![]() |
||||||||||
|
![]() ![]() ซินเดอเรลล่าบนโลกแห่งความจริง วันนี้เรามีนัดคุยกับพี่ก้อย พี่สาวใจดีที่เรารู้จักมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม พี่ก้อยเป็นผู้หญิงร่างเล็ก หน้าตาเรียบๆไม่โดดเด่น แต่มีรอยยิ้มน่ารัก และนิสัยที่เป็นกันเอง ทำให้ใครต่อใครสบายใจเวลาอยู่ใกล้ๆเธอ ตอนนี้พี่ก้อยอายุ 29 ปี และได้แต่งงานกับแฟนหนุ่มชาวอังกฤษและย้ายนิวาสสถานไปอยู่ที่ลอนดอนกับสามีเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้พี่ก้อยมาเยี่ยมคุณแม่ที่เมืองไทยเราเลยได้มีโอกาสพบเธอ อันที่จริงเรื่องราวของพี่ก้อยอาจจะฟังดูไม่มีอะไรน่าสนใจใช่มั้ยคะ แต่ถ้าเราจะบอกว่าพี่ก้อยตัดสินใจแต่งงานกับสามี(คุณคริส)ในเวลาที่พบกันเพียงสามสัปดาห์ ตอนที่คุณคริสมาเที่ยวเมืองไทย โดยใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 5ปีแล้วล่ะ จะน่าสนใจขึ้นมั้ยคะ ตอนนี้พี่มีลูกชายคนนึงแล้วค่ะ ชื่ออเล็กซ์ อายุ 18 เดือน กำลังซนเลย คริสเขาก็กำลังหลงลูกชาย จะว่าไปก็หลงกันหมดแหละ โดยเฉพาะคุณตาคุณยาย มาเยี่ยมหลานทีเดือนนึง ไม่ยอมกลับเมืองไทยเลยนะ ตอนที่พี่พบคริส ตอนนั้นก็ช่วงปี 1999 จะข้ามมา 2000 เราแต่งงานกันเดือนกุมภาพันธ์ปี 2000 พบกันตอนต้นเดือนธันวา คริสเขามาเที่ยวเมืองไทย เราพบกันที่ภูเก็ตค่ะ ช่วงนั้นพี่ทำงานอยู่ใน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ภูเก็ต คริสเขาก็มาพักที่โรงแรมนั้นแหละค่ะ ถึงได้เจอกัน จำได้ว่าเจอกันครั้งแรกตอนพี่ลงมาว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำโรงแรม พอดีเลิกงานแล้วอยากจะพักผ่อน ก็เลยมาวายน้ำเล่น ออกกำลัง ว่ายอยู่ดีๆก็เห็นฝรั่งตัวโตๆคนนึงว่ายมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ รอบแรกก็เฉยๆ แต่ไปๆมาๆอีตานี่วนไม่เลิกปาไปไปสามสี่รอบแล้ว โห เราก็กลัวนะ คริสเขาสูงตั้งเกือบ 190 แถมล่ำซะ เราก็กลัวสิ พี่เองสูง 158 เอง กลัวเขามาฉุด ก็เลยจะรีบขึ้น ปรากฏว่าพอขึ้นมาก็เจออีตานี่ลอยหน้ารออยู่ขอบสระอยู่เลย เราก็ขึ้นตามปกติ เขาก็เดินตามมาทักว่า จะไปไหน ทำอะไรตามเรื่องตามราว เราก็ไม่ไว้จะเลยบอกไปว่า กลัวคุณนั่นแหละมีอย่างที่ไหนมาป้วนเปี้ยนตอนคนว่ายน้ำ ชุดก็ไม่เรียบร้อยด้วย ก็กลัวสิ เขาได้ยินก็หัวเราะแล้วบอกว่า ช่วยไม่ได้ที่คุณมาเจอผมครั้งแรกตอนว่ายน้ำ แต่ผมสาบานว่า ไม่ว่าจะเจอคุณในชุดอะไรผมก็จะมาทักคุณอยู่ดี เพราะคุณสวยเหมือนนางฟ้า ได้ยินแบบนี้เราก็เขินนะ โอ้โห นางฟ้า แบบฉันเนี่ยนะ แค่จะชมว่าน่ารักยังคิดดูก่อนเลย ก็เลยแอบรู้สึกดี ก็เลยยอมคุยด้วย ก็รู้สึกว่าเค้าตลกดี ด้วยความที่ทำงานในโรงแรมก็เลยเจอเค้าบ่อย พอเขารู้ว่าเราทำงานที่นี่เขาก็ดีใจใหญ่เลย บอกว่าทีแรกกะแพลนว่าจะไปเที่ยวกระบี่ เที่ยวเชียงใหม่ต่อก็ไม่ไปแล้ว อยู่ภูเก็ตต่อจนครบสามอาทิตย์ เลย เพื่อนอยู่กับเราได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าแหม ทุ่มเทจัง แต่ก็บอกไปว่ายังไงพอครบสามอาทิตย์คุณก็ต้องกลับอังกฤษอยู่ดี เขาก็ยิ้มๆไม่ว่าอะไร ช่วงสามอาทิตย์ที่อยู่ที่โรงแรม เขาก็มาชวนไปกินข้าวทุกวัน มีขนมดอกไม้อะไรไม่รู้มาทุกวันเลย เพื่อนก็แซวสิ เราก็เลยแกล้งชวนเขาไปกินอาหารในโรงอาหารพนักงาน เขาก็ไป เราเอาอะไรให้กินเขาก็กินหมด ไม่ปริปากบ่น เพื่อนเราก็บอกว่า เขาเป็นฝรั่งที่สุภาพมากๆ หายากนะแกแบบนี้ เราก็อ้อ หรอ รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติเยอะ แล้วก็รู้สึกได้ว่าเขาแตกต่างนะ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วย ไม่เคยทำกริยาไม่ดีเราเลย แล้วก็หลายๆอย่างที่เขาแสดงออกมันทำให้เราประทับใจในตัวเขามากมาย ตอนนั้นรู้สึกว่า คนนี้อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น รู้สึกดีจังเลย แอบคิดเหมือนกันว่าเหมือนรักแท้นะ แต่ด้วยความที่ระยะเวลามันสั้นมาก ก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรมากมาย ก็คิดว่าอย่างน้อยก็จะจดจำไว้ว่าเคยรู้สึกดีๆกับเค้าคนนี้ ในเวลาหนึ่งเท่านั้นพอ แต่พอก่อนเค้ากลับสามวัน เค้าก็มาชวนเราไปทานข้าวเย็นที่ห้องเค้า ตั้งแต่คุยกันเกือบ 20 วันนี้ เราไม่เคยไปที่ห้องเค้านะ รู้ว่าอยู่ห้องไหน แต่เราไม่เคยไป เค้าไม่เคยชวนด้วย เราก็พิจารณาดูแล้วว่าเค้าก็ดูเป็นคนดี แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็น่าจะช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เลยตกลงรับคำเชิญ ก่อนจะไปที่ห้องเค้านะก็เตรียมใจไว้บ้างแหละว่าอาจจะไม่ปลอดภัย แต่พอเปิดเข้าไปนะ น้ำตาแทบร่วง รู้เลยว่าเขาใช้เวลาเตรียมนานมากแน่ๆ ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยกุหลาบขาว กับเทียน เทียมหอมกลิ่นเดียวกันทั้งห้อง เป็นร้อยๆอัน แล้วเขาก็อยู่ในชุดแบบว่าเซ็กซี่มาก กางเกงเลสีขาว ไม่ใส่เสื้อ เราก็แบบ ตื่นเต้น รู้สึกว่าทำไมเขาถึงทำอะไรขนาดนี้เพื่อผู้หญิงที่เพิ่งพบกัน อาหารที่อยู่บนโต๊ะทั้งหมดคือของที่เราชอบ เขาอาจจะจำมาจากที่เราบอกหรือถามใครมาก็ไม่รู้แต่เราก็ประทับใจ คุยไปเรื่อยๆ จนกินเสร็จ เขาก็ขอเต้นรำ เราก็เขินนะ แต่ก็ตกลง เขาสุภาพมาก ไม่ล่วงอะไรเราเกินเลย เต้นรำไปเรื่อยๆจน เกือบเที่ยงคืน เขาก็บอกว่า เขารู้สึกอะไรบางอย่างกับเรา แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่นมาก่อน เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่เขาขอเรียกว่ารัก็แล้วกัน แล้วก็ขอแต่งงาน ให้เราไปกับเขา เราก็ว่าล้อเล่น เขาก็เลยบอกว่า มองตาเขาสิ แล้วตอบตัวเองว่าเขาล้อเล่นหรือเปล่า เราก็มองตาเขา แล้วเขาก็ถามอีกที Will you married me? วินาทีที่ได้ยินคำนั้นอึ้งก่อนเลย เขาบอกว่าให้เวลาไปคิดสามวัน แล้วค่อยตอบเขาก็ได้ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน เขายืนยันว่าความรู้สึกดีๆที่เขามีให้เราจะไม่จางหายไป สามวันนั้นนั่งทบทวนตัวเองนะ ว่าคิดยังไง เอาไงดี ลางานมาอยู่บ้าน ไม่ไปเจอเค้าเลยนะ เพื่อจะได้คิด เค้าก็ไม่โทรมานะ รู้สึกว่าเขาเข้าใจ คิดไปคิดมา คิดได้ว่า เรารู้สึกดีกับความรักครั้งนี้มากพอที่จะแต่งงาน เขาทำให้เรารู้สึกดีมากพอที่จะใช้ชีวิตด้วย แม้ต่อไปมันจะพลาด แต่ก็รู้สึกว่า ความรักครั้งนี้มันจะมีค่าไปอีกนาน ยอมที่จะแลกความรักครั้งนี้ด้วยความเสี่ยงทุกอย่าง ก็เลย ตอบตกลงกับตัวเอง วันต่อมาก็เลยไปคุยกับครอบครัว บอกว่าจะแต่งงานพ่อแม่พี่น้องก็ตกใจกันใหญ่ แต่เราก็ยืนยันหนักแน่น เขาก็เลยตกลง แต่พอบอกต่อว่า คนที่จะแต่งด้วยเป็นฝรั่ง แล้วต้องย้ายตามเขาไป แม่ก็ลมใส่ แต่ในที่สุดทุกคนก็เข้าใน ยอมรับ เพราะเขารู้ว่าเราโตแล้ว และเป็นคนยังไง พ่อแม่ก็เลยตามมาดูหน้าคริสที่โรงแรม คริสก็เหมือนรู้นะคะว่าแม่จะมา ก็เตรียมนั่นนี่ไว้ต้อนรับ แม่ก็ค่อนข้างจะพอใจลูกเขย แม้ว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตาม จนวันที่เขากลับ เราบอกว่า อีกหนึ่งเดือนจะตามไป ขอเคลียร์ทุกอย่างก่อนได้มั้ย เขาก็ตกลงอีกหนึ่งเดือนพบกัน ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่เราอยู่ที่นี่ เราใช้ชีวิตแบบลอยๆ รู้สึกว่าอะไรมันเป็นสีชมพูไปหมดเลย แต่ก็เคลียร์งานเคลียร์อะไรจบได้ในหนึ่งเดือน พอเพื่อนๆรู้ว่าจะไปแต่งงานที่โน่นก็เลี้ยงให้กัน สามสี่รอบ ก็เมาซะหัวทิ่มเชียว พอครบหนึ่งเดือนเราก็ตามไปที่นู่น วินาทีที่เห็นเขาที่สนามบินนะ หัวใจมันเต้นจนจะหลุดออกมา รู้สึกดีใจมากๆ แล้วงานแต่งงานก็มีขึ้นหลังจากนั้น สองอาทิตย์ มันเป็นงานแต่งงานในฝันที่จัดแบบที่เราต้องการทุกอย่าง คริสส่งตั๋วเครื่องบินไปให้พ่อแม่พี่น้องเราครบทุกคนในครอบครัว งานแต่งงานเป็นแบบคริส มีแขกมาร่วมงานไม่มาก เพื่อนเราที่พอจะมาได้ก็มีอยู่สี่คน ก็เป็นงานเล็กๆแบบที่คิดไว้ เล็กแต่ก็ประทับใจเรามาก ตอนนี้พี่ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะคริสเขาหาเงินได้ค่อนข้างมากจากธุรกิจครอบครัวเขา พี่ก็เลี้ยงลูก กับดูแลเขา ตลอด 5 ปีมานี้พี่มีความสุขมาก คริสไม่เคยทำให้พี่เสียใจหรือผิดหวังเลยนะ เขารักพี่จริงอย่างที่เขาบอก เขาเป็นคนดี อ่อนโยน น่ารัก ตลก เป็นแบบวันแรกที่เราเห็นทุกอย่าง ตอนนี้พี่เชื่อนะ ว่าเวลาไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง พี่รู้จักคริสสามอาทิตย์ก็แต่งงานแล้ว ก็ไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น มีความสุขดีกับชีวิตตอนนี้ ขอบคุณคริสที่รักพี่ และขอบคุณตัวเองที่เชื่อหัวใจตัวเองในตอนนั้น พี่คิดว่าพี่เป็นภาคหนึ่งของซินเดอเรลล่านะ ชีวิตรักเหมือนเทพนิยาย มีเจ้าชายขี่ม้าขาวอะไรแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเชื่อว่าจะมีผู้ชายแบบนี้เลย แต่คริสทำให้พี่เชื่อ ชีวิตของพี่มันดูเรียบ ง่าย และ เหมือนฝันสำหรับใครหลายๆคน แต่พี่อยากจะบอกว่า เราทุกคนเลือกที่จะมีชีวิตแบบนี้ได้นะคะ แค่คิดว่าเรามีความสุขแล้วทำตามหัวใจตัวเองก็พอ ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ยาก มันเป็นของเราเราเลือกที่จะใช้มันแบบไหนก็ได้ ตามหาสิ่งที่คุณต้องกาให้พบเถอะค่ะ แล้วจะพบความสุขเอง พี่ก้อยทิ้งท้ายไว้ด้วยรอยยิ้มแบบเปี่ยมสุขทั้งแววตา แล้วก็อุ้ม อเล็กซ์ลูกชายของเธอไปหาคุณยาย ที่นั่งรออยู่ไม่ไกล บอกตามตรงว่าเห็นพี่ก้อยแล้ว ฉันรู้สึกว่า ฉันเห็นความฝันอยู่ตรงหน้า แล้วชีวิตนี้ฉันยังฝันได้นะ ถ้าฉันเลือกจะฝัน << กลับ |