View Web site : 800x600
Text Size : Larger (Font Cordia new)

 

 

 

 

 

 

 

 

 



16.พนักงานในสำนักงาน(เรียนรู้ไปทีละน้อย แต่สิ่งที่ต้องเรียนรู้มีมาก)

ข้อเขียนใน Menu นี้ กลุ่มเป้าหมายคือพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสำนักงาน ผมจะทยอยเอาข้อคิดหลักการต่างๆของหลักสูตรในระดับนี้มาใส่ไว้ (เดิมตั้งใจจะผู้บริหารอ่าน จึงแนะนำหนังสือบ้าง หรือ เนื้อหาจาก Web site บ้าง)

กิระดังได้ยินมา.......

  • คุณมาอยู่บริษัทนี้คุณว่าบริษัทโชคดีไหม บางคนยื่นใบลาออกให้นาย ปรากฏว่านายล้อคคอเลย "ไม่ให้ออก-อยู่ช่วยกันก่อน" แต่บางคนนั่งพิมพ์ใบลาออกยังไม่เสร็จ นายมายืนรอเลย "จะให้เซ็นก่อนไหม"
  • วิธีการทำงานให้ผู้บังคับพอใจ นั้นต้องทำให้ดีกว่าที่หัวหน้าสั่งสักนิ้ด.....หนึ่งให้ได้ เช่นสั่งให้ติดต่อโรงแรมเพื่อเลี้ยงแขกของบริษัท "นี่คุณโฉมฉาย...ติดต่อโรงแรม....ทีว่าเราจะเลี้ยงแขกจำนวน 30 คน อาหารเที่ยง ห้องอาหารจีน เขาจะคิดเท่าไหร่" และเราจะเอาห้อง.....เขาว่างหรือไม่" พร้อมบอกวันที่ที่จะไปให้
    คุณต้องไม่ตอบแค่ว่า "ว่างหรือไม่ว่าง" หรือ "ราคาเท่าไหร่" แต่จะต้องตอบว่า "ห้องที่เราต้องการไม่ว่างค่ะ แต่เขามีห้องอื่น ถ้าเราจะอาห้องอื่น เขาจะคิดราคาต่อหัวอย่างนี้ค่ะ" แล้วหนูสอบถามไปอีก 3 โรงแรม
    ในระดับเดียวกันคือ.....นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับห้องจัดเลี้ยง ราคา รายการอาหาร.....ค่ะ" หัวหน้าจะรู้สึกทึ่ง และสามารถเอาข้อมูลต่างๆมาตัดสินใจได้เลย

    "คนที่ทึกทักว่าตัวเองเข้าท่า ก็มักทำสิ่งที่เข้าท่า มันก็เลยเข้าท่า / คนที่ทึกทักว่าตัวเองไม่เข้าท่าก็มักทำสิ่งที่ไม่เข้าท่า มันก็เลยไม่เข้าท่า" แล้วคุณละ.....?


ข้อคิดเพื่อการทำงานอย่างมีความสุข

ถึงทำงานแบบเซ็งๆ ก็ได้เงินหรือทำงานอย่างมีความสุขก็ได้เงินและได้ความสุขด้วย
ข้อคิด(บางส่วน)ที่จะให้คุณคิดแล้วจะรู้สึกว่าการทำงานน่าจะมีความสุขมากขึ้นได้


ข้อคิดเพื่อการทำงานอย่างมีความสุข

  • หาจุดสนุกของงานที่ทำและบอกตัวเอง/พูดถึงจุดนั้นบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ
  • ทำตัวเองให้พอใจอะไรได้ง่ายๆอย่าให้ต้องเข็ญตัวเองมากนัก เรื่องเล็กน้อยอย่าเก็บมาใส่ใจ
  • ยอมรับในความแตกต่างของบุคคล อย่าถือความแตกต่างเป็นข้อขัดแย้งที่ทำให้เกิดความขุ่นเคือง
  • อย่าให้คำพูดตัวเองทำร้ายตัวเอง อย่าพูดในเชิงลบเกี่ยวกับตัวเอง
  • ยอมรับว่าคนอื่นไม่ได้เกิดมาเพื่อเราคนเดียว YOU ARE YOU, YOU WERE NOT BORN FOR MY EXPECTATION, AND I AM I,  I WAS NOT BORN FOR YOUR EXPECTATION EITHER, BUT IF BY CHANCE WE MEET,..... IT'S BEAUTIFUL.
  • มองคนแง่ดี คนเราจะทำอะไรย่อมมีสาเหตุและอธิบายได้ เสมอ "รักกับคนทั้งโลกถูกโฉลกหรือไม่ยิ้มใส่ก่อน"
  • ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

    มีประเด็นที่ต้องอธิบายเพิ่มเติมมากมาย มีตัวออย่าง มีเรื่องเล่าประกอบ แต่เมื่อเราทำไม่ได้ ขอให้ทุกคนลองคิดต่อกันดูนะครับว่า แต่ละข้อหมายความว่าอย่างไร.....

ทำไมไม่ทำงานอย่างมีความสุขเสียเลยละ

"ทำไมต้องทำตัวให้สนุกกับงานที่ทำ"
จากความเป็นจริงว่าคนเราต้องทำงาน และจากความจริงว่าคนเราก็อยากมีความสุข ดังนั้นก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกว่า "ทำงานอย่างทนกล้ำกลืนไปก่อน แล้วสักวันหนึ่งชีวิตนี้จะมีความสุข" หรือมีความสุขขณะที่ทำงานไปเสียเลยโดยไม่ต้องรอว่าจะมีความสุขในอนาคต การที่ทำ ตัวให้มีความสุขนั้นมันอยู่ที่การเลือกว่าจะมีความสุข หรือจะทำให้ชีวิตมีความทุกข์ เพราะ... "ทุกข์สุขอยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ.." เรามาพูดเรื่องนี้กันทีละประเด็นคือ :


1. เราเลือกที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขได้ มีเรื่องเล่าให้ฟัง บนรถไฟขบวนหนึ่ง ที่ต้องวิ่งทั้งคืน ผู้ที่อยู่ชั้นประหยัดก็ต้องตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันในบริเวณเดียวกัน แน่นอนว่า พอฟ้าสางหลายคนก็มาล้างหน้าแปรงฟันกันด้วยลักษณะที่อ่อนระโหยเพราะเมื่อคืนก็ไม่ได้หลับ หรืออาจหลับไปบ้างก็โดยนั่งหลับพิงพนักเอาเมื่อยคอ ปวดตัวไปหมด ดังนั้นตอนที่มาล้าง หน้าก็ยากที่จะเห็นว่ามีใครมาอย่างสดชื่นแต่ก็มีคนหนึ่ง เดินมาด้วยอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ฮัมเพลงมาเบาๆ ท่าทางดูสดชื่น ทุกคนที่เห็นก็อดแปลกใจไม่ได้ มีคนหนึ่งที่มาอยู่ก่อนถามว่า "คุณครับวันนี้มีอะไรเป็นพิเศษหรือ ท่าทางคุณมีความสุขเสียเหลือเกิน" ฝ่ายชายที่เดิน มาอย่างอารมณ์ดีก็ตอบไปว่า "ไม่มีอะไรเพียงแต่ผมชอบทำให้ตัวเองมีความสุขก็เท่านั้น" นั่นแปลว่าชายคนนั้นเลือกที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข สรุปว่าการที่จิตใจเราจะมีความสุข อยู่ที่เราอยากจะคิดว่าเรามีความสุข หรือไม่ บางคนมีเงินมากมาย แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ค่อย มีความสุข แต่บ้างคนที่หาเงินมาซื้ออาหารเพียงพอสำหรับวันนี้แล้วก็รู้สึกว่ามีความสุขมาก แล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

2. การมองชีวิตให้ความสุขให้มองขณะที่ทำงานวันนี้ อย่ามองว่าจะมีความสุข ในอนาคต นิทานเรื่องที่สอง เรื่องนี้อาจมีคนเล่ากันในสาระประกอบต่างกัน แต่ขอเล่าเท่าที่ ได้รับฟังมาเอง ตอนเช้าวันหนึ่ง...(เริ่มอย่างกับภาพยนต์คาวบอย)..ริมทะเลสาบในปล่องภูเขาไฟของเมือง ตาเกย์ไตย์..(เราแปลงว่าเมือง ตาแกตาย ไม่ใช่ตาฉัน) คนเล่าได้นั่งกลางวงแล้ว ชี้ให้ดูชาวบ้านที่กำลังนั่งตกปลาอยู่ แล้วเล่าว่ามีคนในเมืองมาถามคนตกปลาว่า"ทำไมใช้คัน เบ็ดคันเดียวละน่าจะใช้หลายๆคัน จะได้ปลามากขึ้นและเร็วขึ้น" คนตกปลาถามว่า "เมื่อได้ปลามากขึ้นและเร็วขึ้นแล้วอย่างไรละ" คนในเมืองก็ตอบว่า "เอ้าก็อดทนทำอย่างนี้สักพักหนึ่ง ขายปลาเก็บเงินไว้ เอาเงินไปซื้อแหมาทอดแหหาปลาให้ได้เยอะ ขึ้นอีก" คนตกปลาก็ถามต่อว่า "เมื่อได้ปลาเยอะจากการทอดแห แล้วอย่างไรอีกละ"คน ในเมืองก็ตอบว่า"เอ้าก็เก็บเงินไว้ซิพอมีเงินเยอะๆก็ไปซื้อเรื้อประมงมาลงอวนจะได้ปลาเยอะขึ้นไปอีกไง" คนตกปลาก็ถามต่อว่า"เมื่อได้ปลาเยอะๆจากการลงอวนแล้วอย่างไร อีกละ" คนในเมืองก็ตอบว่า "เอ้า..ถึงตอนนั้นหรือ ก็หยุดทำงานซี ให้คนเช่าเรือไปแล้วเราก็จะได้นั่งพักผ่อนอย่างมีความสุขเสียทีไง"คนตกปลาก็ตอบไปว่า"ทำไมต้องรอถึง ตอนนั้นละ ในเมื่อตอนนี้ผมก็นั่งพักผ่อนอย่างมีความสุขอยู่นี่ไง" นิทานเรื่องนี้พอจะชี้ ให้เห็นว่าการ"ทำงานเพื่อหวังว่าชีวิตจะมีความสุขในอนาคตกับการทำงานอย่างมีความสุข ในปัจจุบันอะไรจะได้มากกว่าจะได้เร็วกว่า"

3. ทำงานอย่างไรก็ได้เงิน ข้อนี้จะพูดว่าถึงทำงานอย่างเซ็งๆ สิ้นเดือนก็ได้เงิน หรือ ทำงานอย่างมีความสุขใจ สิ้นเดือนก็ได้เงิน แต่วิธีการหลัง น่าจะได้มากว่า เพราะได้เงินด้วย และได้ความสุขด้วย ทีนี้มาดูว่าคนที่ทำงานอย่างเซ็งๆนั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อทำงานอย่างเซ็งๆ ผลงานก็ออกมาไม่ดี เมื่อผลงานออกมาไม่ดีก็ถูกเจ้านายต่อว่า ก็เกิดความรู้สึกเซ็ง ก็เลยทำ งานอย่างเซ็งๆมากขึ้นไปอีก ผลงานก็แย่ไปอีก เจ้านายก็ต่อว่าหนักขึ้นอีก....(ช่วยนึกภาพต่อ ไปอีกนะครับ สุดท้ายจะเป็นอย่างไร)

4. เมื่อต้องทำงานนี้ก็ต้องทำอย่างมีความสุข เคยถามผู้เข้าอบรมว่า "ท่านทำงาน นี่เคยรู้สึกเบื่อไหม" คำตอบส่วนใหญ่บอกว่ามี หรือมีบ่อย เมื่อถามสาเหตุของการเบื่อก็ได้รับ คำตอบออกมามากมายแบบไม่น่าเชื่อ (แต่ก็ต้องเชื่อนั่นแหละ) คือมีสาเหตุเยอะจริงๆที่ทำให้ การทำงานน่าเบื่อ ก็เลยถามต่อไปว่า "ถ้าอย่างนั้นลาออกจากงานเสียดีไหม" ปรากฏว่าไม่มี ใครจะลาออก ทำไมละ ทำไมไม่ลาออกละในเมื่อมีสาเหตุให้เกิดความเซ็งมากมายอย่างนี้ ก็ อีกแหละ มีเหตุผลอีกมากมายที่ลาออกไม่ได้ หรือไม่อยากลาออก สรุปว่าอยู่ต่อใช่ไหม ในเมื่อตระหนักว่าต้องอยู่ต่อ ก็แปลว่าเรามีอยู่ 2 ทางเลือกคืออยู่อย่างเซ็งๆหรืออยู่อย่าง(พอจะ) มีความสุขเสียเลย

5. ทำงานอย่างมีความสุขเพื่อใคร เมื่อก่อนเวลาจะอบรมว่าจงทำงานอย่างยิ้มแย้ม แจ่มใสเพื่อบริษัทของเรานะ ทุกคนรู้สึกว่าฟังได้ และยังมีใจที่จะยิ้มเพื่อบริษัท แต่ปัจจุบันคง มีสาเหตุที่อธิบายได้ (ไว้พูดกันวันหลัง) ว่าถ้าบอกว่าจงยิ้มเพื่อบริษัทนะ เห็นทีจะยาก ยิ่งเป็น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆละก้อ จะได้รับคำตอบมาว่า "มัวแต่ยิ้มซี เดี๋ยวให้เงินลูกค้า เกินไป แล้วใครจะจ่ายละ" หรือได้รับคำตอบว่า "ยิ้มมากนักหรือ ก็ทำงานหนักคนเดียว เพราะ ลูกค้าเห็นว่าเราใจดีก็เลยแห่กันมาที่เคาเตอร์เรา"เป็นอย่างนั้นไป ด้วยปัจจัยหลายอย่าง รวม ทั้งการบริหารงานภายในของบางหน่วยงาน ทำให้คนไม่อยากยิ้ม ทำงานสักแต่ให้ผ่านไปวันๆ พอเดินออกจากบริษัทในตอนเย็น ก็อุทานด้วยความลิงโลดใจว่า "เอ้อ..ผ่านไปอีกวัน" ใน สภาพการณ์เช่นนี้คงต้องบอกให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า "ยิ้มเข้าไว้นะ จะได้ไม่แก่เร็ว หน้าตา จะไม่เหี่ยวหย่น ท้องจะไม่อืด..." แปลว่าสอนให้ยิ้มเพื่อตนเอง ให้ทำงานอย่างมีความสุขเพื่อ ตนเอง สอนอย่างนี้ฟังขึ้น และน่าจะทำ เพราะทำเพื่อตนเอง แต่จะเห็นได้ว่าขณะที่ยิ้มแย้ม เพื่อให้ตนเองมีความสุขระหว่างทำงานนั้น บริษัทก็ได้ประโยชน์ไปด้วย..

ขอสรุปไว้ตอนท้ายสักนิดว่า พนักงานจะทำงานอย่างมีความสุขหรือไม่นั้น ส่วนหนึ่ง อยู่ที่พฤติกรรมในการปกครองลูกน้องของหัวหน้างานด้วย...สวัสดีครับ

เนื้อหาต่อไปจะลิ้งค์ต่อไปหน้าอื่น เพื่อหน้านี้จะไม่ยาวเกินไป

ลิ้งค์ไป...10 วิธีที่ทำให้เพื่อนหนีหาย(00161)
ลิ้งค์ไป.... มารยาทในที่ทำงาน (Good Manner in the Office)00162