Chapter III
รุ่งขึ้นของอีกวัน
เรียกว่าเป็นยามเช้าที่ยุ่งเหยิงก็อาจได้ เพราะดูเหมือนจากที่ต้องออกแรงวิ่งพาพ่อนักร้องดังลัดเลาะดั้นด้นหนีบรรดาแฟนสาวส่งผลให้ตัวริวอิจิเองอ่อนเพลียไปด้วยเช่นกัน
จึงทำให้อาจเป็นวันสายวันแรกในการไปเรียนเลยก็ว่าได้
เฮ้ย! ตื่นได้แล้วตื่น
ริวอิจิใช้เท้าสะกิดคนที่นอนหลับอยู่บนพื้นบ้านของตนพลางผูกเนคไทไปด้วยพร้อมๆ
กัน อื้อ
ไม่เอาไม่ไปไหนทั้งนั้นอ่ะ อย่างมายุ่งนะ! เสียงโวยวายงัวเงียของอีกฝ่ายพร้อมสีหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ทำเอาคนปลุกชะงักเท้าก้มลงมองอย่าแปลกใจ
อะไรของนายวะ เฮ้ย เคตะลุกๆๆ ชั้นจะไปเรียนแล้วนะ ถ้านายจะอยู่ก็เฝ้าบ้านให้ด้วยแล้วกัน
อย่าออกไปไหนเพ่นพ่านนะ เดี๋ยวเย็นๆ จะกลับมา เข้าใจนะ เข้าใจรึเปล่าก็ไม่รู้แต่ขอให้ได้พูดให้มันผ่านหูไปบ้างก็ยังดี
ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปปล่อยให้เพื่อนนักร้องยังคงนอนงัวเงียอยู่อย่างนั้นเอง
นี่
ตะกี้ได้ยินแม่พวกห้อง B บอกว่าเมื่อวานไปวิ่งไล่ เคจังมาหละ บอกว่ามาเดินเล่นแถวๆ
สวนนี่เอง จริงอ่ะ
ใช่เคจังแน่เหรอยะ ดังออกขนาดนี้ใครจะบ้ามาเดินกลางวันแสกๆ
จริงๆ
นะ มากับแฟนด้วย เห็นบอกว่าเดินเหี่ยวก้อยกันมาเลยหละ พอเห็นพวกนั้นปุ๊บก็พากันวิ่งหนีใหญ่เลย
ต๊าย!
จริงเหรอเนี่ย !!! เคตะมีแฟนแล้วเหรอ? ฮือๆ ใครวะ อยากเห็นหน้าชมัด!
ใช่คนที่เป็นข่าวกันอยู่รึเปล่าที่บอกว่าเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ น่ะ
ไม่รู้สิ ที่เป็นข่าวไม่ใช่กับยัย XXX นั่นเหรอ ที่ว่าเป็นรักข้ามค่ายน่ะ
แต่แหม มาเดิมกันแบบนี้ไม่เกรงใจแฟนเพลงเลยนะว่ามั้ย!?
เหล่าเด็กผู้หญิงต่างพากันจับกลุ่มล้อมวงเล่าเรื่องราวของหนุ่มนักร้องที่มาปรากฏตัวกระทันหันย่านใกล้โรงเรียน
แถมยังมีคนเห็นว่าไปกับแฟนสาวอีกต่างหาก นี่เรียกได้ว่าเป็นข่าวฮิตล่าสุดประจำวันนี้เลยก็ว่าได้
เดินไปทางไหนก็มีแต่คุยกันเรื่องดาราพลัดถิ่น แต่นั่นก็เป็นข่าวที่ทำให้เจ้าหนุ่มริวอิจิต้องเหลียวกลับมาฟังเป็นครั้งแรกก็ว่าได้เช่นกัน
เนี่ยนะข่าว
โห เข้าใจแล้วจริงๆ ว่า กุข่าวสร้างข่าวปั้นเรื่องเนี่ยเป็นยังไง
เด็กหนุ่มยืนเป้ปากบ่นอุบอิบคนเดียวหลังจากที่ได้ยินข่าวต่างๆ นานาของคนที่เค้าเพิ่งจะพาหนีจากเงื้อมือ
มาร ทั้งหลายให้รอดพ้นไปได้ ตรงไหนวะที่บอกว่าไปกับแฟน เห็นมันเอาแต่หนีหัวซุกหัวซุนอยู่คนเดียว
ยังไม่เห็นผู้หญิงสักคน เนี่ยแหละนะ ชั้นถึงเกลียดนักไงกับพวกผู้หญิงพวกนี้น่ะ
วันๆ ไม่มีอะไรจะทำเห็นข่าวไม่เร้าใจ กลัวคนอื่นไม่สนใจที่ตัวเองพูด
เลยต้องขอแหนบอะไรเกินจริงเข้าไปอีกนิดเพื่อให้คนได้กรี๊ดกัน เรื่องจริงมี
1 กุเกินขึ้นเป็น 5 กลัวว่าจะดังไม่พอรึไงก็ไม่รู้! เอ..หรือว่ามันจะคนละคนกันวะ??
นี่
ถามหน่อย เค อะไรที่เธอพูดถึงเนี่ยมันใครเหรอ? กังมากนักรึไง ตังแต่เช้ามาเนี่ยชั้นยังไม่เห็นพวกเธอหยุดปากกันเลย
เด็กหนุ่มหันไปถามด้วยความข้องใจเต็มที่ เอ
หรือว่ามันจะไม่ใช่ไอ้เคที่นอนแอ้งแม้งอยู่บ้านเรากันหวา
ก็ ทาจิบานะ เคตะ นักร้องที่กำลังมาแรงแซงโค้งอยุ่ไง เมื่อเช้าไม่ได้ฟังเหรอเสียงตามสายก็เปิด
close to you อยู่ ไม่ได้ฟังหรือไง หึ
เมื่อเช้ามาสาย ไม่ทันได้ฟังอะไรเลยว่ะ
ริวอิจิหัวเราะลงคอเบาๆ
ใช่
ดังมากเลยนะ
นายไปอยู่ไหนมาเนี่ย เคจังน่ะออกเพลงมาแค่ซิงเกิ้ลเดียวก็ทำเอาดังแซงหน้ารุ่นพี่ไปหลายคนเลยเชียวหละ
มิวสิคก็ซ้วยสวย เพลงก็เพร๊าะ เพราะ ความหมายก็ดี๊ดี ดีสุดๆ Close
to you น่ะ ไม่เคยฟังรึไงยะ ไอ้เปี๊ยกนั่นน่ะนะเสียงดี! จู่ๆ ร้างท้วมก็แหวขึ้นมาทำเอากลุ่มเพื่อนสาวสะดุ้งกันเป็นแถว
"อีตาบ้า ตะโกนขึ้นมาทำไมเล่า ตกใจหมด เอ๊ะ! นายพูดยังกับว่า
รู้จักอย่างงั้นแหละ ริวอิจิคุง
อ๊ะ!
ก็
ก็
เห? เหมือนชั้นรู้จักเหรอ? เหมือนตรงไหนกัน แล้วไงล่ะ เล่าต่อสิ
ก็ไม่มีอะไรนี่
แล้วนายอยากจะรู้อะไรล่ะ เคจังน่ะนะ ทั้งสุภาพเรียบร้อย
น่ารัก เรียนก็เก่ง
เสียงก็เพราะ ใครเห็นใครก็หลงรักทั้งนั้น แหวะ
ไอ้หมอนี่เนี่ยนะ
สุภาพเรียบร้อย หึย
คลื่นไส้ชมัด ปากก็ปานนั้น เถียงก็เป็นที่หนึ่ง
กวนโมโหก็สุดๆ ดื้อด้านอีกต่างหาก เนี่ยนะสุภาพน่ารัก โกหกทั้งเพ!
อืม
แต่เค้าก็น่าสงสารนะ อายุเท่าๆ กับเราแต่ต้องแยกกับครอบครัวไปอยู่ที่บ้านของบริษัทที่เค้าจัดไว้ให้
ต้องอยู่ตัวคนเดียว ทำอะไรทุกอย่างตามที่บริษัทวางไว้ ไปไหนก็ไม่ได้
เห็นว่า
ทำอะไรเองก็ไม่เป็น กับข้าวหรืออะไรก็ไม่เคยทำเองเลย วันไหนสตาร์ฟลืมก็อดกินกันพอดี
พอพูดมาถึงตรงนี้ก็ทำเอาเจ้าหนุ่มที่นั่งฟังอยู่จวรเจียนจะอาเจียรเต็มทนต้องหันกลับมาสนใจฟังอีกครั้ง
ว่าไงนะ!
ทำอะไรเองไม่เป็นเลยเหรอ? อืม ใช่
เห็นว่าแม้แต่มาม่ายังไม่เคยลองทำเองเลยนะ
ชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าจริงไม่จริง เพราะแค่มาม่าเนี่ย มันง่ายสุดๆ แล้วจริงๆ
นะ สาวเจ้ากล่าวพร้อมหันไปขอความเห็นเพื่อนๆ อืม
แต่เค้าก็บอกกันนะว่าสตาร์ฟทำให้ทั้งนั้น
พวกนักข่าวยังแซวเลยว่าเกิดวันไหนสตาร์ฟลืมเคจังเข้าหละก็ วันนั้นคงอดตายแน่ๆ
ฮะๆ กลุ่มเด็กสาวพากันหัวเราะร่วนลงคอผิดกับริวอิจิที่นั่งทำหน้าปั้นยากอยู่ในขณะนี้
นึกถึงสภาพเมื่อคืน มาม่าในถ้วยที่เคตะบอกว่ากินแบบนั้นอยู่บ่อยๆ ทั้งๆ
ที่ดูยังไงๆ มันก็ไม่สุกชัดๆ แต่เจ้านั่นกลับกินเข้าไปได้หน้าตาเฉย
ตายหละวา
10 โมงกว่าแล้วด้วยสิ นี่มันอยู่ในบ้านจะคว้ามาม่าออกมาต้มกินได้มั้ยเนี่ย
เมื่อคืนคนต้มน้ำก็เราเองซะด้วย แล้วเกิดปวดท้องขึ้นมาจะทำยังไงวะเนี่ย
แต่โตๆ กันแล้วคงไม่เลวร้ายแบบที่คิดหรอกมั้ง?
แล้วถ้าเกิดมันแย่กว่าที่คิดไว้ล่ะ
โอยไม่ไหวแล้ว
นี่
คาบบ่ายชั้นไม่อยู่นะ มีธุระ ถ้า จารย์ถามบอกไปว่าชั้นลาป่วยแล้วกัน
ไปนะ ฝากด้วยล่ะ หลังจากคิดทบทวนซาราตะต่างๆ อยู่นาน ริวอิจิก็พลันคว้ากระเป๋าเป้คู่ใจขึ้นหลังเดินลิ่วออกจากห้องไป
ทิ้งให้เพื่อนสาวมองหน้ากันงงๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่าการจับกลุ่มนินทาดาราและดาวเด่นในโรงเรียนต่อ
ไม่รู้ตอนนี้ความรู้สึกที่มีมันประเดประดังเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร
รู้สึกว่ามันสุมเข้ามาจนไม่สามารถทนอยู่ในโรงเรียนต่อไปได้ เมื่อเช้าก่อนจะออกมาก็เป็นห่วงอยู่แล้วว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า
แต่มาตอนนี้ยิ่งได้ยินเรื่องราวต่างๆ มากมายจากบรรดากลุ่มเพื่อนสาวนักนินทาดาราตัวฉกาจพูดให้ฟัง
มันก็เหมือนเป็นเชื้อไฟที่ใส่สุมลงไปบนกองไฟที่ใกล้จะมอดให้กลับคุขึ้นมาอีกครั้ง
ความห่วงกังวลในใจที่มีอยู่แล้วยิ่งกลับเพิ่มพูนให้มากขึ้นจนอยู่กับที่ไม่ได้
จะเป็นยังไงถ้าตื่นมาเจอตัวเองอยู่คนเดียว ทำอะไรเองก็ไม่เป็น ออกไปไหนก็ไม่ได้
ไปทางไหนก็ไม่ถูก ไม่รู้จักใครสักคน นี่ชั้นคิดผิดจริงๆ สินะที่ปล่อยให้คนแบบนั้นอยู่ตัวคนเดียว
ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าเลย
. แล้วทำไมถึงได้เป็นห่วงเจ้าหมอนั่นขึ้นมาจับจิตแบบนี้ก็ไม่รู้
ทั้งๆ ที่นิสัยกับปากนั่นก็ไม่ได้ทำให้น่าเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย เฮ่อ
นี่ก็ใกล้จะ 11 โมงแล้วด้วย หวังว่าคงไม่ได้หนีหายไปที่ไหนซะก่อนนะ
ปั่ง
ริวอิจิไขกุญแจบ้านอย่างร้อนรน แต่เมื่อไขได้ก็รีบผลักบานประตูเข้าไปพลางสาวเท้าก้าวเข้าบ้านอย่างเร่งรีบ
เค
อะไรกันวะเนี่ย! ความห่วงใยที่มีมันอัดอกจนจุกแน่นทำให้เผลอร้องตะโกนชื่อคนที่ตนแสนห่วงใยในเวลานี้ออกไป
แต่ยังไม่ทันได้กล่าวจบสายตาก็เหลือบไปเห็นสภาพห้องที่ทำเอาแทบล้มทั้งยืน
แผ่น disc cd วางระเกะระกะ ถุงขนมที่ซื้อจากซุปเปอร์เมื่อวานวางเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
หนังสือการ์ตูนบนชั้นถูกรื้อหล่นลงมากองหน้าตู้ หมอนผ้าห่มที่เคยอยู่บนฟูกนอนในห้องถูกลากยกออกมาวางนอนในหั้องนั่งเล่นแทน
และ
ไอ้ตัวแสบที่นั่งเล่นเกมส์ไปกินขนมไปอยู่หน้าทีวีอย่างสนุกสนาน
ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่ามีใครอีกคนก้าวเข้ามาในห้องและด้วยอารมณ์เช่นไร
โว้ย
นี่มันอะไรกันเล่าเนี่ย! ขโมยขึ้นบ้านชั้นรึไง๊~ จากความกังวล ความห่วงใยที่เคยมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น
บัดนี้มันทำเอาใบหน้ากลมๆ หงิกลงได้ทันตาเห็น คิดผิดถนัดที่ห่วงคนแบบนี้จริงๆ
แล้วชั้นควรจะห่วงสวัสดิภาพของบ้านชั้นเองมากกว่า!!! เนี่ยเหรอคนที่ทำอะไรเองไม่เป็น
เนี่ยเหรอ? ไอ้คนน่าสงสารที่ถ้าถูกลืมแล้วจะอดตาย ปีศาจ
ปีศาจชัดๆ
นรกส่งมันมาเกิดแท้ๆ บ้านช้านน~~
อ้าว
กลับมาแล้วเหรอ? ไม่ยักรู้ตัวเลยแฮะ นี่
โรงเรียนนายเลิกไวดีเนอะ ถ้าไอ้ที่ชั้นเรียนอยู่เป็นงี้มั่งก็ดีดิ่
นายมาก็ดีแล้วกำลังเบื่อเลย คอมมันตายง่ายเป็นบ้า น็อคแล้วน็อคอีก
เบื่ออ่ะ มาเล่นกันมานะ หลังจากที่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้วเจ้าตัวแสบก็หันมาส่งยิ้มกว้างเชื้อเชิญให้มานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันแล้วก็หันกลับไปที่หน้าจอทีวีเหมือนเดิม
เล่นอะไรเล่า
ไม่เล่นทั้งนั้นแหละ นี่ใครเค้าสั่งเค้าสอนให้มาบ้านคนอื่นแล้วรื้อข้าวของกระจัดกระจายเลอะเทอะแบบนี้กันวะเนี่ย!
รู้บ้างมั้ยว่าเก็บของน่ะเหนื่อยแค่ไหน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะเก็บให้หมด
เอา cd เข้าที่ให้หมด การ์ตูนด้วย ขนมนี่อีก หมดแล้วก็เอาไปทิ้งในถังสิ
จะเอามาวางล่อมดไว้ทำไม? แล้วไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นในครัวมาเลยนะ ดูดเศษขนมที่นายทำเกลื่อนทิ้งไว้ให้หมดด้วย
เร็ว! หลังจากยืนเท้าเอวชี้รอบบ้านที่เหลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของมากมายบนพื้น
เจ้าหนุ่มก็ต้องหยุดหอบหายใจเป็นพักๆ โมโหเคตะก็โมโหที่รื้อบ้านได้อย่างน่าประทับใจมาก
โมโหตัวเองก็โมโห เจ็บใจที่ไม่น่าคิดเป็นห่วงเป็นใยมันเลย กรรมเวรอะไรของชั้นกันที่จะต้องมาเจอตัวป่วนระดับประเทศแบบนี้ด้วยน๊า!?!
ไม่นานเสียงหัวเราะคิกคักกังวาลใสก็ดังขึ้นพอหันไปมองก็กลับเห็นเคตะปล่อยมือจากจอยเกมส์หันมาสนใจตนอย่างใจจดใจจ่อ
คิกๆ เมื่อกี้นายว่าชั้นจริงๆ เหรอ?
เออ
สิไม่ว่านายแล้วจะให้ชั้นว่าใครกันเล่า ทำบ้านชั้นซะพินาจได้ขนาดนี้
จะหาที่ยืนยังไม่ได้เลย เจ้าบ้าเอ้ย ยังจะมานั่งยิ้มอีก ลุกสิไป เร็ว!
สิ้นคำร่างบางก็หัวเราะลั่นแล้วรีบลุกขึ้นไปหยิบเครื่องดูดฝุ่นในครัวทันทีตามที่เจ้าของบ้านสั่ง
ริวอิจิเองก็ใช่ว่าจะยืนสั่งเฉยๆ เค้ารีบเดินไปเก็บหนังสือการ์ตูนเข้าชั้นพร้อมตรวจสภาพ
cd แสนรักแสนหวงของตนอย่างระมัดระวัง กว่าจะช่วยกันเก็บหมดทุกอย่างได้ก็ทำเอาเสียเวลาไปมากทีเดียว
ร่างท้วมล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน
แต่แล้วจู่ๆ ก็เริ่มรู้สึกหนักอึ้งตรงบริเวณท้องของตนเอง
เจ้าเพื่อนหน้าสวยใช้ท้องกว้างขวางของเค้าต่างหมอนนอนหนุนอย่างสบายใจ
ขยับหนีก็ยังขยับตามมาหนุนอีก จนต้องปล่อย ยอมให้หนุนตามสบายไป
เหนื่อยจัง
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางใช้หลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน ใช่เหนื่อย
นายรู้มั้ยว่านายสามารถรื้อของของชั้นด้วยตัวคนเดียว แต่กับเหมือนมันถูกรื้อจากเพื่อนๆ
ชั้นถึง 3 คนน่ะ ริวอิจิกล่าวพร้อมโบกมือไปมา โอ้ ขอบคุณที่ชม
นี่ชั้นเก่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
คิกๆ ได้ข่าวว่าด่า
ไม่ใช่ชม
ลุกออกไปสักที อึกอัด ร้อนด้วย
ดันหัวเคตะเบาๆ
ขอนอนสักเดี๋ยวนะ
นิ่มดีอ่ะ อีกอย่าง
ชั้นชอบนายจัง อยู่แบบนี้แล้วรู้สึกสบายไงไม่รู้
พูดจบก็หันหน้าไปหาส่งยิ้มหวานๆ ให้ เล่นเอาคนฟังนอนแน่นิ่งไปพักนึงเชียวหละ
นี่ชั้นจะคิดไปในทางไหนดีล่ะเนี่ย
รอยยิ้มที่ส่งให้เมื่อครู่หมายความว่าไงกัน
ล้อกันเล่นหรือว่าส่งให้ไปแบบนั้นเองด้วยความเคยชินกันล่ะ ขอทีเถอะ
อย่าทำให้ตัวชั้นรู้สึกสับสนอะไรไปมากกว่านี้เลยได้มั้ยเคตะ
หิวจัง
จะเที่ยงแล้วนะริวจัง
. ไปหาอะไรกินกันเถอะ จู่ๆ ร่างบางสวยก็พูดโพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบสงบของบรรยากาศภายในบ้าน
ฉุดริวอจิขึ้นจากภวังค์ทั้งหลายที่กำลังอลหม่านอยู่ในหัวสมองขณะนี้
เค้าลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมก้มหน้าลงไปมองริวอิจิด้วยรอยยิ้มประจบประแจงตามประสา
แต่มันสำคัญตรงที่ว่าใบหน้าเรียวสวยนี้มันห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น
ดวงตากลมใสทอประกายจับจ้องมาที่เค้าจนฉายภาพของใบหน้าเค้าออกมาได้เด่นชัด
แปะ ริวอิจิยกมือทั้ง
2 ข้างออกมานาบแก้มใสทั้ง 2 ของเคตะพร้อมกดลงไปจนหน้ายู่ เรียวปากห่อตัวเข้าหากันจนปากจู๋
เออ
รู้แล้ว เดี๋ยวออกไปกินอะไรข้างนอกแล้วกัน โรงเรียนยังไม่เลิก
คงไม่มีใครออกมาเจอนายหรอก ฮะๆๆ หน้านายตลกดีว่ะ เมื่อเริ่มรู้สึกไม่ดี
ก่อนที่ใจจะเตลิดไปมากกว่านี้ก็หาอะไรทำให้มันตลกๆ กลบเกลื่อนไปซะเลยจะดีกว่า
ดีกว่าปล่อยให้มันงอกเงยไปมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
เย่
เดี๋ยวชั้นเลี้ยงเองก็ได้
ถือว่าใช้ค่าขนมนายก็แล้วกัน เคตะคว้ามือริวอิจิออกก่อนจะพูด เดี๋ยวชั้นหาเสื้อผ้าให้ก็แล้วกัน
รู้สึกเมื่อคืนชั้นจะลืมไปว่าเพื่อนชั้นมันเคยทิ้งเสื้อผ้าเอาไว้เหมือนกันนะ
นายน่าจะใส่ได้พอดีตัว
ร่างท้วมลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าพลางค้นหาชุดของเพื่อนที่เคยมาลืมทิ้งไว้ยามจัดปาร์ตี้กินเลี้ยงกันในบ้าน
ไม่หละ
ชั้นเอาชุดของนายดีกว่าริวจิจัง
เอาชุดนายมาให้ชั้นใส่ดีกว่า ชั้นชอบใส่ของนายมากกว่านะ
เสียงพูดเบาๆ ใกล้หูทำให้ชะงักหันกลับไปมอง
ร่างบางสวยเดินเข้ามาค้นหาชุดเองเสร็จสรรพพร้อมพร่ำบ่นอะไรต่างๆ
นานไปเรื่อย แต่นั่นมันไม่ได้เข้าหูริวอิจิเลยแม้แต่น้อย ในหัวเค้ามีแต่คำว่า
ผู้ขาย
หมอนี่เป็นผู้ชาย.. อย่าเข้าใจอะไรผิดไปนะ เจ้านี่คือผู้ชาย
ท่องไว้ๆ คำต่างๆ เหล่านี้ลอยวนเวียนอยู่ในสมองไม่มีขาด แต่การกระทำที่อีกฝ่ายแสดงออกมาให้เห็น
มันมิได้ทำให้คำว่า ผู้ชาย ในหัวของริวนั้นงอกเงยขึ้นมาได้เลยสักนิด
แบบนี้ชั้นควรจะทำยังไงกันดีล่ะ ทำไงดี???
Blow
to be continue...

Close
to you 1 / 2 /
3 / 4 / 5 / 6
/ 7
©2002 by Feel
To w-inds.All right reseved.
|