ธรรมเนียมนิยมของการแต่งโคลงนิราศนั้น กวีจะต้องเริ่มต้นด้วยร่ายนำ 1 บท ต่อจากนั้นจะเป็นโคลงพรรณนาถึงความรุ่งเรืองของพระนครหลวง เมื่อพรรณนาถึงความรุ่งเรืองของพระนครหลวงแล้ว จะเป็นการกล่าวฝากนาง ซึ่งนิยมเขียนทำนองเดียวกันหมด คือ กวีพยายามจะฝากนางไว้กับเทพเจ้าผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ แต่ก็ไม่ไว้ใจเทพเจ้าเหล่านั้น เพราะนางมีความงามมาก ในที่สุดก็ฝากนางไว้กับใจของนางเอง
โคลงนินาศนรินทร์ก็ดำเนินตามธรรมเนียมนิยมนี้เช่นกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ศรีสิทธิพิศาลภพ เลอหล้าล่มสวรรค์ จรรโลงโลกกว่ากว้าง แผนแผ่นผ้างเมืองเมรุ ศรีอยุธเยนทร์แย้มฟ้า แจกแสงจ้าเจิดจันทร์ เพียงรพิพรรณผ่องด้าว ขุนหาญห้าวแหนบาท สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน ส่ายเศิกเสี้ยนลงหล้า ราญราบหน้าเภรินเข็ญข่าวยินยอบตัว คอบค้อมหัวไหว้ละล้าว ทุกไทน้าวมาลย์น้อม ขอออกอ้อมมาอ่อนผ่อนแผ่นดินให้ผาย ขยายแผ่นฟ้าให้แผ้ว เลี้ยงทแกล้วให้กล้า พระยศไท้เทอดฟ้า เฟื่องฟุ้งทศธรรม ท่านแฮ
ในส่วนที่เป็นบทชมพระนคร กวีผู้นี้ได้วาดภาพกรุงเทพมหานครไว้ชัดเจนมองเห็นความรุ่งเรืองและรู้สึกได้ถึงความงามและความสงบด้ยรสพระธรรมราวกับเป็นเมืองสวรรค์
อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
สิงหาสน์ปรางรัตน์บรร- เจิดหล้า
บุญเพรางพระหากสวรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมือง
เรืองเรืองไตรรัตน์พ้น พันแส
รินรสพระธรรมแสดง ค่ำเช้า
เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด
ยลยิ่งแสงแก้วเก้า แก่นหล้าหลากสวรรค์
โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ไพหาร
ธรรมาสน์ศาลาลาน พระแผ้ว
หอไตรระฆังขาน ภายค่ำ
ไขประทีปโคมแก้ว ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์