บันทึกเรื่องผี โดย โก๋กรุงเก่า...

ตอน... ผีต่างดาว...

          มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือ?

          แค่จั่วหัวอย่างนี้หลายท่านคงจะเอาล่ะซินายโก๋จะเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว มนุษย์ต่างดาวจัดเป็นผีประเภทหนึ่งได้เหมือนกัน อาจารย์ที่ผมรู้จัก คือป๋าเจดีย์ทอง ซึ่งเป็นนักเขียนที่ผมเคารพท่านมากจะว่าไปท่านก็อาจจะเป็นอาจารย์ทางด้านงานเขียนเรื่องของผมก็ว่าได้ หลายสิ่งหลายอย่างท่านได้กรุณาอนุเคราะห์แนะนำชี้หนทางจนผมเริ่มมีงานเขียน ที่สำคัญอาจจะเป็นเพราะท่านเป็นนักเขียนเรื่องผีที่มีประสบการณ์มากมาย จนเป็นที่กล่าวขวัญเกรียวกราว นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ก็หลาย เรื่องที่โด่งดังสุด ๆ ก็เรื่อง ผีกระสือ ซึ่งได้แพร่ภาพออกอากาศทางโทรทัศน์หลายครั้ง หลายคราว อ้าวแล้วท่านมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่ผมกำลังจะเล่าด้วยละ... เกี่ยวแน่นอนครับ..! ก็เพราะท่านเป็นคนบอกกับผมเองว่า

          "นี่คุณโก๋ มนุษย์ต่างดาวนี่มีจริง ๆ นะ โดยเฉพาะจานบินหรือจานผีอะไรนี่ที่ฝรั่งเขาเรียกกัน ผมเห็นมากับตา พูดแล้วนี่ขนลุกเลย"

          "อ้าวหรือครับ ที่ไหนครับป๋า" ผมเริ่มเข้าประเด็น

          "ก็สมัยผมเป็นนักเขียนใหม่ ๆ ตอนนั้นเริ่มเขียนเรื่องกระสือบ้างแล้ว พอดีผมย้ายไปอยู่นครสวรรค์ ไปปลูกกระท่อมทำไร่ทำสวนอยู่ที่นั่น และก็เริ่มเขียนงานแต่งเรื่องผีไปด้วย มีอยู่วันหนึ่ง ผมกับคุณยายผมไปทำไร่ที่ท้ายทุ่ง เวลาก็เย็นใกล้ค่ำแล้ว ฉับพลันผมก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเพราะสิ่งที่ผมเห็นเหนือหัวของกระผมและกำลังแล่นผ่านไปนั้น มันไม่ใช่วัตถุธรรมดา อะไรกันนั่น...... พระเจ้าช่วย...... ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ถูก เพราะสิ่งที่ผมเห็นมันเป็นภาพจานบินขนาดใหญ่กำลังบินผ่านหัวเราไปอย่างรวดเร็ว แสงสว่างจากภายในยานทำให้ผมเห็นเจ้าวัตถุประหลาดนั้นอย่างชัดเจน หลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ ยายๆๆๆ ยายเห็นหรือเปล่า...?"

          "ก็เห็นเหมือนอย่างที่แกเห็นนั่นแหละ แกอย่างไปทักเชียวนะ โบราณเขาถือกัน" คุณยายป๋าบอกด้วยอาการตกใจเช่นกัน

          "ตอนนั้นป๋าก็ขบคิดอยู่นานเพราะสิ่งที่เราเห็นนี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ๆถ้ามีจานบินผีจริง เอ...ยังงี้ก็ต้องมีมนุษย์ต่างดาวด้วยซิ เพราะจานบินคงไม่สามารถบินไป ได้โดยไม่มีใครบังคับ อ้าวแล้วใครกันละที่ขับจานบิน เอาล่ะซิ เป็นเรื่องแล้ว ตั้งแต่นั้นมาป๋าก็เลยติดตามและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ และยังเชื่อเหมือนเดิมว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง ส่วนจานบินผีนั้นเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีแน่นอน ก็เห็นมากับตาตนเองที่จังหวัดนครสวรรค์" ป๋าเล่ายาวอย่างออกรสออกชาติทำให้ผมอดไม่ได้เพราะปากมันคันขึ้นมาเพราะผมก็คนหนึ่งล่ะที่ติดตามและศึกษาเรื่องนี้มาพอสมควร ประการสำคัญไอ้เจ้าวัตถุบนท้องฟ้ามีหรือผมจะไม่เคยเห็น แต่ตอนนี้ให้ท่านอาจารย์ใหญ่เล่าก่อน แล้วตาลูกศิษย์ก็มาถึง...

          ตอนบ่ายประมาณ ปี พ.ศ.2525 ณ โรงเรียนบ้านคูเมือง ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้บ้านที่ผมเรียนอยู่

          "เฮ้ย.. ไอ้โก๋วันนี้พอก่อนโว้ยบ่ายแล้ว กูต้องกลับไปทำการบ้านก่อน กูยังไม่ได้ทำ เลยวะ เดี๋ยวไม่เสร็จโดนครูตีแน่" ไอ้ขอเพื่อนแท้ บ้านอยู่ติดกับโรงเรียน

          "เออไว้อาทิตย์หน้ามาเล่นกันใหม่" ผมพูดไปพร้อมกับส่งไม้ตีลูกปิงปองไปด้วย

          ปกติทุกวันเสาร์อาทิตย์ผมมักจะมาเล่นสนุกกับเพื่อนที่โรงเรียน เรามักจะหาเรื่องมาเล่นกันอยู่เสมอ ๆ เช่น กีฬายอดฮิตในวันนี้ก็คือ ตีปิงปอง ...ไอ้ขอ...ฉายานี้ไม่ใช่จะมีใครตั้งให้ หากแต่เพราะร่างกายของเพื่อนผมคนนี้มีส่วนหัวงองุ้มไปด้านท้ายทอยของศรีษะทำให้ดูคล้ายตะขอ จึงมีชื่อเล่นว่า ...ไอ้ขอ... โดยทั่ว ๆ ไปเพื่อนผมคนนี้เป็นคนดีมาก เกิดมายากจนเหมือนกัน แต่มีพรสวรรค์ด้านการตีปิงปอง ด้วยฝีมืออันเยี่ยมยอด ทำให้มันกลาย เป็นแชมป์ปิงปองนักเรียน ในเขตอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยมันเพิ่งจะชนะการแข่งขันเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมสร้างชื่อเสียงและเกียรติยศให้การโรงเรียน ผมเองยังแอบอิจฉาเจ้าเพื่อนคนนี้ ด้วยฝีมืออันจัดจ้านหาตัวจับได้ยาก ผสมผสานกับสมองที่ว่องไวผิดมนุษย์มะนาที่จะทำได้ มันจึงเป็นยอดเซียนหรือโคตรเซียนตีปิงปองที่ ผมต้องให้ความยอมรับและยำเกรงเสมอมา เอาเป็นว่าเจ้าเพื่อนผมคนนี้ ทำให้ผมอดนึกถึงมันไม่ได้และยังคงจดจำเพื่อนคนนี้ไว้ในสมองอยู่เสมอ หลังจากผมจบการศึกษาและจำเป็นต้องเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพ ทราบภายหลังว่าเพื่อของผมได้จากผมไปแล้วด้วยอุบัติเหตุ รถมอเตอร์ไซ เฮ้อ..ผมสะท้อนใจในวิถีชีวิตเด็กบ้านนอกอย่างพวกเราจริง ๆ คนเรานี้เกิดมาไม่มีอะไรแน่นอน จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ไปสู่สุขคติเถิดเพื่อน

          การเล่นปิงปองในวันนี้ทำให้ผมสุดแสนจะเบื่อหน่ายกับฝีมือผมเสียเหลือเกิน หรือว่าฝีมือผมจะตกไป อาจจะเป็นเพราะเพื่อนผมเก่งขึ้นมากก็เป็นได้ เพราะก่อนจะได้แชมป์เพื่อนผมคงจะต้องฝึกหนักมากๆ การได้แชมป์นั้นคงจะได้ประสบการณ์ จากคู่ต่อสู้มาก ทำให้ฝีมือยิ่งพัฒนาและเก่งขึ้น หลังจากเล่นมาได้เกือบครึ่งวัน ผมก็เดินทางกลับบ้าน โดยเลือกเส้นทางที่ผมคุ้นเคย คือบริเวณข้างบ้านของลุงสุกกับป้าเรียบสองสามีภรรยาที่มีบ้าน ติดกับโรงเรียน ลุงสุกแกชอบตีไก่มาก มักจะเห็นแกอุ้มไก่ไปตีเสมอแกมีฝีมือในการเลี้ยงไก่ชนและสานกรงไก่ขาย ปัจจุบันนี้ผมก็ยังคงเห็นลุงสุกตีไก่อยู่เหมือนเดิมสำหรับป้าเรียบได้ข่าวว่าป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่ ครอบครัวนี้มีบุญคุณกับผมมากเพราะตอนผมเข้างานที่การสื่อสารแห่งประเทศไทย ก็ได้ลูกสาวแกไปช่วยค้ำประกันเข้างานให้สำหรับลูกชาวนาอย่างผม ถือเป็นความโชคดีอย่างยิ่งซึ่งน้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสจบการศึกษาสูงขั้นปริญญาและทำงานที่มีเกียรติ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจให้แก่คนในหมู่บ้านของเรา

          การตีปิงปองวันนี้สรุปผลเป็นว่าผมเล่นแพ้เพื่อนไปแล้ว หลายสิบเกมส์ บางทีเพื่อนผมอาจจะเบื่อก็เป็นได้ที่เล่นกับผม ซึ่งมีฝีมือโคตรบรมห่วยแตกสุดๆ เลยหาเหตุกลับบ้านไปนอนเล่นดีกว่า เมื่อเก็บอุปกรณ์เข้าที่เก็บเรียบร้อย ผมก็เดินกลับผ่านป่าละเมาะย่อม ๆใกล้บ้านลุงสุก ขณะที่กำลังเดินเพลิน ๆ ส่วนใจก็คิดไปว่าทำไมวันนี้ฝีมือของผมถึงแย่ขนาดนี้ แม้แต่เกมส์เดียวก็ไม่เคยชนะเพื่อนผมได้เลย ทั้งที่บางทีผมก็รู้ว่าเพื่อนได้ออมมือให้ผม อะไรมันจะแย่ขนาดนั้น อย่างนี้เขาเรียกว่าหุ่นไม่ให้แต่ใจรักครับ สงสัยต้องเลิกเล่นปิงปองกระมั้งนี่ แล้วไปเล่นหมากเก็บกับสาว ๆ แถวหมู่บ้านจะดีกว่า ขณะที่ผมคิดเพลิน ๆอยู่นั้นผมก็รู้สึกผิดปกติยังไงชอบกลเหมือนกับว่ามีใครกำลังแอบจ้องมองผมอยู่ ผมเหลียวหลังกับไปมอง ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติ ผมจึงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป และพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหน่อย เพราะไม่ค่อยสบายใจเรื่องความพ่ายแพ้อย่างยับเยินนั่นเองแต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งและเฉลียวใจอย่างสุดตัว

          "เฮ้ย.................." ผมอุทานอย่างตกใจ ผมลืมนึกไปถึงสิ่งที่ผมหันกลับไปดู เพราะผมดูและให้ความสนใจต่อภาพเบื้องล่างเท่านั้น สิ่งที่ผมจำติดตายังคงอยู่ในความคิดของผม ...ด้านข้างบน...คุณพระช่วย... วัตถุประหลาดที่ด้านบน บนท้องฟ้า โดยไม่รอช้า ผมรีบหันกลับไปดูเจ้าสิ่งนั้นอีกครั้ง เป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ภาพที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเวลานี้ มันไม่ใช่นก ไม่ใช่กาที่ไหน หากแต่มันเป็นภาพวัตถุที่บอนเงินรูปทรงกลมมน สะท้อนแสงเห็นได้แต่ไกลขณะนี้มันกำลังแล่นใกล้เข้ามา ๆๆ ผมตกตะลึงจนตาค้าง อาาาาา.........เฮ้ยมันอะไรกันวะนี่ วัตถุกลมโตได้วิ่งเข้ามาใกล้ผมเข้าไปทุกขณะ และกำลังขยายใหญ่ขึ้นๆๆๆ เนื่องจากมันแล่นใกล้เข้ามา ๆๆๆ เรื่อย ๆ ได้ตายแล้วแน่เรา มันต้องชนเราแน่ วิ่ง ๆๆๆ ผมคิดในใจ ผมรีบกลับหลังหันใส่เกียร์หมาทันทีทันควัน วิ่ง ๆๆๆๆ มีกำลังเท่าไหร่ผมใส่เต็มที่ไม่มีหลงเหลือโดยมีเจ้าจานผีบินจี้ไล่หลังมาติด ๆ เสียงเครื่องยนต์จานผีก้องคำรามตัดผ่านอากาศทำให้หูผมอื้ออึงไปหมด เสียงของมันสะท้านก้องป่าจนแสบแก้วหูไปหมด ผมหยุดวิ่งอย่างกระทันหันเพราะทนเสียงของจานผีไม่ไหว ผมหันหลังกลับไปดูจานผีอีกครั้ง บัดนี้มันได้อยู่เกือบจะชนผมเสียแล้ว ตายแน่นอนชัวร์อย่างไงก็หนีไม่พ้นแน่ๆ แต่เอ๊ะ...... ผมมองผ่านไปที่ด้านหน้าของยานประหลาดนั่นผ่านกระจก อ้าวนั่น ใบหน้านั้น นั่นมันไอ้ขอ เพื่อนเรานี่หว่า ไอ้เวร... แม่งเล่นปิงปองชนะผมแล้วยังเสือกขับยานอวกาศไล่ชนผมอีก และแล้วท้ายสุดที่ผมจะหลบหลีกพ้นจานผีก็ได้พุ่งเข้าชนผมอย่างจังความคิดของผมดับวูบทันที

          "เฮ้ย.... ไอ้โก๋...ตื่น ๆๆๆๆ" เสียงเรียกผมดังขึ้นมาแทนที่ ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกับรู้สึกงง ๆ และเจ็บที่เบ้าตาอย่างรุนแรง

          "เฮ้ย....เป็นไงบ้างวะ ขอโทษวะ ไม่เจตนา"

          "อะไรกันวะนี่" ผมถามไอ้ขอทันที ทั้งที่ยังมึน ๆ และงง ๆ

          "ก็กูตบลูกปิงปองให้มันลงโต๊ะ แต่มันไม่ยอมลงโต๊ะ มันเลยไปโดนเบ้าตามึงแทนวะ" เพื่อนผมสาธยายรายละเอียด

          "โอ้โฮ... ลูกกะตาซ้ายมึงบวมเป่งเขียวอึ๋งแล้ว ฮะ ๆๆๆๆๆ" อารมณ์ขันของเพื่อน เหลือขอ

          "อูย ๆๆๆ แม่งเจ็บฉิบหายเลย มึงเล่นยังไงของมึงวะ แม่งตากูบอดรึเปล่าวะนี่" ผมเริ่มโอดครวญ

          เย็นวันนั้นผมอิดออดอยู่ที่โรงเรียนจนเย็น เพราะขี้เกียจกลับบ้าน กลัวแม่จะซักไซ้ ไต่ถามให้ยืดยาว ผมจึงโอ้เอ้อยู่ที่โรงเรียนจนเย็น เมื่อกลับไปถึงบ้าน พอแม่เห็นหน้าผมก็ถามผมทันทีว่า

          "อ้าว...ลูก.....เอาตาไปชนอะไรมาล่ะนั่น"

          "โดนจานบินชนมาน่ะแม่" ผมตอบแบบประชดประชันความซวยของผม

          แม่ผมทำหน้าแบบฉงน และพูดกับผมเป็นคำสุดท้ายของเย็นวันนั่นว่า

          "ไอ้บ้า......................."

สวัสดี

โก๋กรุงเก่า

|| ผีต่างดาว || คืนนี้ผีดุ || ผีต้นมะม่วง || ผีต้นหว้า || ผีทะเล || ผีไร้ญาติ || ผีอีกา ||
|| วิญญาณเมืองโบราณ || วิญญาณเมืองลับแล || ผีโรงหนัง || ผีโรงแรม ||
|| ผีเที่ยงคืน || ผีเจ้าเล่ห์ || ผีบ้านผีเรือน || ผีคุ้งน้ำ || ผีบ้านร้าง || ผียาบ้า ||