![]() |
||||||||||
|
![]() ![]() ความในใจของผู้ชายเจ้าชู้ ผมเคยเป็นคนประเภทที่ผู้หญิงเรียกว่า เจ้าชู้ ด้วยความที่ผมมีพี่น้องผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ การที่คบสาวทีละหลายๆ คนเป็นเรื่องธรรมดา (เพราะพี่ๆ ก็ทำ) บางครั้งในหมู่เพื่อนก็เป็นเรื่องน่ายกย่องเสียด้วยซ้ำ ผมไม่เคยเข้าใจว่าเพศหญิง รู้แต่ว่าถ้ามีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ ผมตลอดเวลาแล้วผมจะรู้สึกดีมากๆ ช่วงแตกเนื้อหนุ่มผมมักตั้งเงื่อนไขให้ตัวเอง ชอบที่จะทำตัวซับซ้อน ให้คนเดาออกได้ยากว่าจริงๆ แล้วผมเป็นยังไง สมัยเรียนม.ต้น ผมก็เริ่มมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เธอเป็นนักเรียนหญิงห้องเดียวกันชื่อน้ำ เป็นคนเงียบเรียบร้อย น่ารักแบบใสๆ ตอนนั้นผมยังแยกไม่ออกว่าชอบกับรักมันต่างกันยังไง รู้แต่ว่าอยากเจอ อยากอยู่ใกล้ๆ ทุกวัน น้ำไม่เคยแสดงออกกับผมแบบแฟนต่อหน้าคนอื่น เธอกลัวนั่นกลัวนี่ กลัวครูเห็น กลัวแม่ว่า กลัวไปหมดจนบางทีผมเบื่อ แต่ผมก็คบน้ำได้เทอมหนึ่งเต็มๆ โดยไม่ได้มีใคร จนกระทั่งงานกีฬาสีโรงเรียน ผมได้รู้จักกับอ้อ เราเรียนคนละห้องแต่ได้ทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยๆ อ้อเป็นคนร่าเริง ฉลาด กล้าแสดงออก มนุษย์สัมพันธ์ดี เรารู้จักกันเพราะเธอเข้ามาแซวผมตอนซ้อมกีฬา นานๆ เข้าเราก็สนิทสนมใกล้ชิด แล้ววันหนึ่งอ้อก็ถามผมว่าอยากคบกับเธอไหม ผมก็สารภาพไปตามจริงว่าผมรู้สึกดีกับเธอมาก มีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆ เราคุยกันเป็นชั่วโมงจนในที่สุดผมก็ตัดสินใจคบกับอ้อ คบกันทั้งที่ผมก็ยังมีน้ำเป็นแฟน อ้อก็รู้ดีแต่เธอไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อการคบสองคนมันไม่มีปัญหาผมจึงปล่อยทุกอย่างเลยตามเลย ตอนนั้นผมรู้เพียงว่าต้องจัดตารางเวลากับผู้หญิงสองคนให้ถูก วันไหนอยู่กับใคร นัดกับใคร ผมปฏิบัติกับเธอสองคนไม่ต่างกันซึ่งนั้นคือสิ่งที่ผมคิดว่าคือความยุติธรรม แน่นอนว่าการ คบ ในความหมายของผมย่อมมีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยว อ้อรู้แต่ยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ดี ในขณะที่น้ำไม่ใช่ ผมไม่เคยเรียกร้องเรื่องนี้กับน้ำ เพราะอะไรผมก็ไม่แน่ใจ รู้แต่เพียงว่าถ้าคุยเรื่องนี้กับน้ำเธอคงไม่ยอมแน่ๆ ผมคบอ้อขณะที่มีน้ำเป็นแฟน และมีคนอื่นประปรายเรื่อยมา แต่หลังจากเรียนจบมัธยมต้นอ้อก็ไปเรียนต่อสายอาชีพที่อื่นแล้วเราก็เริ่มห่างๆ กัน ส่วนน้ำยังเรียนต่อม.ปลายโรงเรียนเดิมกับผม เราจึงยังคบกันต่อไป โดยส่วนตัวแล้วผมชอบน้ำตรงที่เค้าไม่ขี้หึง ไม่เคยว่าผม ไม่เคยสนใจว่าผมจะไปตามจีบสาวที่ไหน เธอไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกมากจนบางทีผมก็สงสัยว่าเธอรักผมบ้างรึเปล่า แต่นั่นก็เป็นข้อดีในตัวน้ำข้อหนึ่งที่ผมยังคบกับเธอเรื่อยมาทั้งๆ ที่มีผู้หญิงอื่นเข้ามาเป็นระยะๆ พอขึ้นชั้น ม. 5 ก็มีเพื่อนของเพื่อนมาขอคบผม เธอชื่อออฟ ออฟเคยคบกับเพื่อนในกลุ่มของผมมาแล้วทุกคน ผมตกลงลองคบกับเธอ แต่มีข้อแม้ว่าผมจะไม่เลิกกับน้ำ เธอก็ยินดี น้ำเองก็รู้ว่าผมคบกับออฟ และเธอก็ไม่ว่าอะไรเช่นเดิม ช่วงที่ผมคบออฟ ผมก็มีเวลาให้น้ำน้อยลง ไม่ว่ากิจกรรมโรงเรียน เรื่องเรียนติว และเรื่องอะไรหลายอย่างออฟจะร้องตามผมไปทุกครั้ง ผมจึงอยู่กับออฟเป็นส่วนใหญ่ ออฟเป็นคนสนุก เพื่อนเยอะ มีเรื่องให้ทำได้ตลอดเวลา ผมจึงลืมให้เวลากับน้ำไปพักใหญ่จนเพื่อนๆ คิดว่าผมเลิกกับน้ำไปแล้ว ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมยังคบกับน้ำอยู่รึเปล่า ผมจึงโทรไปหาเธอที่บ้านช่วงปิดเทอม เธอก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาจีบเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนซึ่งเรียนพิเศษด้วยกัน พอผมได้ยิน ไม่รู้เป็นอะไร ผมรู้สึกหึงหวงเธอขึ้นมาทันที รู้สึกอยากเจอเธอ อยากอยู่ใกล้ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเสียของรักไป ผมจึงเริ่มกลับไปหาน้ำอีกครั้ง ไม่ว่าเธอไปไหนผมจะตามไปรับไปส่งเธอตลอด เป็นอย่างนั้นไม่ถึงสองอาทิตย์ออฟก็โทรมาบอกเลิกผม ความจริงผมยังไม่อยากเลิกคบออฟแต่ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าอยากให้เวลากับน้ำมากกว่าผมจึงยอมเลิกกับเธอโดยไม่ปริปากรั้งเธอไว้ ออฟร้องไห้ฟูมฟายแทบเป็นแทบตาย แล้วเธอก็ไม่มาเรียนอีกเลยนับแต่วันนั้น ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไปรับไปส่งน้ำอยู่ไม่กี่อาทิตย์ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าน้ำมีใจให้กับคนอื่น ผมพยายามถามน้ำถึงเรื่องคนที่เข้ามาจีบเธอ เธอก็เล่าให้ผมฟังแต่โดยดี ไม่ได้ปกปิดอะไร เค้าชื่อต้น ทุกครั้งที่น้ำเล่าเรื่องต้นให้ฟังมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด นานๆ เข้าผมก็เริ่มทนไม่ได้ ผมรู้สึกอยากหาทางทำให้น้ำเป็นของผม ผมคิดแค่ผมมีอะไรกับเธอ เธอจะรักผม มองผมคนเดียว ประจวบเหมาะกับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงหนึ่งที่บ้านผมจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ผมจึงชวนน้ำมาเที่ยวบ้าน น้ำก็ยอมมาแต่โดยดี พออยู่ด้วยกันสองคนผมก็เริ่มอ้อนเธอ ขอมีอะไรกับเธอ เธอไม่พูดอะไรอายน้ำแดง ผมจึงเหมาเอาว่าเธอยอมเป็นของผม แล้ววันนั้นเราก็มีอะไรกัน ตอนนั้นผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำถูกต้อง ผมเป็นแฟนกับน้ำ เรามีอะไรกันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น หลังจากวันนั้นน้ำเริ่มเก็บตัว ไม่ยอมติดต่อผม ไม่ยอมเจอหน้าผม ผมอยากรู้มากว่าผมทำอะไรผิด ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมสุดท้ายที่เราเรียนจบชั้น ม. 6 ถ้าไม่โทรติดต่อกัน ผมกับน้ำคงไม่มีโอกาสได้เจอกันเพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย ผมไม่รู้จะทำยังไงผมจึงไปหาเธอที่บ้าน ไปถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำยอมออกมาพบผม พอผมเจอเธอผมก็ตะคอดใส่เธอ ถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่น้ำยอมพูดสิ่งที่เธออัดอั้นมาตลอด เธอบอกว่าที่ผ่านมาเธอคบกับผม เธอเสียใจทุกครั้งที่ผมมีคนอื่น เธอร้องไห้บ่อยๆ เวลาผมหายไปจากชีวิตเธอเป็นพักๆ ที่ผมเห็นว่าเธอนิ่งๆ ไม่พูดอะไร ความจริงแล้วเธอโกรธมาก โกรธจนไม่อยากพูด เธอก็พยายามให้อภัยผมเรื่อยมา แต่ผมก็ทำกับเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอพูดไปร้องไห้ไป ผมฟังแล้วก็อึ้ง เพราะผมไม่เคยรู้เยว่าผมทำให้คนที่ผมรักเสียใจมาตลอด วันนั้นน้ำบอกเลิกผมด้วยเหตุผลว่าเธอกลัวเกินกว่าจะให้อภัยในสิ่งที่ผมทำ เธอกลัวว่าถ้าผมทำแบบนั้นอีกเธอจะรับต่อไปอีกไม่ได้ เธอขอเลือกไม่รับรู้อะไร ขอเป็นฝ่ายไปจากชีวิตผมเองดีกว่า อีกอย่างคือที่บ้านเธอจะส่งเธอไปเรียนต่อเมืองนอกในเร็วๆนี้ ผมกลับมาบ้านด้วยความคิดหนักอึ้ง รู้สึกสับสนในหลายเรื่องทั้งกับตัวเอง สิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก็ความรู้สึกที่มีต่อน้ำ ผมจมสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นอาทิตย์ๆ จนกระทั่งดูหนังสือสอบไม่รู้เรื่อง พอผลสอบเอนทรานซ์ออกมาผมจึงสอบไม่ติดในอันดับที่หวังไว้ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน เรื่องที่เกิดขึ้นทำลายทั้งตัวผมแล้วก็น้ำ ผมรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เง่าจริงๆ ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันทำให้คนอื่นเจ็บปวดขนาดไหน ถ้าผมตระหนักถึงมันแต่แรกผมคงไม่ทำ และแม้ว่าผมจะพยายามกลับไปแก้ไขน้ำก็ไม่อยู่ให้ผมแก้แล้ว เธอไปจากชีวิตผมแล้ว ผมไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตอนนั้นอย่างไร แม่เห็นผมซึมเศร้าท่านจึงส่งผมไปอยู่กับป้าที่ต่างจังหวัด ผมคิดเรื่องนี้มากจนกระทั่งอยากเลิกคิด เพราะคิดเท่าไหร่ผมก็หาคำตอบไม่ได้ พอผมไปอยู่บ้านป้าได้สักพักพี่ไผ่ลูกพี่ลูกน้องของผมก็เข้ามาพูดคุยถามไถ่ว่าผมเป็นอะไร ดูสีหน้ามีเรื่องกลุ้มใจ ซึ่งพี่เค้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องเข้ามหาวิทยาลัย ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ฟัง พี่ไผ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มีแฟนแล้ว เธอซักไซ้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็พูดว่า ปัญหาบ้างเรื่องแม้เราจะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แต่เราสามารถเอามันมาเป็นบทเรียนชีวิตสอนตัวเองให้ไม่ทำผิดซ้ำสองได้.. ผมรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ระบายความรู้สึกกับพี่ไผ่ พี่ไผ่ให้แง่คิดและมุมมองชีวิตอีกมุม ทำให้ผมคิดได้ว่าผมไม่ควรทำผิดซ้ำสอง ไม่ควรทำร้ายความรู้สึกใครแบบนั้นอีก |