แกะรอยฝันญาปู่ครู...(เดือนม.ค.-ก.พ)

                 .. ความฝัน บางครั้งมันก็มีนัยสำคัญ มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริงๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ยิ่งความฝัน 
ของผู้ทรงศีล   ที่นานๆจะเกิดขึ้นสักครั้ง      ยิ่งมีความอัศจรรย์น่าสนใจศึกษา      แม้ท่านญาปู่จะพูดอยู่เสมอว่า
ชีวิตประจำวันของชาวโลก มันก็มีเรื่องปวดหัวมากพออยู่ แล้ว อย่าได้เที่ยวไปเอาความฝัน มาเพิ่มโรคประสาท
ให้กับตัวเองอีก  จะยังไงก็ตามทีทุกครั้งที่ท่านเล่าความฝันให้ฟัง ก็มีเรื่องสำคัญ ให้ต้องตามไปดูทุกที..
                   ในคัมภีร์สารัตถะสังคหะ ท่านอธิบายถึงเหตุที่ทำให้เกิดความฝัน ๔ ประการคือ...
            ๑/   บุรพนิมิต เกิดจากความทรงจำในอดีต มาปรากฏเป็นความฝัน ที่มักจะเป็นจริง
                     ๒/   จิตนิวรณ์ เกิดจากความคิดคำนึงของตัวเอง นำมาฝันเป็นจริงเป็นจัง แต่ไม่จริง
                     ๓/   เทพสังหรณ์ เกิดจากบรรพบุรุษ,เทวดา  มาบอกกล่าวในฝัน  เป็นจริงแม่นยำ
                     ๔/   ธาตุโขภะ กินมากนอนมาก ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย เกิดเป็นฝันเรื่องไร้สาระ
                 และถ้าจะถือตามหลักโหราศาสตร์ วันแต่ละวัน ก็มีนัยความสัมพันธ์ดังนี้..
             ฝันวันอาทิตย์      ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ    ผู้คนทั่วๆไป
                     ฝันวันจันทร์        ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ    ญาติพี่น้อง
                     ฝันวันอังคาร       ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ    มารดา - บิดา
                     ฝันวันพุธ            ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ    บุตร - คู่ครอง
                     ฝันวันพฤหัสบดี  ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ     ครูบาอาจารย์
                     ฝันวันศุกร์          ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ     มิตรสหาย
                     ฝันวันเสาร์         ความฝันนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับ     ตัวผู้ฝันเอง
                     ฝันเป็นเพียงปฏิกิริยา ของชีวิตชนิดหนึ่ง ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้มันมามีอิทธิพลเหนือวิถีชีวิต ศึกษาได้ 
แต่อย่าเชื่ออะไรอย่างงมงาย    เอาล่ะเตรียมลุย  จะพาแกะรอยฝันท่านญาปู่ครูน่ะบัดนี้  แอ่นแอ๋..น
      กลางดึกคืนวันที่ ๓ม.ค.๔๕ สะดุ้งตื่นกลางดึก ได้ยินเสียงกระพือปีกแรงๆที่หน้าต่าง ด้านข้าง ฉายไฟฉายส่องดู พบนกตัวใหญ่สีน้ำเงินเข้ม ปากเหลือง ตาแดง (นกเอี้ยง ถ้ำ เคยเห็นตอนอยู่ถ้ำเหวโบราณ เป็นนกป่า ไม่มีในพื้นที่ราบไร้ภูเขา) กำลังเกาะที่ขอบหน้าต่าง อะไร?ก็ไม่รู้ ดลใจให้ร้องเรียกไปว่า "แม่บ้อ" แปลกที่นกก็ร้องตอบว่า "ครอ...อ" แล้วก็บินหนีไป จำเสียงนี้ได้แม่น เพราะเป็นเสียงกลืนน้ำครั้งสุดท้ายของแม่ ที่เราป้อนให้ ...
      รีบนั่งปราณฌาน ย้อนลึกนึกทบทวน จำได้ว่า ก่อนที่ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงนี้ มีความฝัน.    เห็นแม่ศีล ครองผ้าขาวในชุดแม่ชี มากราบที่ปลายเตียง ท่านพูดว่า.. " แม่ชีเพิ่งกลับจากแม่สอด เพิ่งออกจากเข้าฌาน ซิมากราบลาไปเกิด ๔ปีนี่ญาปู่อย่าหนีไปไซเด้อ ซิฟาวกลับมาหา บ่ ต้องห่วงแม่ชี ซำบายซำบาย บ่เจ็บบ่ปวดบ่เมื่อยบ่ล้า เบาโหว่งๆบ่มีมื้อบ่มีเว่น ตายบ่เป็นตาย่าน ถ้าบ่ห่วงลูกหลานบ้านเฮียน ญาปู่พาเฮ็ดถืกทางแท้ๆ แม่ชีไปเด้อ.."แล้วเราก็ตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงนกบิน
      ..ย้อนทวนได้อย่างนี้ จึงรีบลุกลงไปกุฏิแม่ศีล เห็นนกตัวเดิมจับอยู่ ที่ลูกกรง ตรงจุดที่แม่ ชอบยืนให้อาหารป่า ร้องเรียกว่า "แม่ตี้" นกหันมามองแล้วบินไปเกาะ บนที่เก็บซากสังขารแม่ศีลส่งเสียงร้องว่า "ครอ..อ"แล้วก็บินหายไปทางท้ายสวนบุญ..นั่งปราณฌานพิจารณาหน้าธาตุขันธ์แม่    น้ำตาเจ้ากรรม ยังขยันไหลอาบหน้า ไม่ใช่ด้วยความโหยหา แต่เป็นความอาลัยที่ซ่อนลึกลูกคนอื่น เขาสูญเสียแค่แม่ ของเราสูญเสียทั้งเพื่อนแท้..ลูกศิษย์..และแม่บังเกิดเกล้า.น้อมนึกเอาหน้า แม่เป็นองค์กรรมฐาน เห็นท่านยิ้มเบิกบานอย่างอิ่มสุข จิตเราก็ดิ่งเข้าสู่ความสงบเนิ่นนาน ร่วม๔ช.ม.       จากเหตุการณ์ที่ปรากฏ ย่อมสันนิษฐานได้ว่า ขณะที่แม่ศีลละสังขาร ท่านเข้าสมาธิระดับลึกได้ ฉะนั้นเมื่อตอนสิ้นลม ท่านไม่มีอาการทุรนทุราย..ไม่เกร็ง..ไม่ดิ้นรน เหมือนคนนอนหลับตาม ธรรมดา และข้อสำคัญ จนถึงปัจจุบัน ซากธาตุขันธ์ของท่านก็ยังไม่เน่าเปื่อย ไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นให้ใครรังเกียจ หรือหวาดกลัว ..ก็ต้องรอลุ้นอีก ๔-๕ปี ถ้ามีเด็ก ที่มีปานอยู่กลางฝ่ามือซ้าย มาถึงสวนบุญเมื่อไหร่? เรื่องราว ของชีวิตหลังความตาย ก็คงจะชัดเจนขึ้นแน่ๆ รีบมาเถอะแม่ อาตมาจะอยู่เฝ้ารอ.....
       ........ เมื่อหลับไหล ได้พบแม่ แม้ในฝัน              ภาพตำนาน วันวาน ก็พลันตื่น
              ร่วมบำเพ็ญ เข็นธรรม ผ่านวันคืน                         ร่วมหยัดยืน ยื่นธรรม นำหมู่ชน
              เมื่อแม่มา ลาลับ ดับกายหยาบ                              ความพลัดพราก อาบจิตใจ ให้ขื่นขม
              กลืนสะอื้น ดื่มเจ็บ เก็บระบม                                 ชูอดทน ข่มกลั้น ย่างก้าวไป
              เนิ่นนาน นักหนา แม่ลาลับ                                    เพิ่งย้อนกลับ มาหา เพื่อลาใหม่
              ยังคิดถึง ตรึงปลัก รักอาลัย                                   เถอะแม่จ๋า รีบไป แล้วรีบมา…
                                             ( คัดจากบันทึกประจำวันของท่านญาปู่  วันที่๔ ธ.ค.๔๔)   

ผู้ที่ต้องการเข้ากราบธาตุขันธ์ของแม่ศีล กรุณาปฏิบัติตามนี้
  • จุดธูป ๓ ดอก กราบ ๓ ครั้ง เพราะปัจจุบันท่านเป็นครูบาใหญ่ ให้เราใช้เจริญมรณสติ
  • กล่าวคำขอขมา..
    มาตาศีลาประภา อาจะริเย ปะมาเทนะ ทะวาระเตนะกะตัง
    สัพพัง อะปะราทัง ขะมะตุโน มาตาศีลาประภา อาจะริเย ( ๓ จบ )
  • กราบอีก ๓ ครั้ง เสร็จแล้ว เขียนความรู้สึก ในสมุดเยี่ยมด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้า....


    Email:   admin@mahayan.org
    Copyright:2002-2005 by Mahayan Mahasarakham Thailand..