การใช้สารโซเดียมคลอเรตเพื่อทำให้ลำไยออกดอก
|
1.
เลือกต้นลำไยที่มีความสมบูรณ์เต็มที่ คือระยะที่ใบต้องเป็นใบที่แก่จัด
อายุของต้นไม่ควรต่ำกว่า 5 ปี โดยต้นลำไยที่จะราดสารจะต้องได้รับการตัดแต่งกิ่งทันทีหลักจากเก็บเกี่ยวผลแล้ว
โดยตัดแต่งกิ่งที่อยู่ในแนวตั้งออกเหลือโคนกิ่งไว้ ให้มีความสูงไม่เกิน
3 เมตร ส่วนกิ่งในแนวราบตัดแต่งปลายกิ่งหักหรือกิ่งที่บอบช้ำจากการเก็บเกี่ยว
กิ่งที่อ่อนแอ กิ่งที่ถูกโรคแมลงทำลายออกไป บำรุงรักษาโดยการใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี
และให้น้ำเพื่อให้ต้นลำไยสมบูรณ์เต็มที่ |
2.
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นลำไยให้สะอาด รวมทั้งเก็บกวาดใบแห้งและเศษวัชพืชออกไปจากบริเวณโคนลำไย
เพื่อให้สารซึ่มลงโคนต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
3.
การเตรียมสารละลายโซเดียมคลอเรต ใช้สารโซเดียมคลอเรต 30 กรัม/เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม
1 เมตร (อาจผสมกับบอแรกซ์ เพื่อยับยั้งการติดไฟ) ผสมกับน้ำ 80 ลิตร คนให้ทั่ว
ควรจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ร่างกายสัมผัสกับสารโซเดียมคลอเรตดังนี้ |
|
3.1
ใส่ชุดป้องกันที่ทำด้วยใยสังเคราะห์ประเภท ไวบิล (Vinyl) นีโอพรีน
(Neoprene) หรือ พีวีซี (PVC) |
|
3.2
ใส่รองเท้าบู๊ทที่ทำด้วยใยสังเคราะห์ไวบิลหรือนีโอพรีน |
|
3.3
ส่วมแว่นตาชนิดกระชับกับลูกตา |
|
3.4
สวมถุงมือยางและหมอก |
4.
สารโซเดียมคลอเรต เป็นสารที่ติดไฟได้ง่าย ควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด
เก็บไว้ในห้องเก็บที่เย็น แห้ง เป็นบริเวณที่ทนไฟ และเก็บแยกจากกรดและสารอินทรีย์ |
5.
ควรราดสารละลายที่ผสมแล้วลงดินในบริเวณชายพุ่มเป็นแนววงแหวน กว้างประมาณ
50 ซม. เนื่องจากบริเวณชายพุ่มเป็นที่ลำไยมีรากฝอยที่กำลังเจริญเติบโต
จึงสามารถดูดซึมสารละลายโซเดียมคลอเรตเข้าสู่ลำต้นได้อย่างรวดเร็ว |
6.
หลังราดสารแล้ว ในช่วง 10 วันแรก ต้องรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ เพื่อให้ปริมาณสารละลายโซเดียมคลอเรตเคลื่อนที่เข้าสู่ระบบรากของลำไยได้ดีและเร็วขึ้น
ลดการเกิดพิษภัยกับต้นลำไยและการสะสมในดิน การเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินให้สูงขึ้น
จะช่วยเร่งการสลายตัวของคลอเรตในดินได้เร็วขึ้น การใส่สารปรับปรุงดินประเภท
กรดฮิวมิค ถือเป็นวิธีการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดินได้เร็วที่สุด |
7.
หลักจากราดสารประมาณ 15 วัน ลำไยจะเริ่มออกดอก ควรให้น้ำแก่ลำไยให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอเพื่อให้การพัฒนาของดอกเป็นไปอย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ควรดูแลป้องกันกำจัดโรคและแมลงตามความจำเป็น |
8.
สวนลำไยที่ราดสารต้องมีแหล่งน้ำ เพื่อการให้น้ำแก่ลำไยหลักการราดสาร
และตลอดฤดูกาลติดผลของลำไย โดยเฉพาะการบังคับลำไยออกนอกฤดูในช่วงที่ลำไยติดผล
จะต้องให้น้ำแก่ลำไยอย่างเพียงพอ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี |
9.
ต้นลำไยที่บังคับให้ออกดอกโดยการราดสารละลายโซเดียมคลอเรทในปีที่ 1 แล้ว
ในปีต่อไปควรเว้นเพื่อบำรุงต้นลำไยให้มีความสมบูรณ์เต็มที่ ไม่ให้ต้นทรุดโทรม
ดังนั้นควรแบ่งลำไยออกเป็น 2 แปลง และทำสลับปีเว้นปี |
10.
ควรใช้สารโซเดียมคลอเรตตามกำหนด หากใช้มากไปจะทำให้ต้นลำไยเสื่อมโทรมเร็วขึ้น |
ข้อควรระวังในการใช้สารโซเดียมคลอเรต
|
1.
ขณะทำงานควรปฏิบัติดังนี้ |
|
1.1
สวมใส่ชุดป้องกันทำด้วยใยสังเคราะห์ไวบิล (Vinyl) นีโอพรีน (Neoperne)
หรือ พีวีซี (PVC) |
|
1.2
สวมรองเท้าบู๊ทที่ทำด้วยใยสังเคราะห์ไวบิล หรือนีโอพรีน |
|
1.3
สวมแว่นตาชนิดกระชับลูกตา |
|
1.4
สวมถุงมือยางและสวมหมวก |
2.
โซเดียมคลอเรตเป็นวัตถุอันตราย ติดไฟง่าย ต้องเก็บให้ห่างจากประกายไฟและอาจเกิดระเบิดได้เมื่อเก็บไว้ในที่ที่มีความร้อนสูง
กรดเข้มข้น หรือผสมกับสารอินทรีย์บางชนิด เช่น ซัลเฟอร์ ฟอสฟอรัส ซัลไฟด์
และอื่นๆ |
3.
ห้ามสูบบุหรี่ขณะราดสารละลายโซเดียมคลอเรต และต้องระวังอย่างให้สารสัมผัสกับผิวหนังหรืออวัยวะต่างๆ
โดยตรง |
4.
หลังราดสารแล้วต้องทำความสะอาดร่างกายด้ายน้ำสะอาดทุกครั้ง |
5.
ระวังสัตว์เลี้ยงประเภทวัว ควาย อย่าให้กินหญ้าบริเวณที่ใช้สาร เพราะดินจะรสเค็ม
ขม เป็นที่ชอบของสัตว์ดังกล่าว หากสัตว์กินเข้าไป อาจทำให้เป็นอันตรายถึงตายได้ |
6.
การใช้สารโซเดียมคลอเรตเพื่อทำให้ลำไยออกดอก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในวิธีการใช้อย่างถูกต้อง |
ผลกระทบของโซเดียมคลอเรตต่อสภาพแวดล้อม
|
ขณะที่ดำเนินการศึกษานี้
ยังไม่พบผลกระทบของโซเดียมคลอเรตต่อสภาพแวดล้อม เช่น การสะสมในรูปเกลือโซเดียมคลอไรด์ในดินซึ่งการใช้ในอัตราและปริมาณตามคำแนะนำ
จะใช้ในอัตราและปริมาณที่น้อยมาก และแนะนำให้ใช้สารปีเว้นปี จึงอาจไม่มีผลตกค้างในดิน
นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่าโซเดียมคลอเรตไม่มีผลกระทบต่อรากพืชแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรจะได้ศึกษาข้อมูลการใช้สารโซเดียมคลอเรตที่มีผลต่อสภาพแวดล้อม
และจะนำมาตีพิมพ์แผยแพร่ต่อไป |
ข้อดีและข้อเสียของโซเดียมคลอเรต
|
ข้อดี |
|
|
1.
โซเดียมคลอเรตสามารถทำให้ลำไยออกดอกได้ภายใน 15 วัน หลังการราดสาร (ที่จังหวัดจันทบุรี)
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2541 ใช้เวลาประมาณ
25 วัน หลักการราดสารจึงออกดอก |
|
2.
โซเดียมคลอเรตเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 กรมวิชาการเกษตรจะขอเปลี่ยนเป็นชนิดที่
3 เพื่อให้สะดวกต่อการนำเข้าและการนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อป้องกันการค้ากำไรเกินควร |
|
3.
ถึงแม้โซเดียมคลอเรตเป็นวัตถุไวไฟ แต่ถ้าผสมบอแรกซ์ก่อนนำไปใช้ จะ ช่วยลดความไวไฟของสารลงได้ |
ข้อเสีย |
1.
โซเดียมคลอเรตเป็นวัตถุไวไฟ |
|
2.
โซเดียมคลอเรตเป็นพิษกับสัตว์บางชนิดที่ชอบกินเกลือ เช่น วัว |
|
3.
โซเดียมคลอเรตเป็นพิษต่อมนุษย์ คือการเกิดการะคายเคืองต่อผิวหนังและตาเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร
ไต และอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ นอกจากนี้หากได้รับสารปริมาณ 15-30
กรัม จะทำให้เสียชีวิต |
|
4.
โซเดียมคลอเรตอาจมีผลตกค้างในดินนาน 6 เดือน - 5 ปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตรที่ใช้
ชนิดของดิน ความสมบูรณ์ อินทรีย์วัตถุในดิน ความชื้นและสภาพภูมิอากาศ
แต่ความเป็นพิษต่อดินจะลดลง ถ้ามีปริมาณไนเตรต ในดินสูงสภาพดินเป็นด่างและอุณหภูมิของดินสูง |
วิธีการใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อทำให้ลำไยออกดอก
|
1.
การเตรียมต้นก่อนราดสาร โดยทำความสะอาดบริเวณทรงพุ่ม ขจัด อิ วัชพืชและกวาดเอาวัสดุคลุมดินออก
แต่ไม่จำเป็นต้องสับหรือพรวนดิน ถ้าดินแห้งเกินไป ควรจะรดน้ำให้ชุ่มก่อนการราดสาร
1 วัน |
2.
อัตราของสารโพแทสเซียมคลอเรต ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสาร อายุลำไยหรือขนาดทรงพุ่มและชนิดของเนื้อดิน |
ในกรณีที่เป็นดินทรายหรือดินร่วนปนทราย ควรใช้อัตราของสารที่มีความเข้มข้นของเนื้อสาร ไม่ต่ำกว่า95% ดังนี้
|
|
ลำไยขนาดเล็ก
อายุ 5 - 7 ปี ใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต 100 กรัมต่อต้น |
|
ลำไยขนาดเล็ก
อายุ 5 - 10 ปี ใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต 150 กรัมต่อต้น |
|
ลำไยขนาดเล็ก
อายุ 10 ปี ใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต 200 กรัมต่อต้น |
ในกรณีนี้เป็นดินร่วนปนดินเหนียว
หรือ ดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูง ควรเพิ่มสารอีก 50 กรัมต่อต้น ในทุกอัตรา
โดยละลายสารเคมีในน้ำปริมาณ 50 ถึง 100 ลิตร ราดให้ทั่วบริเวณทรงพุ่ม |
3.
การใช้ความซื้น ภายหลังการราดสารโพแทสเซียมคลอเรต ควรรักษาดินให้ชุ่มชื้นเสมอตลอด
1 สัปดาห์ หลักจากนั้นควรให้น้ำเพิ่มขึ้นจนดินอิ่นตัว เรื่อยไปจนกระทั่งลำไยออกดอก
ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 20-35 วัน |
4.
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต ควรทำก่อนฤดูกาล ของการออกดอกตามปกติ
คือ ไม่เกินเดือน พฤศจิกายน หรือหลังจากฤดูกาลปกติ ประมาณเดือน พฤษภาคม
หรือ มิถุนายน |
วิธีการใช้สารโพแทศเซียมคลอเรตนี้
มิได้เป็นผลจากการทดลองอย่างเป็นทางการแต่เป็นการประมวลข้อมูลจากเกษตรกร
และการเสวนาของผู้อยู่ในวงการลำไยในวาระต่างๆ |
ข้อดีข้อเสียของโพแทสเซียมคลอเรต
|
ข้อดี |
1.
โพแทสเซียมคลอเรตสามารถทำให้ลำไยออกดอกได้ภายใน 20-30 วัน หลังการราด |
2.
โพแทศเซียมคลอเรตยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลตกค้างในดิน |
ข้อเสีย
|
1.
โพแทสเซียมคลอเรตเป็นวัตถุไวไฟ และวัตถุระเบิด จะระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อนสูงกว่า
400๐ C ( 2 KCLO3 2KCL + 3O2) |
2.
โพแทสเซียมคลอเรตเป็นพิษกับสัตว์บางชนิดที่ชอบกินเกลือ เช่น วัว |
3.
โพแทสเซียมคลอเรตเป็นพิษต่อมนุษย์ คือทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและตา
ต่อระบบทางเดินอาหาร ไต และอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกได้ ขนาดที่เป็นพิษจนถึงแก่ชีวิน
คือ 5 กรัม |
4.
โพแทสเซียมคลอเรตที่วัตถุอันตราย มีพระราชบัญญัติควบคุมยุทธศาสตร์ พ.ศ.
2530 ควบคุม โดยกระทรวงกลาโหมหาจจะนำเข้าหรือจำหน่วย จะต้องได้รับการอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม |
ผลกระทบของโพแทสเซียมคลอเรตต่อสภาพแวดล้อม
|
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานยืนยันผลกระทบของโพแทสเซียมคลอเรตต่อสภาพแวดล้อมแต่สันนิฐานว่าผลตกค้างของโพแทสเซียมคลอเรตในดินอาจมีน้อย
เนื่องจากสารดังกล่าว สามารถทำปฏิกริยากับคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบของอินทรีย์วัตถุได้
โดยเฉพาะดินที่มีอินทรีย์วัตถุและมีความเป็นกรดสูง ดังนั้น จึงควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ควบคู่ไปด้วย
ในระยะหลังการติดผลและหลังการเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ตามควรมีการวิจัยทดลองยืนยันในเรื่องนี้
ต่อไป |
สิ่งที่คล้ายกันของการใช้สารโซเดียมคลอเรตและโพแทสเซียมคลอเรต
|
1.
ทำให้ลำไยออกดอกนอกฤดูกาลได้ |
2.
ต้นลำไยที่จะใช้สารต้องมีความสมบูรณ์เต็มที่ อายุไม่ควรต่ำกว่า 5 ปี |
3.
จะต้องมีน้ำเพียงพอหลักการราดสารอย่างน้อย 15 วัน |
4.
เป็นสารอยู่ในกลุ่มคลอเรตเหมือนกัน |
5.
เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ |
6.
เป็นวัตถุอันตรายติดไฟได้ง่าย |
7.
ละลายได้ในน้ำ แอลกอฮอล์ และกลีเซอรอล |
8.
ยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องผลตกค้างในดิน ผลผลิต และ
ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม |
โซเดียมคลอเรต
และโพแทสเซียมคลอเรต
|
|
โซเดียมคลอเรต
|
โพแทสเซียมคลอเรต
|
หมายเหตุ
|
1.การออกดอกของลำไย |
ประมาณ15
วัน |
ประมาณ20-30
วัน |
มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร
ไต และอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตก |
2.
ความเป็นพิษต่อมนุษย์ |
15-30กรัม/คน
|
5
กรัม/คน |
|
3.
ข้อควรระวัง |
ติดไฟได้ดี
|
ติดไฟได้ดีและเกิดระเบิดได้ |
จากข้อมูลของต่างประเทศระบุว่าสารนี้อาจจะมีผลตกค้างขึ้นอยู่ |
|
|
หากเสียดสีกับสารอินทรีย์ต่างๆ
|
กับอัตราการใช้ความอุดมสมบูรณ์ของดินความชื้นในดินและ
สภาพอากาศ |
|
|
เช่นกำมะถันฟอสฟอรัส
ฯลฯ |
แต่ปริมาณของเกลือจุลดลงถ้าดินมีไนเตรตสูงดินมีสภาพเป็นด่าง
และอุณหภูมิในดินสูง |
4.
ข้อจำกัด |
อยู่ในความควบคุมของ |
พรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์
พ.ศ. 2530 |
|
|
กรมวิชาการเกษตร |
จะต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงกลาโหม
|
|
5.
ผลตกค้างในดิน |
1/2
- 5 ปี |
ไม่มีรายงาน
|
|
|
|
|
|
พิษของสารคลอเรตและการแก้พิษ
|
อาการพิษ |
1.
ทำให้เกิดการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ซีด เนื่องจากโลหิตจาก ถ้าเป็นมากทำให้ไตวายได้
มีอาการปัสสาวะไม่ออกและมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อาจทำให้อาการที่มีเห็นเด่นชัดและสังเกตุได้ง่ายที่สุดคือมีอาเจียนและตัวเขียว |
2.
ขนาดที่เป็นพิษ หากได้รับสารคลอเรตเข้าสู่ร่างกายในปริมาณ 15-30
กรัม สำหรับ ผู้ใหญ่ และ 7 กรัม สำหรับเด็ก ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ยังไม่เคยมีรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากสารนี้มาก่อน |
การแก้พิษ
|
1.
ทำให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยเร็ว โดยการล้วงคอหรือให้ยาช่วยอาเจียนให้กลืนผงถ่านเข้าไปเพื่อช่วยดูดซับสารคลอเรตในกระเพาะ
ลดการดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือด |
2.
ให้ดื่มสารละลายโซเดียมไธโอซัลเฟต (Sodium thiosulfate) ประมาณ 2-3
กรัม ที่ละลายใน โซเดียมไบคาร์บอเนต 5% จำนวน 200 ซีซี จะสามารถทำลายฤทธิ์ของคลอเรตได้
หรือทำการล้างสารออกจากเลือด โดยวิธี Belnodialysis (แพทย์เป็นผู้ทำ) |
3.
ให้ดื่มนมเพื่อลดการละคายเคืองต่อกระเพาะ |
4.
ทำให้ร่างกายผู้ป่วยอบอุ่น และอยู่นิ่งๆ จนอาการเขียวค่อยๆ ลดลง |
5.
หากอาการต่างๆ ค่อยๆ ลดลงภายใน 12 ชั่วโมงผู้ป่วยจะสามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ |
6.
หากได้สัมผัสสารละลาย ได้รีบล้างออกทันทีด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากๆ |
|
|
การปลูกและการดูแลรักษา
การแปรูปลำไย
พฤษกศาสตร์และนิเวศน์วิทยา
มาตรฐานลำไยของประเทศไทย
การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม
การตลาดลำไย ราคาและต้นทุนการผลิตลำไย
กลยุทธ์การพัฒนาลำไย ประโยชน์ของลำไย
สถานการณ์ผลิตลำไยจังหวัดเชียงใหม่
เอกสารอ้างอิง
พันธุ์ลำไย
ประวัติและถิ่นกำเนินของลำไย
การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับลำไย
|
 |
กลับไปหน้าสารบัญลำไย |
 |