9. การตลาดลำไย

ลำไยถือได้ว่าเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะผลผลิตลำไยเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากปริมาณผลผลิตจะพอเพียงต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท และมีแนวโน้มว่าปริมาณและมูลค่าการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี
ลักษณะการซื้อขายลำไย

การซื้อขายลำไยระหว่างเกษตรกรกับพ่อค้าโดยส่วนใหญ่แล้ว พ่อค้ามักจะเป็นผู้กำหนดราคาในการซื้อขาย ซึ่งรูปแบบการขายของเกษตรกรจะมี 3 รูปแบบ คือ

1. การขายแบบเหมาสวน
  เป็นลักษณะการขายแบบเหมาสวนก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด หรือเป็นการซื้อขายล่วงหน้าที่เรียกว่า “ตกเขียว” ซึ่งอาจจะขายเหมาเป็นบางส่วน หรือขายเหมาทั้งหมดก็ได้ โดยพ่อค้าจะเข้าไปติดต่อตกลงราคาซื้อขายกับเกษตรกรเจ้าของสวนที่ต้องการจะเหมา เมื่อตกลงราคาซื้อขายกันได้แล้ว พ่อค้าจะจ่ายเงินมัดจำไว้ ส่วนเงินที่เหลือจะทยอยจ่ายให้เมื่อเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตจนหมดสวนแล้ว
เกษตรกรที่ขายเหมาในช่วงลำไยติดผล และเริ่มมีการเก็บเกี่ยวเข้าสู่ตลาดแล้ว จะขายได้ในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ส่วนเกษตรกรที่ขายไปในช่วงที่ลำไยออกดอกหรือติดผลในระยะเริ่มต้นจะขายได้ในราคาที่ต่ำ เพราะในขณะที่ขายนั้นยังไม่ทราบภาวะตลาด และราคาที่แท้จริง
2. เกษตรกรขายเองหรือขายอิสระ
  เป็นลักษณะที่เกษตรกรอาจขายลำไยเองที่สวน หรือมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวนหรือนำไปวางขายที่ตลาด หรือนำไปขายที่จุดรับซื้อของพ่อค้าในระดับต่างๆ โดยเกษตรกรอาจจะขายแยกตามเกรด หรือขายคละก็ได้
3. การรวมกลุ่มกันขาย
  เป็นการขายในลักษณะที่เกษตรกรรวมกลุ่มกันขายลำไยให้กับพ่อค้า เพื่อที่จะได้มีอำนาจต่อรองทางด้านราคากับพ่อค้า แต่วิธีการแบบนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จะเห็นได้จากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่า ในปี 2538 เกษตรกรไม่ใช้วิธีการขายแบบนี้เลย
วิถีการตลาดลำไย
การซื้อขายลำไยจากเกษตรกรจนถึงผู้บริโภค ได้ผ่านผู้ที่ทำหน้าที่ทางการตลาดพอสรุปเป็นภาพรวมได้ ดังนี้เกษตรกร จะจำหน่ายผลผลิตให้กับพ่อค้าท้องที่ พ่อค้าท้องถิ่น พ่อค้าขายปลีก พ่อค้าขายส่งต่างจังหวัด พ่อค้าขายส่งกรุงเทพฯ โรงงานแปรรูป ผู้ส่งออกและขายให้กับผู้บริโภคภายในประเทศโดยตรงพ่อค้าท้องที่ จะจำหน่ายผลผลิตต่อไปให้กับพ่อค้าท้องถิ่น พ่อค้าขายส่งต่างจังหวัด พ่อค้าขายส่งกรุงเทพฯ พ่อค้าขายปลีก ผู้ส่งออก และโรงงานแปรรูปพ่อค้าท้องถิ่น จะจำหน่ายผลผลิตต่อไปให้กับพ่อค้าขายส่งกรุงเทพฯ โรงงานแปรรูปและผู้ส่งออกโรงงานแปรรูป จะรับซื้อผลผลิตแล้วมาทำการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้ง ลำไยกระป๋อง และลำไยแช่แข็ง จำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศพ่อค้าขายส่งกรุงเทพฯ จะจำหน่ายผลผลิตให้กับพ่อค้าขายปลีก พ่อค้าต่างจังหวัดและผู้บริโภคภายในประเทศพ่อค้าขายส่งต่างจังหวัด จะจำหน่ายผลผลิตให้แก่พ่อค้าขายปลีก และผู้บริโภคภายในประเทศพ่อค้าขายปลีก จำหน่ายผลผลิตให้กับผู้บริโภคภายในประเทศ
การจัดชั้นคุณภาพหรือการจัดเกรดของลำไยแบ่งออกได้ดังนี้
1. เกรดใหญ่พิเศษ มีจำนวนผลไม่เกิน 70 ผลต่อกิโลกรัม
2. เกรด A มีจำนวนผลตั้งแต่ 71 - 80 ผลต่อกิโลกรัม
3. เกรด B มีจำนวนผลตั้งแต่ 81 - 90 ผลต่อกิโลกรัม
4. เกรด C มีจำนวนผลตั้งแต่ 91 ผลต่อกิโลกรัมขึ้นไป
ส่วนลำไยร่วงไม่มีการจัดเกรดแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตาม การจัดชั้นคุณภาพของลำไย อาจแตกต่างกันออกไไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีการจัดเกรดหลายๆ แบบ เช่น เกรด จัมโบ้, A, B, C หรือ เกรดจัมโบ้, A, B, C, ร่วง เกรด A, B, C หรือ เกรด 1, 2, 3 เป็นต้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วในการกำหนดเกรดของลำไยจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพ่อค้าที่มารับซื้อ
การบรรจุหีบห่อลำไย
การบรรจุหีบห่อเพื่อนำลำไยไปขายจะมี 2 ลักษณะ คือ การบรรจุเข่งและการบรรจุกล่อง ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พบว่า เกษตรกรจะนิยมบรรจุลำไยแบบกล่องมากกว่าการบรรจุแบบเข่ง ทั้งนี้เนื่องจากการบรรจุแบบกล่องมีความสะดวกและมีความสวยงามมากกว่า ซึ่งประเภทของกล่องที่ใช้บรรจุมีทั้งแบบเป็นกล่องกระดาษ และแบบกล่องพลาสติก
การขนส่งลำไย
การขนส่งแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือการขนส่งภายในประเทศ และการขนส่งไปต่างประเทศ
1. การขนส่งภายในประเทศ จะทำการขนส่งโดยรถยนต์และรถไฟ ซึ่งการขนส่งโดยรถยนต์ส่วนใหญ่จะใช้รถบรรทุก 6 ล้อ หรือ 4 ล้อ
  ส่วนการขนส่งโดยรถไฟ จะมีทั้งขบวนรถด่วนและรถเร็ว ซึ่งอัตราค่าขนส่งโดยรถยนต์หรือรถไฟ ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะทางในการขนส่ง กล่าวคือ ยิ่งระยะทางไกลเท่าใด อัตราค่าขนส่งยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น
2. การขนส่งไปต่างประเทศ สามารถขนส่งได้ 4 ทางคือ
  2.1 การขนส่งทางรถยนต์ ผู้ส่งออกมักใช้รถตู้คอนเทรนเนอร์ ปรับอากาศ โดยก่อนที่จะนำลำไยขึ้นจากรถ จะมีการอบด้วยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์
    เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาลำไยให้นานขึ้น จากนั้นจะขนส่งผ่านชายแดนภาคใต้ไปประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์
  2.2 การขนส่งทางรถไฟ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้บริการจัดส่งลำไยจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเท่านั้น
  2.3 การขนส่งทางเรือ เป็นวิธีการขนส่งที่พ่อค้านิยมกันอย่างมาก เพราะมีค่าระวางถูกกว่าการขนส่งทางเครื่องบิน และสามารถบรรทุกได้คราวละมากๆ
    รวมทั้งปัจจุบันได้มีการอบก๊าซซัลเฟอร์ให้กับลำไย เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ทำให้สามารถขนส่งลำไยทางเรือ ไปยังประเทศไกลๆ ได้โดยที่ลำไยไม่เน่าเสีย
  2.4 การขนส่งทางเครื่องบิน ผู้ส่งออกสามารถข่นส่งลำไย โดยระวางบรรทุกเครื่องบินประจำ หรือเที่ยวบินเช่าเหมาลำ เพื่อการขนส่งลำไยโดยเฉพาะก็ได้
    ความต้องการใช้ลำไยปริมาณความต้องการใช้ลำไยจะมากน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตในแต่ละปี ซึ่งความต้องการใช้ลำไย แบ่งออกได้ 3 ลักษณะ คือ
  1. บริโภคสดภายในประเทศ
  2. แปรรูปเป็นลำไยกระป๋อง และลำไยอบแห้ง
  3. ส่งออกเป็นลำไยสด และแช่แข็งโดยปกติผลผลิตลำไยที่ได้ จะใช้บริโภคภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 20ส่งออกเป็นลำไยสดและแช่แข็งคิดเป็น
    ร้อยละ 30 แปรรูปเป็นลำไยอบแห้งคิดเป็นร้อยละ 35 และลำไยกระป๋องคิดเป็นร้อยละ 15 โดยเฉพาะในปี 2539 ซึ่งมีผลผลิตออกมามาก ทำให้มีมูลค่าการส่งออกเป็นลำไยสดคิดเป็นร้อยละ 30 แปรรูปเป็นลำไยกระป๋องและอบแห้งคิดเป็นร้อยละ 60 และบริโภคภายในประเทศเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น

การกำหนดราคาซื้อขายลำไย

ในการกำหนดราคาซื้อขายลำไยของพ่อค้า จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่สำคัญ ได้แก่
1. ปริมาณผลผลิตที่ออกมาในแต่ละปี
2. พันธุ์ของลำไย ซึ่งลำไยที่ได้ราคาสูงสุดคือ พันธุ์สีชมพู รองลงมาได้แก่ พันธุ์เบี้ยวเขียว แห้ว อีดอ
3. ขนาดและคุณภาพของลำไย
4. ปริมาณความต้องการของตลาดกรุงเทพฯ
5. ราคาและปริมาณการส่งออกไปต่างประเทศ
6. ราคาซื้อขายในวันที่ผ่านมา
7. จำนวนพ่อค้าขายส่งและขายปลีก

ตลาดลำไยภายในประเทศ

1. ลำไยสด ตลาดลำไยสดที่สำคัญ คือตลาดภายในกรุงเทพฯ ซึ่งได้แก่ ตลาดมหานาค ตลาดสี่มุมเมือง ปากคลองตลาด และตลาดไท ซึ่งการบริโภคลำไยสดส่วนใหญ่เป็นลำไยเกรด A ที่เหลือจากการส่งออกและลำไยเกรด B
นอกจากนี้ ลำไยยังกระจายไปยังตลาดตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยพ่อค้าจะนำรถบรรทุกไปรับซื้อเองที่สวน หรือจุดรับซื้อหรือพ่อค้าต่างจังหวัด อาจซื้อจากพ่อค้าขายส่งในกรุงเทพฯ แล้วนำไปจำหน่ายยังจังหวัดของตน หรือจำหน่ายไปตามจังหวัดต่างๆ ของประเทศ ซึ่งตลาดรวบรวมที่สำคัญมักอยู่ในจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคนั้นๆ เช่น หาดใหญ่ สงขลา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น เป็นต้น
2. ลำไยกระป๋อง ส่วนใหญ่ตลาดภายในประเทศของลำไยกระป๋อง มักจะกระจัดกระจายอยู่ตามร้านค้าทั่วๆ ไปหรือตามศูนย์การค้าต่างๆ
3. ลำไยอบแห้ง ตลาดจะมีอยู่ทั่วๆไป ตามร้านค้าหรือศูนย์การค้าต่างๆ

ตลาดลำไยต่างประเทศ

โดยภาพรวมแล้วมูลค่าการส่งออกในแต่ละผลิตภัณฑ์ของลำไย คือ ลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยอบแห้งและลำไยกระป๋อง มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นตลอดมาทุกปี ซึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญในแต่ละผลิตภัณฑ์ มีดังนี้
1. ลำไยสด มีตลาดหลักที่สำคัญ คือ ฮ่องกง รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย แคนาดา สิงคโปร์ จีน ตามลำดับ โดยการนำเข้าลำไยสดของฮ่องกงเป็นการส่งออกต่อไปยังจีน ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ อินเดีย และบรูไน มีการนำเข้าลำไยสดเพียงเล็กน้อย
2. ลำไยแช่แข็ง มีตลาดหลักที่สำคัญ คือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และฮ่องกง ตามลำดับ แต่การส่งออกลำไยแช่แข็ง ยังถือว่ามีปริมาณการส่งออกที่น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ลำไยประเภทอื่นๆ
3. ลำไยอบแห้ง มีตลาดหลักที่สำคัญ คือฮ่องกงและจีน รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สวิสเซอร์แลนด์ และมาเลเซีย ตามลำดับ ส่วนสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และแคนาดามีการนำเข้าลำไยอบแห้งเพียงเล็กน้อย
4. ลำไยกระป๋อง มีตลาดหลักที่สำคัญ คือ มาเลเซียและสิงคโปร์ รองลงมาได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย ตามลำดับ ส่วนฝรั่งเศส จีน กัมพูชา ออสเตรเลีย เวียดนาม และญี่ปุ่น มีการนำเข้าลำไยกระป๋องเพียงเล็กน้อย

ประเภทคู่แข่งขัน

1. ลำไยสด ลำไยของไทยแทบจะไม่มีปัญหาทางด้านคู่แข่งขัน เนื่องจากประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น จีน ไต้หวัน เวียดนาม ออสเตรเลีย เป็นต้น ยังไม่สามารถแข่งขันกับประเทศไทยได้ทั้งในด้านปริมาณที่มีมากกว่า ราคาที่เหมาะสม รวมทั้งคุณภาพและรสชาดลำไยของไทยที่ดีกว่า เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วๆ ไป อย่างไรก็ตาม คู่แข่งขันที่ไม่ควรมองข้าม คือ จีน เนื่องจากในปัจจุบันจีนเร่งเพิ่มพื้นที่การผลิตลำไยในประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในมณฑลกวางสี ได้เร่งปลูกลำไยพันธุ์จูเลี่ยน ซึ่งจะให้ผลผลิตในอีก 2 ปี ข้างหน้า ซึ่งเมื่อจีนมีปริมาณลำไยในประเทศเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้มีการนำเข้าลำไยจากต่างประเทศลดลงตามไปด้วย
2. ลำไย กระป๋อง คู่แข่งขันของไทยมีเพียงประเทศไต้หวันเท่านั้น แต่ลำไยกระป๋องของไต้หวันมีต้นทุนการผลิตที่สูง ทำให้มีราคาที่สูงกว่าของไทย ดังนั้นลำไยกระป๋องของไต้หวันจึงไม่มีผลกระทบกับการส่งออกลำไยกระป๋องของไทยมากนัก
3. ลำไยอบแห้ง คู่แข่งของไทย ได้แก่จีน ไต้หวันและเวียดนาม ถึงแม้ว่าคุณภาพลำไยอบแห้งของจีนและไต้หวันจะดีกว่าของไทย แต่ก็มีราคาที่สูงกว่า ส่วนลำไยอบแห้งของเวียดนามนั้น มีคุณภาพและราคาที่ต่ำกว่าของไทย
โดยสรุปแล้วการส่งออกลำไยสด ลำไยแช่แข็งและลำไยกระป๋อง แทบจะไม่มีปัญหาทางด้านคู่แข่ง ส่วนลำไยอบแห้งยังถือได้ว่า ไทยยังมีศักยภาพทางด้านการแข่งขันที่ดีกว่าคู่แข่งขัน

ปัญหาทางด้านการตลาดลำไย

ปัญหาทางด้านการตลาดที่สำคัญ ได้แก่
1. เกษตรกรขาดข้อมูลข่าวสารทางการตลาดที่ทันสมัย
2. การที่รัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาลำไย โดยการเพิ่มปริมาณผลผลิตให้มากขึ้นจะก่อให้เกิดปัญหาลำไยล้นตลาดซึ่งจะส่งผลให้ราคาลำไยตกต่ำได้
3. ข้อมูลทั้งทางด้านการผลิตและการตลาดที่ได้จากการประมาณการบางปี คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทำให้ยากต่อการวางแผนการผลิตและการตลาด
4. ขาดระบบการตลาดที่ดี เนื่องจากเกษตรกรยังมีลักษณะที่ต่างคนต่างขาย ทำให้ขาดอำนาจการต่อรอง รวมทั้งเกษตรกรยังมีความรู้ในเรื่องของตลาดกลางค่อนข้างน้อย
5. การใช้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศมากนัก
6. การจัดเกรดมาตรฐานลำไยที่ไม่แน่นอน ทำให้เกิดปัญหาในการกำหนดราคาซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม
7. ราคาลำไยมีความแปรผันสูง ทำให้เกษตรกรไม่สามารถทราบราคาขายที่แน่นนอนได้
8. ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทรนเนอร์และเที่ยวบินในการขนส่ง
9. การส่งออกลำไยสดที่ไม่แก่จัด หรือลำไยอบแห้งที่มีเชื้อรา ทำให้ต่างประเทศขาดความเชื่อถือเกิดผลเสียต่อผู้ส่งออกและประเทศชาติ

10. ตลาดลำไยส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศแถบเอเชีย ตลาดในทวีปยุโรปยังถือว่าแคบ

11. การเผยแพร่หรือการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับลำไยไทยในตลาดต่างประเทศยังมีน้อยเกินไป

ข้อเสนอแนะ

1. เกษตรกรควรมีการรวมกลุ่มกัน เพื่อร่วมกันในการวางแผนการผลิตให้ปริมาณผลผลิตที่ออกมาสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
2. ภาครัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพัฒนาตลาดรับซื้อลำไยที่สำคัญให้เป็นศูนย์กลางการซื้อขายในรูปแบบของตลาดกลางซื้อขายลำไย
3. ภาครัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคเอกชน มีการแปรรูปลำไยอบแห้งที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ รวมทั้งจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้เอกชนกู้ยืม สำหรับการแปรรูปลำไยเพื่อการส่งออก
4. หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งหาวิธีการในการใช้ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์สำหรับการอบลำไย ให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ
5. ภาครัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการตลาดที่ทันสมัย รวมทั้งวิธีการจัดมาตรฐานคุณภาพของลำไยที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดการนำไปปฏิบัติได้จริงในตลาด และผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในคุณภาพของลำไย
6. ภาครัฐบาลควรส่งเสริมและจัดหาวิธีการขนส่งให้เพียงพอกับความต้องการ เช่น ในช่วงที่มีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมาก ควรสนับสนุนเที่ยวบินในการขนส่งลำไยให้มากขึ้น เพื่อจะได้กระจายผลผลิตไปตลาดต่างประเทศได้เร็วขึ้น
7. ภาครัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งหาตลาดลำไยใหม่ เพื่อขยายตลาดต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะตลาดแถบประเทศยุโรป รวมทั้งควรมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ชื่อเสียงของลำไย เพื่อให้ผู้บริโภคชาวต่างประเทศได้รู้จักลำไยไทยและมีความต้องการบริโภคลำไยของไทยมากขึ้น เช่น การเชิญพ่อค้าผู้นำเข้าผลไม้ มาพบปะผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตลำไยไทย เพื่อจะได้มีการสั่งซื้อในอนาคตต่อไป
8. ควรมีการปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการตลาดส่งออกลำไยของไทย ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่นำมาใช้สำหรับการเพิ่มคุณภาพของลำไย และเพิ่มแรงจูงใจแก่ผู้บริโภคให้หันมาสนใจลำไยของไทยมากขึ้น

สรุป

ลำไยยังเป็นผลไม้ที่ตลาดยังมีความต้องการอีกมาก ทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศขายได้ในระดับราคาที่น่าพอใจ สามารถส่งออกได้ทั้งในลักษณะลำไยสด ลำไยแช่แข็ง ลำไยกระป๋องและลำไยอบแห้ง มีโอกาศทางการตลาดที่สดใส ดังนั้นภาครัฐบาลและภาคเอกชนควรที่จะได้มีการร่วมมือกันอย่างจริงจัง ในการพัฒนากระบวนการผลิตและการตลาดของลำไย เพื่อให้เป็นผลไม้ที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป

 

ตลาดส่งออกลำไยแห้ง ของไทย

มูลค่า : ล้านบาท
รายการ
2539
2540
2541
2541(มค.-พค.)
2542(มค.-พค.)
1. โลก 1,053.7 2,142.9 85.4 28.4 22.2
2. อาเซียน 37.5 61.5 12.8 9.4 5.8
3. สหภาพยุโรป 1.7 3.1 1.5 0.2 0.5
4. ญี่ปุ่น 1.0 0.1 0.6 0.2 0.2
5. สหรัฐอเมริกา 6.8 15.2 2.1 1.7 0.3
อื่นๆ 1,006.6 2,062.9 68.4 16.8 15.3
ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ตลาดส่งออกลำไยแห้ง 10 ประเทศแรกของไทย

รายการ

2539

2540

2541

2540

2542

(มค.-พค.)

(มค.-พค.)

1. ฮ่องกง

719.9

1,140.4

19.6

8.9

12.2

2. สิงคโปร์

26.5

50.2

8.9

5.5

5.8

3. จีน

233.1

815.0

38.9

5.6

1.9

4. ออสเตรเลีย

2.5

5.1

2.1

1.5

0.8

5. ฝรั่งเศส

0.9

2.6

1.1

0.1

0.5

6. สหรัฐอเมริกา

6.8

15.2

2.1

1.7

0.3

7. แคนาดา

2.1

4.9

0.7

0.3

0.3

8. ญี่ปุ่น

1.0

0.1

0.6

0.2

0.2

9. เยอรมนี

0.3

0.4

0.1

0.0

0.0

10.สวิตเซอร์แลนด์

1.5

43.9

6.4

0.0

0.0

รวม 10 รายการ

994.7

2,077.9

80.5

23.8

22.2

อื่นๆ

59.0

65.0

4.9

4.6

0.0

มูลค่ารวม

1,053.7

2,142.9

85.4

28.4

22.2

ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ตลาดส่งออกลำไยแห้ง แช่เย็น- สด ของไทย

มูลค่า : ล้านบาท

รายการ

2539

2540

2541

2541

2542

(มค.-พค.)

(มค.-พค.)

1. โลก

1,286.4

2,119.9

149.4

6.8

87.7

2. อาเซียน

227.4

379.2

0.2

0.0

0.0

3. สหภาพยุโรป

7.3

5.2

3.5

0.0

0.0

4. ญี่ปุ่น

1.3

0.0

0.0

0.0

0.0

5. สหรัฐอเมริกา

2.0

0.0

0.0

0.0

0.0

อื่นๆ

1,048.4

1,735.5

145.6

6.7

87.7

ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ตลาดส่งออกลำไย แช่เย็น - สด 10 ประเทศแรกของไทย

รายการ

2539

2540

2541

2541

2542

(มค.-พค.)

(มค.-พค.)

1. ฮ่องกง

965.6

1,597.9

112.8

6.5

64.7

2. แคนาดา

65.8

69.1

32.3

0.0

22.0

3. จีน

9.0

40.9

0.2

0.0

0.8

4. สหรัฐอาหรับอมิเรตส์

0.0

0.0

0.0

0.0

0.1

5. สิงคโปร์

49.9

57.8

0.2

0.0

0.0

6. ออสเตรีย

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

7. ออสเตรเลีย

0.0

0.2

0.2

0.1

0.0

8. บังกลาเทศ

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

9. สวิตเซอร์แลนด์

2.2

15.5

0.0

0.0

0.0

10. เดนมาร์ก

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

รวม 10 รายการ

1,092.4

1,781.6

145.8

6.7

87.7

อื่นๆ

194.0

338.3

3.5

0.1

0.0

มูลค่ารวม

1,286.4

2,119.9

149.4

6.8

87.7

ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ตลาดส่งออกลำไยแช่แข็ง ของไทย

มูลค่า : ล้านบาท

รายการ

2539

2540

2541

2541

2542

(มค.-พค.)

(มค.-พค.)

1. โลก

12.6

14.8

19.9

1.5

0.3

2. อาเซียน

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

3. สหภาพยุโรป

1.0

2.3

5.6

0.0

0.0

4. ญี่ปุ่น

1.8

2.1

0.5

0.0

0.0

5. สหรัฐอเมริกา

6.6

9.1

4.7

1.0

0.2

อื่นๆ

3.2

1.3

9.1

0.5

0.2

ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร
หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

ตลาดส่งออกลำไยแช่แข็ง 10 ประเทศแรกของไทย

รายการ

2539

2540

2541

2541

2542

(มค.-พค.)

(มค.-พค.)

1. ไต้หวัน

0.1

0.0

0.4

0.4

0.2

2. สหรัฐอเมริกา

6.6

9.1

4.7

1.0

0.2

3. ออสเตรเลีย

0.9

0.2

0.0

0.0

0.0

4. แคนาดา

0.8

0.2

6.6

0.1

0.0

5. เยอรมนี

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

6. ฝรั้งเศส

1.0

2.3

5.6

0.0

0.0

7. ฮ่องกง

1.4

0.6

2.0

0.0

0.0

8. ญี่ปุ่น

1.8

2.1

0.5

0.0

0.0

9. เกาหลีใต้

0.0

0.3

0.0

0.0

0.0

10.ลาว

0.0

0.0

0.0

0.0

0.0

รวม 10 รายการ

12.6

14.7

19.9

1.4

0.3

อื่นๆ

0.0

0.1

0.0

0.0

0.0

มูลค่ารวม

12.6

14.8

19.9

1.5

0.3

ที่มา : ศูนย์สารสนเทศเศรษฐกิจการค้า โดยความร่วมมือของกรมศุลกากร

หมายเหตุ : ปี 2542 เป็นตัวเลขเบื้องต้น

การปลูกและการดูแลรักษา การแปรูปลำไย พฤษกศาสตร์และนิเวศน์วิทยา การใช้สารโปรแตสเซียมในการเร่งดอก การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม ราคาและต้นทุนการผลิตลำไย กลยุทธ์การพัฒนาลำไย ประโยชน์ของลำไย สถานการณ์ผลิตลำไยจังหวัดเชียงใหม่ เอกสารอ้างอิง พันธุ์ลำไย มาตรฐานลำไยของประเทศไทย ประวัติและถิ่นกำเนินของลำไย การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับลำไย