ดึกสะงัดของคืนหนึ่ง
ขณะที่ผมกำลังขับมอเตอร์ไซคู่ชีพผ่านความมืด
แสงไฟหน้ารถตัดผ่านความมืดสนิทเป็นทางยาว
สองข้างทางเงียบสงบ
มีแต่เสียงของเครื่องยนต์ญี่ปุ่นคำราม
ตามท้องทุ่งนาในชนบทยามค่ำคืนมักจะไม่ค่อยมียวดยานผ่านไปมามากนัก
ราตรีนี้จึงมีเพียงผมและเจ้ามอเตอร์ไซคันโปรดห้อตะบึงไปด้วยกัน
ลมเย็นๆ
ปะทะหน้าของผมทำให้รู้สึกสดชื่นบ้าง
อดนึกถึงความหลังสมัยเป็นวัยรุ่นไม่ได้
เพื่อนฝูงมากมายต่างแยกย้ายกัน
ไปด้วยอาชีพการงาน
สมชายเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกับผม
สนิทและรักกันมาก
ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
โดยเฉพาะงานวัดเป็นได้นัดกันไปเที่ยวด้วยกันทุกงาน
สมชายเป็นเพื่อนที่ชอบสนุก
พูดจาไม่ค่อยระมัดระวัง
หลังจากเที่ยวงานวัด
เสร็จของค่ำคืนหนึ่ง
ผมกับสมชายก็เดินทางกลับบ้านด้วยเจ้ามอเตอร์ไซของผม
ระหว่างทางที่เรากำลังห้อเจ้า
มอเตอร์ไซด์อยู่นั้น
เพื่อนเจ้ากรรมดันปวดฉี่
"เฮ้ยจอดโว้ย
แม่งปวดฉี่ฉิบหาย
."
สมชายตะโกนบอกด้วยเสียงดัง
"เออๆๆๆ
โค้งหน้านี่แหละเดี๋ยวกูจอดให้มึงฉี่ให้เต็มที่เลย"
หลังจากจอดมอเตอร์ไซเรียบร้อย
เจ้าเพื่อนตัวแสบไม่รอช้า
พอลงจากรถได้ก็เดินดุ่ม ๆ
หายไปหลังพุ่มไม้ใหญ่สักครู่ก็ออกมา
พร้อมตะโกนเสียงดัง
"เฮ้ย
ไอ้โก๋
เมื่อกี้มึงได้ยินเสียงอะไรมั๊ยวะ
"
"
เสียงอะไรของมึงวะไอ้ชาย
"
ผมถามด้วยใจหวั่นหวิว ๆ ชอบกล
"ก็เสียงท่อปะปาแตกไง
.เกือบแย่เลยวะแม่งปวดฉิบหาย
"
"เออเสร็จแล้วก็รีบมา
กูง่วงจะตายห่าแล้ว"
หลายวันถัดมา
ผมนึกสงสัยว่าทำไมหมู่นี่ไม่ค่อยเห็นไอ้ชายเพื่อนซี้ผมออกไปไหนมาไหนก็ให้นึกสงสัย
มันอาจจะเป็นความผิดปกติของมันก็ได้
เพราะผมจะเห็นเพื่อนผมคนนี้ไปแซว
สาว ๆ แถวท้ายหมู่บ้านเสมอ จึงขับ
มอเตอร์ไซไปหาสมชายที่บ้าน
"เฮ้ย
ไอ้ชายโว้ย อยู่รึเปล่าวะ
"
ผมตะโกนเรียกเพื่อนซี้
แล้วก็ถือวิสาสะก้าวขึ้นบันไดไปพร้อมกัน
"อ้าวอยู่นี่หว่า
ไอ้ห่าแล้วเสือกไม่ตอบกูมั่ง
แม่งเป็นอะไรว่ะ นอนซมเลยนะมึง"
"เออ
ว่ะ
กูไม่สบายตั้งแต่ไปเที่ยวงานวัดกับมึงคราวนั้นแหละ"
"อ้าวแล้วมึงเป็นห่าอะไรวะ"
"ไอ้จู๋กูนะซีไม่รู้เป็นอะไร
แม่งบวมเป่งเลย
เวลาฉี่แม่งใจแทบขาดให้ได้"
"อ้าว
แล้วมึงไม่ไปหาหมอล่ะวะ"
ผมถามด้วยความเป็นห่วง
"กูมาคิด
ๆ ดูแล้ว
สงสัยกูจะโดนเจ้าที่เล่นงานแล้วล่ะ"
"เจ้าที่ที่ไหนของมึงวะ
กูว่ามึงไปหาหมอก่อนดีกว่า
เดี๋ยวสูญพันธุ์นะมึง..."
"กูมั่นใจวะ
ตอนกูไปฉี่ กูไม่ได้ขอเขา
เห็นมีศาลเก่า ๆ
อยู่ข้างต้นไม้มะม่วงใหญ่กูก็เสือกปากไม่ดีไปแซวเขาเข้าให้ว่า
เจ้าแม่ต้นมะม่วง แน่จริง
อย่าติ้งนั้ง ติ้งนั้ง
เพลงมันกำลังดังว่ะ ฮ่ะ ๆๆๆๆ"
ไอ้สมชายมันเล่าพร้อมหัวเราะแบบเสียไม่ได้
"ก็ปากมึงเป็นแบบนี้
นี่หว่า มึงถึงได้เจอดีอย่างนี้
แล้วมึงจะเอายังไงวะ"
"มึงช่วยกูหน่อยได้ไหมวะ
ไปขอขมาให้กูที
กูเดินไม่ไหวแล้ววะจะแย่"
"เฮ้ย
ไอ้บ้า เรื่องผี ๆ
กูไม่เอาด้วยหรอก มึงทำเอง
มึงก็ไปเองเถอะ"
วันรุ่งขึ้นผมขับรถไปรับเพื่อนที่บ้าน
หลังจากเตรียมของขอขมาเรียบร้อยแล้ว
ก็ขับรถไปยังที่ศาลเก่า ๆ
ซึ่งถูกสร้างไว้ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ดูร่มรื่น
"สงสัยมึงโดนเจ้าที่ต้นมะม่วงเล่นงานแหง
ๆ"
"เฮี้ยนจริง
ๆ ว่ะ เจ้าที่ต้นมะม่วง"
หลังจากขอขมาเสร็จกลับมาพักได้อาทิตย์หนึ่งเจ้าเพื่อนเจ้ากรรมมันก็ยังไม่หาย
จากโรคจู๋ระทมสร้างความเวียนหัวให้กับผมเป็นอย่างมาก
ว่าท่านเจ้าที่เขาจะมาไม้ไหนอีก
"ทำไมมึงยังไม่หายสักทีวะ
ก็ไปขอขมาแล้วนี่หว่า"
"กูว่าเจ้าที่เขายังไม่หายโกรธกูแน่เลยว่ะ"
ไอ้สมชายพูดแล้วทำตาเศร้า ๆ
คล้ายจะร้องไห้
"กูชักไม่แน่ใจแล้วว่ะ
ไป
กูพามึงไปหาหมอก่อนดีกว่า
ขืนปล่อยไปนานมึงจะแย่เอา"
"ชัดเลยนี่
คุณสมชาย นี่มันฝีมะม่วงชัด ๆ
แค่เห็นก็..ใช่เลย
..คือเธอนี่เอง..ฝีมะม่วงล้านเปอร์เซ็นต์
ไม่ใช่ผีเจ้าที่ต้นมะม่วงหรอก"
หมอยอดชายบอกกับเพื่อนผม
เสียงดัง
"ไปได้มาจากไหนกันล่ะนี่
โอ้โห ปล่อยสะสุกงอมเชียวนะนี่
."
หมอยอดชายเน้นอีก
"เอ่อ
หรือครับ"
ไอ้สมชายเพื่อนผมตอบเสียงอ่อยๆ
"ไอ้สมชาย
ไอ้หอกเสือกมาโกหกกูว่าโดนผีเจ้าที่ต้นมะม่วงเล่นงาน
ที่แท้มึงไปล่ออีตัวมานี่เอง"
ผมจัดการเอาคืนทันที
หลังจากก่อนหน้านี้ได้เล่ารายละเอียดให้หมอยอดชายฟัง
จนทั้งหมอทั้งเพื่อนคนไข้หลงเชื่อ
ว่าไอ้สมชายโดนผีเจ้าที่ต้นมะม่วงเล่นงาน
แต่ที่ไหนได้กลับเป็นฝีมะม่วงแทน
"ไอ้เพื่อนเฮงซวย
งั้นมึงกลับบ้านเองล่ะกัน
ไอ้ห่าไปเที่ยวเสือกไม่ชวนกูมั่ง"
ผมหันกลับโดนไม่หันกลับไปมองไอ้สมชายอีก
พอกันทีสำหรับไอ้สมชาย
เพื่อนแท้ที่น่ากระทืบ
ค่ำคืนนี้อดนึกถึงไอ้สมชายไม่ได้
แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้ว
ปัจจุบันไอ้สมชายก็แต่งงานมีลูกเมียไปอยู่โคราช
ส่วนผมนายโก๋กำลังนั่งควบมอเตอร์ไซกำลังจะกลับบ้าน
โค้งหน้านี่แล้วซินะต้นมะม่วงใหญ่ที่ไอ้สมชายมันบอกว่ามันโดนเจ้าที่เล่นงาน
ไอ้สมชายกับผีต้นมะม่วง
เอไม่ใช่ซิครับ
ฝีมะม่วงของไอ้สมชายต่างหาก ฮ่า
ๆๆๆๆๆๆๆ
..
สวัสดี
โก๋กรุงเก่า |