?
เออ สิ ถ้าไม่ใช่ของชั้นจะเป็นของใครกันล่ะ ถามแปลก!
ช่างเหอะ
ชั้นคงคิดมากไปเองน่ะแหละ หนุ่มน้อยกล่าวพลางยิ้มเจื่อนๆ รับเสื้อผ้าต่างๆ
ไว้พร้อมเดินหายเข้าห้องน้ำไป ตัวริวอิจิเองก็ไม่ได้สนใจ ลงนั่งประจำที่หน้าทีวีหลังจากเก็บข้าวของต่างๆ
ที่ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว
กาต้มน้ำถูกเสียบไว้เพื่อหุงต้มอาหารยอดฮิตมิ้หลักและรวดเร้วทันใจของหนุ่มโสดและผู้อาศัยอยู่เพียงลำพังเช่นนี้..
เพียงไม่นานเสียงหวีดแหลมจากกาต้มน้ำก็บ่งบอกให้ทราบว่ามื้อค่ำกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาไม่ช้านี้
เด็กหนุ่มแก้มกลมใสไม่รอช้ารีบรุดลุกจากที่นั่งตรงดิ่งไปยังส่วนของครัวในทันที
ชั้นได้ยินเสียงนายต้มน้ำ
จะทำอะไรเลี้ยงแขกงั้นเหรอ? น่าตื่นเต้นจัง เสียงเล็กเอ่ยตะโกนถามพร้อมเดินเช็ดผมเข้ามาในครัวเพื่อหาของรองท้องเช่นกัน
อ๊ะ! ริวอิจิที่กำลังจะหันไปตอบต้องชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ร่างเพรียวบางตรงหน้าที่เคยเห็นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาในสภาพขมุกขมอมเต็มทีกลับดูสะอาดใสผิดตาจากตอนก่อนขึ้นเป็นกอง
ผมสีน้ำตาลอ่อนบางที่มีหยดน้ำเกาะตามเรือนผมนุ่ม แม้ยุ่งเหยิงจากแรงที่ถูกผ้าขนหนูเช็ดไปมาแต่ก็ไม่ทำให้ขัดตาเลยแม้แต่น้อย
ดวงหน้าขาวใสเรียวได้รูปกับริมฝีปากสีแดงเรื่อที่เผยอพูดบ่นอะไรบางอย่าง
มันช่างเหมาะเจาะลงตัวเสียนี่กระไร แบบนี้จะไม่ให้แม่พวกนั้นวิ่งตามล่าได้ยังไงกัน!!
ขนาดเราเองที่เป็นผู้ชายมองอย่างนี้แล้วยังอดหวิวๆ ไม่ได้เลย
ริวอิจิ?
ริวอิจิจัง
เป็นไรน่ะ ถามก็ไม่ตอบ อัลไซเมอร์กินหรือไง? แต่แม้จะดูดีสวยสง่าเพียงใด
ความปากร้ายของเจ้าหมอนี่ก็ทำเอาหลุดจากภวังค์ได้โดยง่ายเช่นกัน!!!
จะบ้าเหรอใครกันเป็นอัลไซเมอร์ ขืนชั้นเป็นจริงๆ นายไม่ได้มาเดินอยู่บนห้องนี่หรอกเจ้าบ้า
แล้วเรื่องอะไรชั้นจะต้องมาหาอะไรให้นายด้วย?อยากกินก็โน่น.. ในตู้นั่นชั้นบนสุด
หยิบมาเลยถ้วยนึง น้ำต้มเรียบร้อยแล้วจัดการเอง
ริวอิจิตอบพร้อมฉีกซองเครื่องปรุงซองสุดท้ายออกเทลงถ้วยและปิดฝาไว้ดังเดิมเพื่อความร้อนจะได้ระอุได้ทั่วถึง
หารู้ไม่ว่ามีสายตาดวงน้อยมองยิ้มๆ อยู่ด้านข้างเหมือนรู้ความในของการเงียบอึ้งไปของตัวเค้านั้น
มาม่าเนี่ยนะ!
เวลาแบบนี้ให้ชั้นบริโภคของแบบนี้น่ะเหรอ..แล้วจะอิ่มมั้ยเนี่ย
หลังจากสอดส่องสายตาไปมาอยู่นาน สิ่งที่เห็นอยู่ลิบๆ บนตู้ชั้นบนสุดคือถ้วยมาม่าชนิดใหญ่พิเศษวางเรียงรายเป็นแถวๆ
ให้เลือกหลายรสหลายแบบ แม้ตัวตู้จะไม่ได้สูงมากมายนัก แต่ด้วยความสูงของตนที่ออกจะน้อยไปหน่อยจึงทำให้ไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบได้ในครั้งเดียว
ริวอิจิมองดูท่าทางกะเย้อกะแหย่งของอีกฝ่ายที่พยายามจะหยิบของกินลงมาจากตู้ให้ได้ก็อดที่จะนึกขำในความพยายามของอีกฝ่ายไม่ได้
ไม่นานถ้วยมาม่าก็ถูกคว้ามาไว้ในมือจนได้
เคตะมองดูถ้วยมาม่าด้วยคิ้วที่แทบจะชนติดกัน
จากนั้นจึงหันไปเทน้ำร้อนและฉีกซองเครื่องปรุงใส่ตามแบบที่เพื่อนคนใหม่ทำเมื่อครู่
นายกินของพวกนี้ทุกวันเลยเหรอ? เด็กหนุ่มถามพร้อมใช้มือข้างหนึ่งดึงกางเกงที่ตนสวมใส่อยู่ให้กระชับขึ้น
เปล่า เพียงแต่วันนี้ไม่อยากจะทำอะไรก็เท่านั้นเอง
?!? เป็นอะไรของนาย
ตั้งแต่เข้ามานี่ทำท่าพิกลๆ หลังจากตอบคำถามของเคตะจบเค้าก็กลับมาเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง
เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของอีกฝ่ายตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ ว่าจะถามนานแล้วแต่ก็มัวเพลินติดพันจนพึ่งจะมาถามเอาตอนนี้นี่เอง
ก็
นี่แหละที่ชั้นว่าจะบอกนายก่อนเข้าห้องน้ำ
ชั้นรู้สึกว่าเสื้อผ้า
โดยเฉพาะกางเกงของนายจะไม่ใช่ไซร์ที่ชั้นจะใส่ได้พอดีเลยน่ะนะ ถึงได้เป็นแบบนี้ยังไงล่ะ
เจ้าตัวน้อยตอบพร้อมดึงกางเกงขึ้นตัวอีกครั้ง
พอมาสังเกตุดูดีๆ แล้วก็จริงอย่างที่พูด
กางเกงตัวหลวมใหญ่โคร่งคร่างกับเสื้อยืดที่ปกติปลายแขนจะอยู่ตรงต้นแขนพอดิบพอดี
แต่ถึงตอนนี้มันกลับเลยข้อศอกมาด้วยซ้ำ อื่ม
. ท่าทางขนาดจะไม่พอดีกันจริงๆ
แฮะ แต่จะว่าไป
ถึงแม้จะดูตลกไปหน่อย แต่ถ้าเป็นหมอนี่ใส่มันก็ยังคงดูน่ารักอยุ่ดีนั่นแหละ
เอ๊ะ!
นี่ชั้นคิดอะไรอยู่กันเนี่ย
ฮะๆ
เอาเหอะใส่ๆ ไปก่อนแล้วกันกางเกงมันคงไม่ถึงขนาดหลุดลงมากองกับพื้นหรอกมั้ง
ชั้นว่า
แค่คืนเดียวเองใส่ไปเหอะ พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนี่ ร่างท้วมหัวเราะเบาๆ
ใครบอก? ชั้นยังไม่ไปไหนหรอกนะ คงอยู่ที่นี่สักพักนั่นแหละ ดีใจใช่มั้ยล่ะ
ที่จะมีชั้นอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย คิกๆ เจ้าหนุ่มหน้าหวานหัวเราะคิกคักพร้อมหันมายิ้มกว้างให้
อ้อ
งั้นหรอกเหรอ
หือ? อะไรนะ! นี่ยังจะอยู่อีกเหรอ? ก็ไหนบอกจะอยู่แค่วันเดียวไง
เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านถลึงตามองอย่างไม่เชื่อหู ใครบอกนายกัน
ชั้นยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะอยู่แค่วันเดียว นายพูดเองเออเองทั้งนั้น
อีกอย่างชั้นว่ามีชั้นอยู่นายจะได้ไม่เหงานะ อยู่คนเดียวเซ็งตายชัก
ว่าแล้วเจ้าหนุ่มก็คว้าถ้วยมาม่าคัพออกมาวางที่โต๊ะพร้อมนั่งโจ้เหมือนเป็นบ้านของตัวเอง
ให้ตายสิ
ไม่น่าเล้ย ไม่น่าเลย เอ๊ะ..แล้วนั่นมันกินได้แล้วเหรอ เส้นมันยังไม่สุกเลยนะ..
หลังจากยืนอึ้งในความสับเพร่าของตนเองอยุ่เป็นนานริวอิจิจึงเดินตามออกมานั่งข้างๆ
พร้อมด้วยมาม่าของตนที่บัดนี้สุกได้ที่หอมกรุ่นน่ากินผิดกับของอีผฝ่ายที่ดูมาม่าจะยังคงแข็งไม่ต่างอะไรมากนักกับตอนยังไม่โดนน้ำร้อนลวก
อะไร
ปกติชั้นก็กินของชั้นแบบนี้แหละ อย่ายุ่งเลยน่า.. ร่างบางหันมาตอบพร้อมซัดมาม่าคำต่อไปเข้าปาก
อ้าวเหรอ
เออ กินแปลกดี แล้วนายอยู่บ้านตัวเองหรือว่าอยู่กับบริษัทล่ะเนี่ย
จากที่เบื่อหน่ายในความสับเพร่าของตนจนได้ที่ก็เริ่มปลงชีวิตที่จะต้องอยุ่และกินโดยเจอหน้าหมอนี่ไปอีกระยะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วคุยไปกับมันเลยก็แล้วกัน ดีกว่านั่งเงียบไม่พูดไม่จา
ปล่อยให้เกิดบรรยากาศมาคุขึ้นแบบนั้นคงอึดอัดกันจนตายไปข้างนึงแน่ๆ
บ้านของบริษัท
คนเดียว เช้าๆ ก็มีคนคอยจัดข้าวของ หาข้าวให้กิน เตือนเวลางาน พอตกเย็นก็มาอีกรอบวนเวียนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ
นี่ นายอยู่คนเดียวมานานหรือยังน่ะ
แล้วพ่อแม่นายล่ะไปไหน ไม่ว่าเหรอ?
เด็กหนุ่มกล่าวต่อไปเรื่อยด้วยดวงตาเหม่อลอย แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับเปลี่ยนเรื่องหันมาถามทางด้านริวอิจิบ้างอย่างกระทันหัน
คล้ายกับไม่อยากพูดถึงเรื่องของตัวเองในเวลานี้
ชั้นอยู่แบบนี้มาได้สักพักแล้ว
พ่อกับแม่ก็อยู่โตเกียวเนี่ยแหละ เพียงแต่ว่า
ชั้นเองก็อยากที่จะลองใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยอยู่อย่างลำพังแบบนี้
ก็เลยขอพ่อแม่มาอยู่คนเดียวดูน่ะ
อิสระเหรอ..
การอยู่อย่างโดดเดี่ยวน่ะ.. มันเหงานะ หือ? เปล่าๆ
ไม่มีอะไรน่ะ
ดีจังเลยนะนายน่ะ
น่าอิจฉาจัง.. พูดจบเค้ายิ้มให้จางๆ รอยยิ้มที่ดูสวยงามไร้สิ่งแต่งแต้ม
แต่ยิ่งดูก็รู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความเวิ้งว้าง แลไปไม่เห็นอะไรให้ไขว่คว้า
ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
รอยยิ้มที่เบาบางเจือจางไร้สิ่งสวยงามอย่างที่ฉาบไว้ให้ได้เห็น
มันดูเหงา เหม่อลอยจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆ ยามเห็นรอยยิ้มเช่นนี้
มันมีอะไรอย่างนั้นเหรอ? มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้อย่างนั้นเหรอ?
รู้จักคนมาก็มากบอกได้เลยว่าหมอนี่ยิ้มสวยที่สุดเท่าทีเคยได้เห็นมา
แต่ก็เป็นยิ้มที่ทำให้รู้สึกห่วงและกังวลได้ในเวลาเดียวกัน มันหมายความว่าไงนะ
!?! นี่ชั้นควรที่จะถามดีหรือเปล่า? หรือจะปล่อยให้มันผ่านเลยไป เจ้าตัวจะรู้หรือเปล่านะว่า
แม้จะยิ้มออกมาได้น่ารักเพียงไหน แต่ก็ไม่สามารถปกปิดเรื่องบางอย่างได้
ปกติกลางคืนแบบนี้
นายดูทีวีช่องไหนล่ะ
ถ้านายไม่ดูชั้นขอดูบาสนะ จู่ๆ เคตะก็พูดขึ้นพร้อมคว้ารีโมททีวีมากดเปิดและมุดลงไปใต้โต๊ะอุ่นขาแทรกเข้าไปนอนเล่นเปิดรายการทีวีที่ตนดูประจำทุกๆ
ค่ำคืนในทันทีไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตเลยสักนิด เออ
เอ้า
จะทำอะไรก็ทำเล้ย
อยากดูอะไรก็ดูไปนะครับ บ้านนายนี่
เอาเล้ย
ดู
ถ้วยก็ไม่เก็บ
. นี่เดี๋ยวชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวเป็นบ้า จะทำอะไรก็ทำแล้วกันคิดซะว่าเป็น
บ้านนายก็แล้วกันนะ
เจ้าหนุ่มแก้มกลมผู้เป็นเจ้าของบ้านถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะหยิบถ้วยมาม่าทั้งของตนและของเพื่อนใหม่ออกไปทิ้งที่ถังขยะ
แล้วเดินหลีกปลีกตัวเข้าห้องอาบน้ำไปทั้งที่ยังคงบ่นอุบอิบอยู่แบบนั้น
นี่ถือว่าวันเดียวนะวันเดียว ถ้าหากพรุ่งนี้มีแบบนี้อีกหละก็
ฮึ่ม!
จะเตะนักร้องชื่อดังให้ลั่นบ้านเลยคอยดูสิ
เพียงเวลาไม่นานที่หายเข้าไปอาบน้ำ
เด็กหนุ่มตัวอ้วนกลมก็กลับหอมฟุ้งเดินออกมาข้างนอกด้วยสีหน้าสดชื่นสุดๆ
เวลาที่ทีความสุขที่สุดในชีวิตก็คงมีอยู่ 3 อย่างนี่แหละ กิน อาบน้ำ
นอน ช่างเป็นเวลาที่ผ่อนคลายตัวเองได้สุดๆ จริงๆ ทั้งชีวิตก็คงมีอยึ่
3 อย่างนี่แหละ กิน อาบน้ำ นอน ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายตัวเองได้สุดๆ
จริงๆ ทั้งชีวิตใครจะว่าทำอย่างอื่นสุขกว่า แต่สำหรับผมแล้ว 3 อย่างนี้แหละ
สุขที่สุด
นี่
เดี๋ยวนายไปนอนตรง
อื๋อ? อ้าวเฮ้ย แม้ช่วงเวลาที่ใช้ไปในการอาบน้ำจะไม่ใช่เวลาที่ยาวนานนัก
แต่สิ่งที่ได้พบเห็นอยู่ในขณะนี้กลับทำให้รู้สึกว่าใช้เวลาไปมากเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันกับเค้านอนหลับคุดคู้กายอยู่ใต้โต๊ะหน้าทีวี
ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนบางไล้เคลียร์แก้มใสและตกลู่ลงมาเหมือนเส้นไหมเส้นน้อยๆ
นับร้อยที่ถักทออยู่บนผืนผ้าชั้นดี ดวงหน้าเรียวมนสวยได้รูปมีเลือดฝาดไหลเวียนทั่ว
ก่อให้เกิดเป็นสีชมพูจางๆ ตามปรางแก้มเหมือนเด็กสาวแรกรุ่น แพขนตาที่เรียงรายงอนยาวรับกับเรียวคิ้วเข้มคมขำกับริมฝีปากอิ่มสวยที่เผยอน้อยๆ
สีแดงเรื่อ
ยามนี้มันทำเอาหัวใจที่เคยเต้นอย่างปกติกลับถี่รัวขึ้นราวกับจะออกมาข้างนอกให้ได้
เสียงทีวียังคงขับกล่อมให้เด็กน้อยตรงหน้าหลับตาคุดคู้ไม่รุ้ไม่เห็นสิ่งใดๆ
รอบข้าง ไม่รู้แม้กระทั่งสายตาที่จ้องมองดูเค้า ด้วยอารมณ์หลายๆ อย่างที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งตัว!!
เคตะ
เคตะ ริวอิจิเขย่าไหล่บางๆ ของร่างเล็กตรงหน้า แต่ก็กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ตอบกลับมา คงเหนื่อยมากสินะดูเหมือนเมื่อเย็นคงไม่ได้เพิ่งจะมาวิ่งหนีขบวนแฟนๆ
แน่ คงหนีมาตั้งแต่ที่อื่น ดีไม่ดี อาจจะเป็นแบบนี้มาตลอดทั้งวันแล้วก็เป็นได้
นอนตรงนี้คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ยังไงก็โต๊ะอุ่นขาอยู่นี่นา เค้าบ่นกับตัวเองเบาๆ
พร้อมใช้มือหนานุ่มของตนปัดผมที่บังหน้าเคตะออก
เจ้าป่วนนี่ดูกี่ทีก็สบายตาแฮะ
ยิ่งเงียบๆ ไม่พูดแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งดูดีใหญ่
น่ารักจริงๆ นั่นแหละ
เอ๊ะ! แล้วนี่ชั้นคิดอะไรอีกแล้วเนี่ย เฮ่อ
. หลังจากคิดอะไรเพลินๆ
อยู่เป็นนานริวอิจิก็หยิบรีโมทมาปิดทีวีแล้วลุกเดินเข้าห้องตัวเองไป
ปล่อยให้แขกตัวป่วนนอนหลับซุกกายอยู่ตรงโต๊ะนั่นเพียงลำพัง
.
Blow
to be continue...

Close
to you 1 / 2 / 3
/ 4 / 5 / 6
/ 7
©2002 by Feel
To w-inds.All right reseved.
|