 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
ถ้าจะพูดถึง 10 สุดยอดฝันร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้กับคู่รัก เรื่องที่ต้องติด 5 อันดับต้นๆอย่างแน่แท้ก็คงไม่พ้น เรื่องแฟนหนุ่มกลายพันธ์ออกลายสาวแตกซะอย่างนั้น เรื่องนี้หากไม่เกิดกับตัวเองไม่มีวันรู้ว่าแสนจะเจ็บแสบทรมานใจขนาดไหน
เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าแฟนใครอยู่ในข่ายน่าสงสัย วันดีคืนดีลุกขึ้นมาตบแป้งซะหน้าผ่องให้เราขวัญผวาละก็ ลองมาเช็คกันดูเล่นๆจากประสบการณ์ตรงของหลายๆกรณีศึกษาจากเพื่อนๆเรากันดีกว่าค่ะ
เรื่องของน้ำกับแฟน
ขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกสังเกตระดับความเป็นเกย์ของหนุ่มน้อยข้างกายได้ดีที่สุด ตอนนี้น้ำกับแฟนอยู่ในวัย 20 ปีทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลายแล้ว น้ำเป็นหญิงสาวธรรมดาๆที่ต้องการชายหนุ่มสุภาพอ่อนโยนมาเทคแคร์และเจตคนนี้ก็ช่างถูกใจไปซะหมดจริงๆ ทั้งช่างเอาอกเอาใจและอ่อนโยนกว่าชายหนุ่มทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต น้ำจึงตัดสินใจเลือกเจตในที่สุด
เจตเขาเทคแคร์ดูแลน้ำดีมากๆ เอาง่ายๆเลยคือ เจตจะเข้ามาช่วยดูแลน้ำทุกๆเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่การแต่งตัว ผิวพรรณ แต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งผู้ชายทั่วๆไปไม่น่าจะเข้าใจ แต่เจตก็ช่วยน้ำได้ตลอด แถมมีข้อมูลดีมากๆ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้น้ำรักเขามากขึ้นเพราะคิดว่าเขารักเรามากจึงได้ใส่ใจเรา ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลย
จนเมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงปีที่สี่ของการคบหาดูใจ น้ำก็เริ่มรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาแทรกในชีวิตของเจตและเธอ นั่นคือ เพื่อนชาย คนสนิทที่ดูจะแน่นแฟ้นกันมากเป็นพิเศษ แรกๆน้ำก็ไม่คิดอะไร แต่จากการคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเกินชายเป็นเวลานานๆทำให้คนไม่ขี้สงสัยเกิดสงสัยขึ้นมาจนได้
เรื่องมันมาแดงเอาตอนงานเลี้ยงวันเกิดของเขาที่น้ำจัดให้ เราก็ชวนเพื่อนๆมากันหลายคน ทั้งเพื่อนน้ำและเพื่อนเขา แต่ปรากฏว่าเพื่อนเขาที่ชวนไปทั้งหมดมีคนนั้นมาคนเดียว แล้วเขายังแสดงอาการดีใจออกนอกหน้า คือดูแววตาแล้วรู้เลยว่าเป็นแววตาของคนที่มีความรัก วันนั้นทั้งวันน้ำรู้สึกไม่สนุกเลย แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้จนผ่านวันนั้นไปได้เพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดเขาด้วย วันต่อมาก็เลยนัดเขาออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง เขาก็ยอมรับในที่สุดว่าเขากับเพื่อนคนนั้นมีความสัมพันธ์กันแบบคนรัก พูดง่ายๆก็คือ แฟนน้ำมีกิ๊กเป็นผู้ชายนั่นแหละค่ะ แต่เขาก็บอกว่าเขายังอยากคบน้ำต่อนะ เพราะว่าคบกันมานานจนรู้ใจกันแล้ว แต่น้ำรับไม่ได้ ต้องขอเวลาดูแลตัวเองก่อน เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างแรงมากสำหรับเรา
เราเองก็น่าจะเฉลียวใจสักนิดว่า ผู้ชายที่ไหนจะมาละเอียดอ่อนจนเรายังอายขนาดนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้น้ำคงเตือนตัวเองให้ดูดีๆกว่านี้
แล้วเราจะรับมือกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไรถ้ามันเกิดกับเรา
ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเราจริงๆ พี่ขอแนะนำว่าให้น้องๆทำใจยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นค่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็ยังอยู่ในวัยที่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ยังไม่มีอะไรสายเกินไปค่ะ ถ้าไปถึงระดับแต่งงาน มีลูกกันไปแล้วนี่คงต้องคิดหนัก แล้วมันมีหลายวิธีนะคะที่จะทำให้เราทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จำไว้ว่าตอนจบของเรื่องมันไม่จำเป็นต้องเศร้าเคล้าน้ำตาตลอดไปหรอกนะคะ เราต้องเริ่มต้นจาก
ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
หากแฟนหนุ่มของเรากล้าเปิดใจยอมรับกับเราถึงความเป็นตัวตนของเขา และเขาพอใจที่จะเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ เราคงต้องยอมรับความเป็นจริงว่า นั่นคือตัวตนชองเขา เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงรสนิยมตรงนั้นได้ แต่ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ดีๆที่เคยมีให้กันมามันก็ยังคงรูปไว้ในสถานะเพื่อนได้ค่ะ ไม่แน่นะคะ น้องๆอาจจะได้เพื่อนคนใหม่ที่รู้ใจเป็นที่สุดก็ได้
อย่าปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นเกย์
ความเป็นเกย์ของแฟนไม่ใช่ อาชญากรรมนะคะน้องๆจำไว้ บางทีคนเราก็ไม่ได้เลือกอยากจะเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ เมื่อเราตัดสินใจที่จะยอมรับเขาแล้ว เราก็ต้องยอมรับเขาในฐานะเพื่อนปกติ อย่าทำให้เขารู้สึกผิดต่อเรื่องที่เกิดขึ้น อย่าแสดงออกกับเขาว่าเขาเป็นเกย์ตลอดเวลา บางทีเขาอาจจะรู้สึกผิดมาอยู่แล้วนะคะ และรสนิยมทางเพศก็ไม่สามารถนำมาตัดสินคุณค่าของคนได้ด้วยค่ะ
ให้กำลังใจเขา
ถึงน้องจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ทำให้น้องต้องเสียใจ เพราะเขาแปรเปลี่ยนรสนิยม แต่บางทีคนที่กำลังเสียใจที่สุด รู้สึกผิดที่สุด อาจจะเป็นเขานะคะ เพราะฉะนั้นน้องอย่าไปซ้ำเติมเขา ควรจะพูดคุยกับเขาอย่างเปิดใจ ยอมรับ และให้กำลังใจเขาในฐานะเพื่อนคนหนึ่งจะดีกว่าค่ะ
รักแบบคนรัก ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตเรานะคะ ความสัมพันธ์แบบอื่นมันก็มีคุณค่า มีความหมายในตัวมันเอง เราไม่จำเป็นต้องวางรูปแบบความสัมพันธ์กับเขาแบบคนรักแต่เพียงอย่างเดียว และหากเรื่องราวมันดำเนินไปในแบบนี้ น้องๆก็ลองคิดดูนะคะ ว่าน้องๆให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างกันแค่ไหน ถ้าไม่เป็นคนรักกัน ก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีกแค่นั้นหรือเปล่าคะ ลองมองดูดีๆอีกสักนิดน้องอาจจะพบอะไรที่มีค่ามากกว่า เหมาะสมมากกว่าความรักแบบคนรักก็ได้นะคะ
