4.
เมื่อต้องทำงานนี้ก็ต้องทำอย่างมีความสุข
เคยถามผู้เข้าอบรมว่า
"ท่านทำงาน
นี่เคยรู้สึกเบื่อไหม"
คำตอบส่วนใหญ่บอกว่ามี
หรือมีบ่อย
เมื่อถามสาเหตุของการเบื่อก็ได้รับ
คำตอบออกมามากมายแบบไม่น่าเชื่อ
(แต่ก็ต้องเชื่อนั่นแหละ)
คือมีสาเหตุเยอะจริงๆที่ทำให้
การทำงานน่าเบื่อ
ก็เลยถามต่อไปว่า
"ถ้าอย่างนั้นลาออกจากงานเสียดีไหม"
ปรากฏว่าไม่มี
ใครจะลาออก
ทำไมละ
ทำไมไม่ลาออกละในเมื่อมีสาเหตุให้เกิดความเซ็งมากมายอย่างนี้
ก็
อีกแหละ
มีเหตุผลอีกมากมายที่ลาออกไม่ได้
หรือไม่อยากลาออก
สรุปว่าอยู่ต่อใช่ไหม
ในเมื่อตระหนักว่าต้องอยู่ต่อ
ก็แปลว่าเรามีอยู่
2
ทางเลือกคืออยู่อย่างเซ็งๆหรืออยู่อย่าง(พอจะ)
มีความสุขเสียเลย
5.
ทำงานอย่างมีความสุขเพื่อใคร
เมื่อก่อนเวลาจะอบรมว่าจงทำงานอย่างยิ้มแย้ม
แจ่มใสเพื่อบริษัทของเรานะ
ทุกคนรู้สึกว่าฟังได้
และยังมีใจที่จะยิ้มเพื่อบริษัท
แต่ปัจจุบันคง
มีสาเหตุที่อธิบายได้
(ไว้พูดกันวันหลัง)
ว่าถ้าบอกว่าจงยิ้มเพื่อบริษัทนะ
เห็นทีจะยาก
ยิ่งเป็น
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆละก้อ
จะได้รับคำตอบมาว่า
"มัวแต่ยิ้มซี
เดี๋ยวให้เงินลูกค้า
เกินไป
แล้วใครจะจ่ายละ"
หรือได้รับคำตอบว่า
"ยิ้มมากนักหรือ
ก็ทำงานหนักคนเดียว
เพราะ
ลูกค้าเห็นว่าเราใจดีก็เลยแห่กันมาที่เคาเตอร์เรา"เป็นอย่างนั้นไป
ด้วยปัจจัยหลายอย่าง
รวม
ทั้งการบริหารงานภายในของบางหน่วยงาน
ทำให้คนไม่อยากยิ้ม
ทำงานสักแต่ให้ผ่านไปวันๆ
พอเดินออกจากบริษัทในตอนเย็น
ก็อุทานด้วยความลิงโลดใจว่า
"เอ้อ..ผ่านไปอีกวัน"
ใน
สภาพการณ์เช่นนี้คงต้องบอกให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า
"ยิ้มเข้าไว้นะ
จะได้ไม่แก่เร็ว
หน้าตา
จะไม่เหี่ยวหย่น
ท้องจะไม่อืด..."
แปลว่าสอนให้ยิ้มเพื่อตนเอง
ให้ทำงานอย่างมีความสุขเพื่อ
ตนเอง
สอนอย่างนี้ฟังขึ้น
และน่าจะทำ
เพราะทำเพื่อตนเอง
แต่จะเห็นได้ว่าขณะที่ยิ้มแย้ม
เพื่อให้ตนเองมีความสุขระหว่างทำงานนั้น
บริษัทก็ได้ประโยชน์ไปด้วย..