 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
 |
รักก็ยุ่ง แต่มุ่งเรียนด้วยจะได้มั้ย
ได้สิค้าน้องๆ เพราะความรักไม่เคยทำร้ายใครถ้าเรารู้จักรักให้เป็น มันก็ไม่แปลกและไม่ผิดเลย ที่จะรักในวัยเรียน มีรักเป็นตัวเสริมแรง เสริมกำลังใจให้สดใสปิ๊งปั๊ง ดีจะตายไป แต่หมายความว่า เราต้องดูแลทั้งเรื่องรักและเรื่องเรียน รวมไปถึงเรื่องๆอื่นๆรอบตัวให้สมบูรณ์ไปด้วย เป็นคนรักที่ดี ก็ต้องเป็นนักเรียนที่ดี เป็นลูกที่ดี และมีความคิดดีๆ ทำแต่เรื่องดีๆ
แต่ทำไม้ ทำไม ริจะมีรักทั้งที มีแต่คนห้าม เหมือนมีคติประจำใจว่า รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน กันไปหมด นั่นก็เป็นเพราะว่าคนเราเวลามีความรักแล้วมักจะถ่ายเทสมาธิและจิตใจไปไว้ที่คนรักเสียหมด จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่นให้มันดีเท่าเดิมได้ ลืมไปหมดทั้งหน้าที่นักเรียนที่ดี ลูกที่ดี คอยแต่จะคิดเรื่องคนรักอย่างสุดหัวใจ นี่ล่ะน้า ทำให้บรรดาพ่อแม่ต้องคอยมาเป็นห่วง พี่น้องจะคอยมาเป็นใย เวลาที่ไอ้ตัวเล็กๆของบ้านเริ่มจะมีความรักมีฟงมีแฟนกับเขาบ้าง
จัดการความรักให้ลงตัว
ความรัก VS พ่อแม่
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่มีพ่อแม่บ้านไหนหรอกที่จะกระโดดดีใจไชโย เมื่อลูกมีแฟนตั้งแต่ยังสวมคอซองหรืออยู่มัธยมปลาย เหตุผลที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆก็คือ มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งพอเราฟังแล้วก็ไม่รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ เกิดอาการอยากจะประท้วงขึ้นมากะทันหัน ไม่สนใจหรอกว่าใครจะว่ายังไง มั่นใจว่าฉันโตแล้ว ฉันรักกันซะอย่าง แต่พี่ๆก็มีวิธีที่จะช่วยลดแรงต้านจากครอบครัว มาแนะนำกันนะคะ
เปิดเผย : คิดซะว่าพ่อแม่ก็เป็นเพื่อนเราคนหนึ่ง (ซึ่งรักเรามากที่สุด) ลองแย็บๆด้วยการเบ่าเรื่องๆทั่วๆไป เช่นเรื่องเพื่อน เรื่องในห้องเรียน เรื่องอะไรก็ได้กระจุ๊กกระจิ๊กไปก่อน เพื่อให้เราและพวกท่านรู้สึกคุ้นเคยที่จะเปิดใจกัน แล้วพอถึงเวลาที่เราจะเปิดใจเรื่องคนสำคัญของเรา มันก็จะง่ายขึ้น บอกให้รับรู้แล้วก็อย่าลืมพามาให้ท่านรู้จักด้วยล่ะนะคะ ทำอะไรอยู่ในสายตาท่านๆจะได้ไม่ห่วงนะคะน้องๆ
ซื่อสัตย์ : อย่าลืมที่จะพูดแต่ความจริง เพื่อสร้างความไว้ใจให้เกิดขึ้น ถ้าท่านไว้ใจพวกเรา พวกเราก็จะสบายใจในการคบกันไปด้วยค่ะ ไม่ใช่อะไรๆก็ ไม่ให้ไปๆ
ใจเย็น : เป็นธรรมดาที่ความคิดของคนที่มีช่องว่างระหว่างวัยนั้นย่อมไม่ตรงกัน เพราะต่างคนต่างก็มีเหตุผลของคน เราต้องเปิดใจให้กว้าง ใจเย็นๆ รอให้ท่านทำความเข้าใจเรื่องของเราไปอย่างช้าๆ ค่อยๆอธิบาย ว่าเราคบกันเหมือนเพื่อนรู้ใจมากกว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ความรัก vs การเรียน
ควาสุขในช่วงปั๊บปี้เลิฟอาจจะมีมากซะจนเราลืมอะไรหลายๆอย่างไปได้เหมือนกัน บางครั้งก็ลืมไปว่า เราต้องเรียนหนังสือด้วยนี่นา ยอมรับใช่ไหมล่ะ ว่าคืนก่อนสอบยังแอบคุยโทรศัพท์กันยันเช้าอยู่เลย ไม่ได้ขี้เกียจหรอกนะ แต่แบบมันไม่อยากวางแล้วก็คิดว่า เอาน่ะ อ่านมาพอแล้ว
เป็นแบบนี้บางครั้งก็พอไหว แต่ถ้าเป็นบ่อยๆไม่ดีแน่ๆ เพราะเราเองก็คงไม่อยากคบคนที่เรียนไม่ได้เรื่องเหมือนกัน แล้วเขาก็คงไม่ชอบผู้หญิงไอคิวต่ำ เพราะฉะนั้นร่วมแร่งช่วยกันอ่านช่วยกันติวดีกว่า หรือไม่ก็แข่งกันเรียนไปเลย นี่ๆๆ พี่มีข้อแนะนำดีๆมาบอก
แบ่งกันทำโน้ตย่อคนละวิชาสองวิชา แล้วแลกกันอ่านก่อนสอบ
ทำตารางคุยโทรศัพท์เป็นเวลา ไม่ให้ขัดกับชั่วโมงอ่านหนังสือ เช่น คุยหลังทานอาหาร เพราะถ้าอ่านตอนนั้นจะหลับ ก็ได้นะ
ทำข้อตกลงใครได้คะแนนน้อยกว่า ต้องเลี้ยงข้าว
ใครเก่งกว่าวิชาไหนก็ผลัดกันติว
ดูแลรักนี้ไว้ให้นานๆ
ใครบอกว่าปั๊บปี้เลิฟไม่มีคำว่าเบื่อ เจอกันบ่อยๆ ทำกิจกรรมเดิมๆทุกวันๆมันก็ออกอาการได้นะคะ แล้วเราจะปล่อยให้ช่วงวัยสดใส รักแบบไร้ความคิดเคลือบแฝงผ่านไปง่ายๆได้ยังไง เติมสีสันให้แต่ละวันได้ง่ายๆด้วยการ
หาอะไรเล็กๆน้อยๆมาเซอร์ไพรส์เขาบ้าง เนื่องในโอกาส วันแดดออกน้อยเป็นพิเศษ หรือ เนื่องในโอกาสวันอังคารที่เราชอบที่สุดในสัปดาห์ก็ได้ ของขวัญนี่ก็ไม่ต้องซื้อหาให้ยุ่งยากเพราะเรายังหาเงินเองไม่ได้ แค่ไรท์เพลงเพราะๆซักสองสามเพลงให้ หรือเด็ดดอกไม้ที่บ้านมาฝากก็ปลื้มตายแล้ว
แอบสอดกระดาษโน้ตใบเล็กๆหรือการ์ดน่ารักๆไว้ในสมุดของเขา บอกความในใจแบบขำๆ เน้นแนวสนุกไว้ก่อนก็น่ารักดีนะคะ
พากันไปเรียนพิเศษ ไปวิ่งตอนเช้า แทนการกินข้าว ดูหนัง กินไอติมทบ้างก็ไม่เลวนะคะ
ความไม่พอดีอยู่ตรงไหน
คุณคุยโทรศัพท์กับเขายันเช้า จนลืมอ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน
คุณทะเลาะกับแม่เพียงเพราะท่านบอกให้คุณเลิกคุยโทรศัพท์ตอนเที่ยงคืน
ทุกครั้งที่ทะเลาะกันคุณร้องไห้แบบจะเป็นจะตายหรืออาละวาดใส่คนรอบข้าง คุณโกหกบ่อยขึ้น โดยเฉพาะกับพ่อแม่
คุณปลีกตัวออกจากลุ่มเพื่อน เพราะคิดว่ามีเขาก็พอแล้ว
คะแนนตกลง ตั้งแต่คบกับเขา
เงินไม่พอใช้เพราะเอาไปเที่ยวกับเขาหมด
รักแล้วจำเป็นต้องมีเรื่องใคร่ๆหรือเปล่า
จำไว้ว่า คำว่า รัก กับคำว่า เซ็กซ์ สะกดคนละแบบ และแน่นอนว่าคนละความหมาย ถึงแม้ว่าจะใช้อักษรบางตัวร่วมกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด นั่นหมายความว่า ความรักไม่ได้หมายความถึงเซ็กซ์ หรือ ความใคร่เสมอไป ยิ่งเป็นความรักแบบปั๊บปี้เลิฟแล้วด้วย เด็กๆอย่างน้องๆยิ่งจำเป็นต้องแยกสองคำนี้ออกจากกันให้ห่างๆที่สุด คนรักกันอยู่ใกล้กันก็ย่อมมีการลองใจกันบ้าง แต่ก็ไม่ยากเกินจะห้ามตัวห้ามหัวใจนะคะน้อง ท่องเอาไว้ว่า ในชีวิตนี้เรามีแต่จะโตขึ้นไปเรื่อยๆทุกวันๆ โอกาสที่เราจะย้อนกลับมาหาความรักแบบใสๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากความรู้สึกดีๆให้กันแบบนี้มันไม่มีอีกแล้ว นะคะ ถ้าน้องก้าวไปยืนตรงจุดนั้น เอาคำว่ารักกับเซ็กซ์มารวมกันเรียบร้อยแล้ว น้องจะถอยมาตรงจุดนี้ได้ยาก เพราะโลกสีชมพูของน้องมันจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้เรียนรู้อะไรๆมากขึ้น เก็บช่วงเวลาดีๆแบบนี้เอาไว้ดีกว่าค่ะ เพราะโอกาสที่เราจะไปพบปั๊บปี้เลิฟในวัยโตๆมันยิ่งยากขึ้น เก็บความทรงจำดีๆของความรักแบบใสๆเอาไว้คิดถึงเมื่อเราโตขึ้น น้องจะเข้าใจเองค่ะว่า รักแบบนี้มันทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย
ความรักทำให้โลกสดใสและน่าอยู่ขึ้นเสมอถ้ามันอยู่คู่กับความพอดีนะคะน้องๆ เราจะรักใครก็ได้ แต่เราต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเอง รักพ่อแม่และคนรอบข้างด้วย แล้วทุกอย่างๆก็จะไปได้สวยอย่างแน่นอนค่ะ เชื่อพี่สิคะ
