ระบบเลขฐานสอง (Binary System)
         ระบบเลขฐานสองหรือระบบเลขไบนารี มีเลขโดดที่ใช้อยู่ 2 ตัว คือ 0 และ 1 หรือ L (อังกฤษและ อเมริกาใช้ 1 เยอรมันใช้ L) ในระบบนี้ค่าฐาน B = 2 ตัวเลขโดดเล็กที่สุดคือ 0 ซึ่งมีค่าเป็น 0 และเลขโดด โตสุดคือ 1 มีค่าเท่ากับ 1 ค่าประจำหลักในกรณีเลขจำนวนเต็มก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกับในระบบเลข ฐานสิบคือ เพิ่มจากทางขวามาซ้าย แต่การเพิ่มนั้นจะเป็นการเพิ่มเป็นเลขยกกำลังของ 2 โดยค่าประจำ หลักขวาสุดเป็น ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 ในระบบเลขฐานสิบ หลักถัดมาทางซ้ายมีค่าประจำหลักเป็น ซึ่งมีค่าเท่ากับ 2 ในระบบเลขฐานสิบ ส่วนเลขโดดถัดไปทางด้านซ้ายค่าประจำหลักก็จะเพิ่มขึ้นในลักษณะ เช่นนี้เรื่อยไป
         พิจารณาเลขฐานสอง 4 ตัว คือ 1, 10, 100, 1000 จะพบว่า
=
1 x + 0 x + 0 x + 0 x
=
8 (ในระบบเลขฐานสิบ)
=
1 x + 0 x + 0 x
=
4 (ในระบบเลขฐานสิบ)
=
1 x + 0 x
=
2 (ในระบบเลขฐานสิบ)
=
1 x
=
1 (ในระบบเลขฐานสิบ)
         ถ้าเรามีสวิตช์ไฟฟ้าเป็นแถวๆ ในแนวแถวละ 4 อัน ถ้าสวิตช์ตัวใดถูกกดให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะ แสดงสภาวะของสวิตช์นั้นด้วยเลข 1 แต่ถ้าสวิตช์ใดไม่ถูกกดและไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจะแสดงสภาวะ ของสวิตช์นั้นด้วยเลข 0 แล้วจะเห็นสภาวะของสวิตช์ต่างๆ ในแต่ละแถวจะแทนเลขฐานสอง
สวิตช์อันที่
   
1
2
3
4
   
1
0
0
0
=
0
1
0
0
=
0
0
1
0
=
0
0
0
1
=
         ถ้าเราต้องการเลข 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 เราก็สามารถทำได้โดยกดสวิตช์ 2 อันในแต่ละแผง เช่น เรา ต้องการ 5 เราก็กดสวิตช์อันที่ 2 และ 3 ของแผงซึ่งจะแทนเลข
         เราต้องการให้สวิตช์ในแต่ละแผงแทนเลขโดดในฐานสิบได้เพียง 1 ตัว โดยที่เลขโดด 0 ในฐานสิบ นั้นเราจะกดสวิตช์อันที่ 1 และ 3 แทน ซึ่งในแผงนั้นจะแทนเลข ซึ่งในที่นี้เราจะให้แทนเลข 0 ฐานสิบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะใช้หลักการในลักษณะเช่นนี้
         เราจะสังเกตเห็นว่าในการอ่านเลขฐานสองนั้นมีลักษณะการอ่านแตกต่างจากการอ่านเลขฐานสิบ ดังเช่น อ่านว่า หนึ่ง - ศูนย์ - หนึ่ง - ศูนย์ ฐานสอง
         การนับในเลขฐานสองนั้นก็มีหลักการเช่นเดียวกับในฐานสิบ แต่ในฐานสองนั้นมีเลขโดดที่ใช้เพียง 2 ตัวเท่านั้น คือ 0 และ 1 ถ้าเราเริ่มนับจาก 0 โดยนับเพิ่มทีละ 1 หนึ่ง จะได้ผลดังนี้
         เริ่มต้นจาก 0 นับเพิ่มหนึ่งหน่วยเป็น 1
         จาก 1 นับเพิ่มอีกหนึ่งหน่วย จะได้เป็น 0 และตัวทดอีก 1 ทำให้นับได้เป็น 10 (อ่านว่า หนึ่ง - ศูนย์)
         จาก 10 นับเพิ่มอีกหนึ่งหน่วย จะได้เป็น 11 (อ่านว่า หนึ่ง - หนึ่ง)
         จาก 11 นับเพิ่มอีกหนึ่งหน่วย จะได้เป็น 00 และตัวทด 1 เป็น 100 (อ่านว่า หนึ่ง - ศูนย์ - ศูนย์)
         จาก 100 นับเพิ่มอีก 1 หน่วย จะได้ 101 (อ่านว่า หนึ่ง - ศูนย์ - หนึ่ง)
         เป็นไปในลักษณะเช่นนี้เรื่อยไป
         ถ้าเป็นเลขทศนิยมก็คิดในลักษณะเช่นเดียวกับทศนิยมในระบบเลขฐานสิบ ซึ่งก็จะใช้จุดที่เรียกว่า จุดทวิภาค (Binary Point) เป็นสัญลัษณ์แบ่งส่วนระหว่างเลขจำนวนเต็มและทศนิยม ค่าประจำหลักในส่วนเลขหลังจุดทวิภาค โดยเริ่มจากหลักที่ถัดจากจุดไปทางด้านขวามีค่าประจำหลักเป็น เป็นลำดับเรื่อยไป ดังนั้นถ้าเลขฐานสองเป็น 0.1011 จะเขียนในรูปการกระจายตามค่าประจำหลักได้เป็น
0.1011
=
(0 x ) + (1 x ) + (0 x ) + (1 x ) + (1 x )
 
=
0.5 + 0.125 + 0.0625         ในระบบเลขฐานสิบ
 
=
0.6875                                 ในระบบเลขฐานสิบ
         พิจารณา ซึ่งเป็นเลขในระบบฐานสองที่มีทั้งเลขจำนวนเต็มและเลขหลังจุดทวิภาค ซึ่งเราสามารถเขียนในรูปการกระจายตามค่าประจำหลักได้ดังนี้
=
(1 x ) + ( 0 x ) + (1 x ) + (1 x ) + (0 x ) + (1 x )
 
=
4 + 0 + 1 +0.5 + 0.25 + 0.125              ในระะบเลขฐานสิบ
 
=
5.875                                                      ในระบบเลขฐานสอง
Mikespaid4email