8. การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม
Good Agricultural Practice : GAP
การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม คือ แนวทางในการทำเกษตรกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพที่ดี ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุน และขบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกร และผู้บริโภค มีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุดเกิดความยั่งยืนทางการเกษตรและไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมการผลิตดังกล่าวจะมีคำแนะนำของทางราชการ ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติได้ภายใต้สภาวะที่เป็นจริง เหมาะสมแก่สภาพท้องถิ่นและภูมิประเทศขั้นตอนการผลิตทางการเกษตรบางขั้นตอน อาจก่อให้เกิดปัญหาทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น การป้องกันกำจัดศัตรูพืชอาจมีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายและมีพิษตกค้างสูง เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หรือการให้ปุ๋ยให้น้ำแก่ผักหรือผลไม้ที่ใช้บริโภคสด อาจมีเชื้อโรคติดมาเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการแนะนำแนวทางการผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว

การผลิตลำไยอย่างถูกต้องและเหมาะสม

Good Agricultural Practice ( GAP ) for Longan

การผลิตทางการเกษตรอย่างถูกต้องและเหมาะสมสำหรับลำไยเป็นคำแนะนำสำหรับให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติ เพื่อให้ได้ผลผลิตลำไยที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และมีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

1. แหล่งปลูก

แหล่งปลูกที่เหมาะสมสำหรับลำไยควรคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญคือ

1.1

พื้นที่

- มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 100 - 1,000 เมตร
  - มีความลาดเอียง 10 - 15%
  - มีการระบายน้ำดี ระดับน้ำใต้ดินลึกกว่า 2 เมตร
  1.2 ลักษณะดิน
  - ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง หน้าดินลึกมากกว่า 50 เซนติเมตร
  - มีความเป็นกรดด่าง 5.5 - 6.5
  1.3 สภาพภูมิอากาศ
 
  - มีอุณหภูมิช่วงฤดูหนาวต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส นานติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์
  - มีปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิเมตร และมีการกระจายของฝนดี
  1.4 แหล่งน้ำ
  - มีแหล่งน้ำสะอาดและมีปริมาณมากพอที่จะให้น้ำได้ตลอดช่วงฤดูแล้ง
2.พันธุ์
ควรมีลักษณะดังนี้
- ต้นพันธุ์ควรมีประวัติการติดผลดกติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี
- มีเปอร์เซนต์ผลใหญ่จำนวนมาก มีคุณภาพดี เนื้อหนาเมล็ดเล็ก สีผิวเหลืองนวล
- เหมาะสมสำหรับบริโภคสด และทำลำไยอบแห้ง
3. การปลูก
- ควรเตรียมพันธุ์ดีที่ต้องการไว้ล่วงหน้า 1 ปี เพื่อจะได้ต้นลำไยที่แข็งแรง
- เตรียมหลุมปลูกขนาด 80x80x80 เซนติเมตร วางผังให้ระยะปลูก 8x10 เมตร
- ขุดหลุม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 3 - 5 กิโลกรัมคลุกเคล้ากับหน้าดินแล้วใส่ลงหลุม พูนดินสูงจากปากหลุม 15 เซนติเมตร
- ก่อนปลูกทำหลุมเท่ากระเปาะชำต้นลำไย วางต้นลำไยแล้วกลบโคนให้แน่น
- ทำหลักป้องกันต้นลำไยโยกคลอน รดน้ำให้ชุ่ม
- พรางแสงให้จนกระทั่งแตกยอดอ่อน 1 ครั้ง จึงงดการพรางแสง
4. การตัดแต่งกิ่ง
- ต้นลำไยอายุ 1 - 3 ปียังไม่ให้ผลผลิต ควรตัดแต่งให้ลำไยมีลักษณะทรงพุ่มเป็นทรงกลม
- ลำไยอายุ 4 - 5 ปี ให้ผลแล้ว ควรตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บเกี่ยว ตัดกิ่งกลางทรงพุ่มที่อยู่ในแนวตั้งเหลือตอกิ่ง เพื่อเปิดกลางทรงพุ่มให้ได้รับแสงสว่างมากขึ้น
- ลำไยอายุ 5 - 10 ปี ตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บเกี่ยวเพื่อไม่ให้ทรงพุ่มชนกัน ตัดแต่งเช่นเดียวกับลำไยอายุ 4 - 5 ปี ตัดปลายกิ่งทั้งแนวนอน และแนวราบให้มีความสูงเหลือเพียง 3 เมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงานสำหรับลำไยที่ให้ผลผลิตแล้ว ควรตัดแต่งกิ่งแบบกิ่งเว้นกิ่งเพื่อให้ลำไยออกดอกสม่ำเสมอทุกปี
5. การให้ปุ๋ย
ลำไยอายุ 5 ปี ขึ้นไป มีการใส่ปุ๋ยเคมี ดังนี้
- หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0 อัตราส่วน 1: 1 ต้นละ 2 กิโลกรัม กระตุ้นให้ลำไยแตกใบอ่อน
- เมื่อลำไยแตกใบอ่อนชุดที่ 2 ประมาณต้นเดือน กันยายน ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0 อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 2 กิโลกรัม
- ประมาณต้นเดือนตุลาคม กระตุ้นให้ลำไยมีใบแก่ พักตัวสะสมอาหารเตรียมความพร้อมต่อการผ่านช่วงหนาวที่จะกระตุ้น ให้ลำไยออกดอก ใส่ปุ๋ย 0-46-0+0-0-60 อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 2 กิโลกรัม
- เดือนพฤศจิกายน ใส่ปุ๋ย 0-52-34 อัตรา 150 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วทรงพุ่มเพื่อไม่ให้ลำไยแตกใบใหม่
- เมื่อลำไยติดผล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 1 - 1.5 กิโลกรัม เพื่อบำรุงผลให้เจริญเติบโต
- ก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน ใส่ปุ๋ย 0-0-60 อัตราต้นละ 1 - 2 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิต
6. การให้น้ำ
6.1 วิธีการให้น้ำ
- แบบใช้สายยางรด ลงทุนต่ำแต่ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ
- แบบข้อเหวี่ยงขนาดเล็ก เป็นการให้น้ำในกรณีมีแหล่งน้ำจำกัด ต้นทุนสูงกว่าแบบแรก
- แบบน้ำหยด เหมาะสำหรับที่มีแหล่งน้ำจำกัดมากต้นทุนสูง
6.2 ปริมาณน้ำ
ช่วงฤดูแล้งหลังออกดอก เริ่มให้น้ำเมื่อลำไยมีดอกบานปฏิบัติดังนี้
- สัปดาห์แรก ฉีดน้ำพรมที่กิ่งและโคนต้นเล็กน้อยเพื่อให้ลำไยค่อยๆ ปรับตัว
- สัปดาห์ที่สอง เริ่มให้น้ำเต็มที่ สำหรับต้นลำไยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 7 เมตร ให้น้ำปริมาณครั้งละ 200 - 300 ลิตร ต่อต้น สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
7. การดูแลรักษาหลังการติดผล
7.1 การค้ำกิ่ง โดยใช้ไม้ไผ่ค้ำกิ่งทุกกิ่ง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักเนื่องจากพายุลมแรง และกิ่งที่มีผลลำไยจำนวนมาก
7.2 การป้องกันกำจัดศัตรูลำไย
เมื่อมีโรคและแมลงศัตรูระบาดในระยะนี้ ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรค และสารฆ่าแมลงตามคำแนะนำ ในช่วงก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือนควรห่อผลลำไยเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของแมลงศัตรูพืช เช่น ผีเสื้อมวนหวานหนอนเจาะขั้ว ค้างคาว และเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อไม่ให้มีการตกค้างของสารเคมีในผลผลิตลำไย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
8. การป้องกันกำจัดศัตรูลำไย
8.1 แมลงศัตรูที่สำคัญ
หนอนเจาะขั้วลิ้นจี่ ( Linchi fruitborer )
8.1.1หนอนเจาะขั้วลิ้นจี่ Conopomorpha sinensisi ( Bradly ) ทำลายขั้วผลลำไยในช่วงเดือนมีนาคม - สิงหาคม
การป้องกันกำจัด
- เก็บผลร่วงเนื่องจากการทำลายของหนอนเจาะขั้วแล้วทำลายทิ้ง
- หลังการเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่งโดยเฉพาะกิ่งที่ใบมีดักแด้ของหนอนเจาะขั้วทิ้ง
- หลังติดผลแล้ว 1 - 2 สัปดาห์ สุ่มช่อผล 10 ช่อต่อต้นถ้าพบไข่ให้พ่นคาร์บาริล85% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าพบปริมาณมากเกิน 5% ของผลที่สุ่มพ่นคลอร์ไพริฟอส/ไซเพอร์เมทริน 55% EC ( นูเรลล์ - L 505 EC ) อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ควรหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว 10 วัน
8.1.2 มวนลำไย ( Longan stink bug )
มวนลำไย Tessaratoma papillosa ( Drury ) ทำลายผลลำไยช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม
การป้องกันกำจัด
- หลังการเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่งให้โปร่งป้องกันการหลบซ่อนอยู่ข้ามฤดู
- สำรวจไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย ถ้ามีไม่มากเก็บทำลาย
- ถ้าสำรวจพบไข่ถูกแตนเบียนทำลาย ( มีลักษณะเป็นสีดำ ) จำนวนมาก ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลง
- ถ้าพบไข่จำนวนมาก และไม่ถูกแตนเบียนทำลาย ( มีสีครีมหรือสีแดงเมื่อใกล้ฟัก )พ่นด้วยคาร์บาริล 85% WP อัตรา 45 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว7 วัน
8.1.3 ผีเสื้อมวนหวาน ( Fruit moth )
ผีเสื้อมวนหวานชนิดที่พบมากคือ Othreis fullonia ( Clerck ) ทำลายผลลำไยในช่วง เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม
การป้องกันกำจัด
- ห่อผลด้วยกระดาษเพื่อป้องกันการทำลาย
- กำจัดวัชพืช เช่น ย่านาง ต้นข้าวสาร และบรเพ็ดที่อยู่บริเวณรอบสวน
- ใช้เหยื่อพิษ โดยใช้สัปปะรดสุกตัดเป็นชิ้นจุ่มในสารละลายของคาร์บาริล 85%WP อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร นาน 5 นาที นำไปแขวนในสวนเป็นจุดๆ ห่างกัน จุดละ 20 เมตร ขณะผลลำไยใกล้สุก
- ใช้แสงไฟส่องและใช้สวิงโฉบจับผีเสื้อทำลาย ( ช่วงเวลา 20.00 - 22.00 น. )
8.1.4 หนอนเจาะกิ่ง ( Red coffee borer )
หนอนเจาะกิ่ง Zeuzera coffeae ( Nietner ) พบระบาดเป็นครั้งคราวตลอดทั้งปี
การป้องกันกำจัด
- ตัดกิ่งแห้งที่มีหนอนทำลายเผาทิ้ง
- ถ้าพบรูที่ถูกเจาะตามกิ่งและลำต้น ใช้สารฆ่าแมลง เช่น คลอร์ไพริฟอส 40% ECอัตรา 1 - 2 มิลลิเมตรต่อรู ฉีดเข้าในรูแล้วอุดด้วยดินเหนียว
8.1.5 หนอนชอนใบ ( Leaf miner )
หนอนชอนใบ Conopomorpha litchiella ( Bradley ) พบระบาดทั้งปีในช่วงที่ลำไยแตกใบอ่อน
การป้องกันกำจัด
- การทำลายในต้นเล็ก ( อายุ 1 - 3 ปี ) ถ้ามีปริมาณไม่มาก ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลงเพราะจะมีอันตรายต่อแมลงศัตรูธรรมชาติ
· ในระยะแตกใบอ่อน หากพบอาการยอดแห้งหรือใบอ่อนถูกทำลาย พ่นด้วยอิมิดาโคลพริด 10% SL อัตรา 8 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 - 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 7 วัน
8.1.6 ไรลำไย ( Longan crineum mite )
ไรลำไย Aceria longana พบทำลายลำไยระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม
การป้องกันกำจัด
- เมื่อสำรวจพบ ยอดมีอาการแตกเป็นพุ่มคล้ายไม้กวาดให้ตัดทำลาย
- ถ้ามีการทำลายเป็นบริเวณกว้าง พ่นด้วยกำมะถันผง 80% WP อัตรา 40 กรัม ต่อ
น้ำ20 ลิตรหรือ อามีทราซ 20% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 - 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 วัน
8.2 โรคที่สำคัญของลำไย
8.2.1 โรคกระหรี่ หรือโรคพุ่มไม้กวาด
ส่วนที่เป็นตาเกิดอาการแตกยอดฝอยเป็นมัดไม้กวาดเป็นรุนแรงทำให้ต้นลำไยมีอาการทรุดโทรม

การป้องกันกำจัด

- ตัดกิ่งเป็นโรคออกเผาทำลายในแหล่งมีการระบาดของโรค พ่นด้วยกำมะถันผง 80% WP อัตรา 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรืออามีทราซ 20% EC อัตรา 40 มิลลิกรัมต่อน้ำ 20 ลิตร จำนวน 1-3 ครั้ง ห่างกัน 4 วัน เพื่อป้องกันกำจัดไรลำไย
- ขยายพันธุ์ปลูกจากต้นแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ตรงตามพันธุ์และไม่ปรากฏอาหารของโรคพุ่มไม้กวาด
8.2.2 โรคราน้ำฝน หรือโรคผลเน่า โรคใบใหม้เมื่อเข้าทำลายผลจะทำให้ผลเน่าและร่วม เป็นที่ใบอ่อน ยอดอ่อน ทำให้เกิด
อาการใบและยอดไหม้ระบาดในช่วงฤดูฝน
การป้องกันกำจัด
พ่นด้วยเมทาเลกซิล 25% WP อัตรา 20-30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 ครั้ง ทันที่ที่พบโรคที่ผล และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังพ่นสาร 10-15 วัน ส่วนโรคที่ใบในช่วงผลิใบอ่อนพ่นป้องกันกำจัดเช่นเดียวกับเป็นที่ผลลำไย
8.3 การจัดการวัชพืช
การจัดการวัชพืชมีหลายวิธี เช่น การปลูกพืชคลุมดินซึ่งจะช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดิน ช่วยรักษาความชื้น และเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดิน การตัดวัชพืชระหว่างแถวปลูก และระหว่างต้นลำไยซึ่งอาจจะใช้สลับกับการพ่นสารกำจัดวัชพืชบ้าง โดยพ่นเพียงปีละครั้งเมื่อไม่สามารถตัดวัชพืชได้ทันด้วยเหตุผลเพราะขาดแรงงานหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมที่จะตัดวัชพืชได้ การรักษาบริเวณโคนต้นลำไยให้สะอาด ควรตัดวัชพืชให้สั้น ไม่ควรใช้จอบดาย เนื่องจากเป็นอันตรายต่อระบบรากของลำไยและควรหลีกเลี่ยงการใช้สารกำจัดวัชพืชบริเวณใต้ทรงพุ่มอย่างไรก็ตามหากจำเป็นจริง ๆ อาจใช้ได้บ้าง แต่ควรให้น้อยครั้งที่สุดสารกำจัดวัชพืชในสวนลำไย ได้แก่ ไกลโฟเสท กลูโฟซิเนต แอมโมเนียมและพาราควอท ใช้พ่นหลังวัชพืชงอกในขณะมีวัชพืชมีใบมากที่สุด ปริมาณน้ำที่ใช้ผสมน้ำเพื่อพ่นในพื้นที่ 1 ไร่ คือ 60-80 ลิตร สำหรับอัตราการใช้ มีดังนี้
- ไกลโฟเสท 48% SL อัตรา 500-600 มิลลิลิตร/ไร่
- กลูโฟซิเนต-แอมโมเนีย 15% SL อัตรา 800-2,000 มิลลิลิตร/ไร่
- พาราควอท 2706% SL อัตร 300-600 มิลลิลิตร/ไร่
8.4 การป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย
- จะต้องทราบชนิดและรายละเอียดของศัตรูพืชที่ต้องการป้องกันกำจัด
- เลือกใช้สารให้เหมาะสมกับชนิดของศัตรูพืช สารนั้นต้องมีประสิทธิภาพดีต่อศัตรูพืช นั้นโดยเฉพาะ
- ใช้สารที่สลายตัวเร็วกับพืชอาหารเมื่อใกล้เวลาเก็บเกี่ยว
- ให้ใช้สารเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ในฉลาก หรือตามคำแนะนำของทางราชการ
- ไม่ควรผสมสารเกิน 1 ชนิดขึ้นไปในการพ่นแต่ละครั้ง ยกเว้นในกรณีที่ทางราชการแนะนำให้ใช้
- ควรพ่นสารเฉพาะเมื่อพบว่ามีศัตรูพืชเข้าทำลายในระดับที่จะเกิดความเสียหายต่อผลผลิต และหากมีการระบาดรุนแรงก็ให้เพิ่มจำนวนครั้งมากขึ้นได้
- การเลือกใช้เครื่องพ่นสาร และวิธีการใช้สารจะต้องเหมาะสมกับชนิดของสารและศัตรูพืช
- ไม่ควรเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนสารที่ใช้จะสลายตัวถึงระดับปลอดภัย โดยดูจากคำแนะนำ การเว้นระยะเก็บเกี่ยวหลังการพ่นสารครั้งสุดท้ายในฉลาก
9. สุขลักษณะและความสะอาด
ตัดวัชพืชให้สั้นอยู่เสมอทั่วทั้งแปลง โดยเฉพาะบริเวณโคนต้น และบริเวณระหว่างต้น ระหว่างแถวลำไย หลังการตัดแต่งกิ่งควรนำกิ่งที่ตัดทิ้งออกไปนอกสวนแล้วเผาทำลาย เศษวัสดุจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้งานในสวนแล้วควรเก็บออกไปฝังดินนอกสวน สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีควรเก็บในที่ปลอดภัยห่างไกลจากอาหาร แหล่งน้ำ สัตว์เลี้ยง และที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชควรทำความสะอาดหลังจากใช้งานแล้ว หากชำรุดควรซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีพร้อมจะใช้ปฏิบัติงาน
10. การเก็บเกี่ยว
ใช้กรรไกรตัดช่อผลลำไยจากต้น นำช่อผลบรรจุภาชนะรองรับเช่น ตะกร้าที่มีกระสอบหรือฟองน้ำรองก้น การตัดช่อผลต้องให้มีใบสุดท้ายที่ติดช่อผล ( หรือใบแรกที่ติดช่อผล ) ไปด้วย เพราะตาที่อยู่ถัดไปอีก 1 ตา เป็นตาที่สมบูรณ์แข็งแรงพร้อมที่จะแตกเป็นกิ่งใหม่ต่อไป ขนย้ายผลลำไยไปโรงคัดเกรดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการบอบช้ำ
11. วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว
ตัดผลลำไยที่มีขนาดเล็กไม่ได้มาตรฐานในแต่ละช่อออกตัดก้านช่อผลเหลือยาวไม่เกิน 15 ซม. รวมช่อผลลงบรรจุในตะกร้าพลาสติกที่มีฟองน้ำรองก้น พร้อมคัดขนาดไปในคราวเดียวกัน บรรจุลำไยตะกร้าละ 10 กิโลกรัม ปิดทับฟองน้ำก่อนปิดด้วยฝาตะกร้า ผูกเชือกให้แน่น นำตะกร้าบรรจุลำไยผ่านความเย็นโดยใช้ไอเย็นก่อนการรมด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ( SO2) หลังการรมด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ นำตะกร้าบรรจุลำไยขนส่งโดยรถที่มีระบบห้องเย็นเพื่อขนส่งในวันเดียวกัน และเมื่อไปถึงท่าเทียบเรือแล้วควรขนลงตู้คอนเทนเนอร์ ( container ) ซึ่งปรับอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส เพื่อขนส่งไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป
12. การบันทึกข้อมูล
ควรบันทึกข้อมูลวันปฏิบัติการต่างๆ โดยการจัดสมุดบันทึกทำเป็นตารางเพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลใช้ประโยชน์ในการพยากรณ์เหตุการณ์ในปีต่อๆ ไป และเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่างๆ ได้แก่วันปฏิบัติการต่างๆ เช่น วันตัดแต่งกิ่ง วันใส่ปุ๋ย ชนิดปุ๋ยที่ใช้ วันพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช ชนิด และอัตราที่ใช้ วันที่มีโรคแมลงแต่ละชนิดระบาด อุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณน้ำฝน ( ถ้ามี ) ผลผลิต และอื่นๆ
การปลูกและการดูแลรักษา การแปรูปลำไย พฤษกศาสตร์และนิเวศน์วิทยา การใช้สารโปรแตสเซียมในการเร่งดอก การตลาดลำไย ราคาและต้นทุนการผลิตลำไย กลยุทธ์การพัฒนาลำไย ประโยชน์ของลำไย สถานการณ์ผลิตลำไยจังหวัดเชียงใหม่ เอกสารอ้างอิง พันธุ์ลำไย มาตรฐานลำไยของประเทศไทย กลับไปหน้าสารบัญลำไย ประวัติและถิ่นกำเนินของลำไย การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับลำไย
กลับไปหน้าแรก