8.
การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม
|
Good
Agricultural Practice : GAP
|
การผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม
คือ แนวทางในการทำเกษตรกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพที่ดี ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด
ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุน และขบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกร และผู้บริโภค
มีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุดเกิดความยั่งยืนทางการเกษตรและไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมการผลิตดังกล่าวจะมีคำแนะนำของทางราชการ
ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติได้ภายใต้สภาวะที่เป็นจริง เหมาะสมแก่สภาพท้องถิ่นและภูมิประเทศขั้นตอนการผลิตทางการเกษตรบางขั้นตอน
อาจก่อให้เกิดปัญหาทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น การป้องกันกำจัดศัตรูพืชอาจมีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายและมีพิษตกค้างสูง
เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค หรือการให้ปุ๋ยให้น้ำแก่ผักหรือผลไม้ที่ใช้บริโภคสด
อาจมีเชื้อโรคติดมาเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการแนะนำแนวทางการผลิตทางการเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว |
การผลิตลำไยอย่างถูกต้องและเหมาะสม
|
Good
Agricultural Practice ( GAP ) for Longan
|
การผลิตทางการเกษตรอย่างถูกต้องและเหมาะสมสำหรับลำไยเป็นคำแนะนำสำหรับให้เกษตรกรนำไปปฏิบัติ
เพื่อให้ได้ผลผลิตลำไยที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
และมีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
|
1.
แหล่งปลูก
|
แหล่งปลูกที่เหมาะสมสำหรับลำไยควรคำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญคือ
|
|
1.1
|
พื้นที่ |
|
|
-
มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 100 - 1,000 เมตร
|
|
|
-
มีความลาดเอียง 10 - 15% |
|
|
-
มีการระบายน้ำดี ระดับน้ำใต้ดินลึกกว่า 2 เมตร |
|
1.2
|
ลักษณะดิน |
|
|
-
ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง หน้าดินลึกมากกว่า 50 เซนติเมตร |
|
|
-
มีความเป็นกรดด่าง 5.5 - 6.5 |
|
1.3
|
สภาพภูมิอากาศ |
|
|
|
|
|
-
มีอุณหภูมิช่วงฤดูหนาวต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส นานติดต่อกันประมาณ 2
สัปดาห์ |
|
|
-
มีปริมาณน้ำฝนไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิเมตร และมีการกระจายของฝนดี |
|
1.4
|
แหล่งน้ำ |
|
|
-
มีแหล่งน้ำสะอาดและมีปริมาณมากพอที่จะให้น้ำได้ตลอดช่วงฤดูแล้ง |
2.พันธุ์ |
ควรมีลักษณะดังนี้ |
-
ต้นพันธุ์ควรมีประวัติการติดผลดกติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี |
-
มีเปอร์เซนต์ผลใหญ่จำนวนมาก มีคุณภาพดี เนื้อหนาเมล็ดเล็ก สีผิวเหลืองนวล |
-
เหมาะสมสำหรับบริโภคสด และทำลำไยอบแห้ง |
3.
การปลูก |
-
ควรเตรียมพันธุ์ดีที่ต้องการไว้ล่วงหน้า 1 ปี เพื่อจะได้ต้นลำไยที่แข็งแรง |
-
เตรียมหลุมปลูกขนาด 80x80x80 เซนติเมตร วางผังให้ระยะปลูก 8x10 เมตร |
-
ขุดหลุม รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 3 - 5 กิโลกรัมคลุกเคล้ากับหน้าดินแล้วใส่ลงหลุม
พูนดินสูงจากปากหลุม 15 เซนติเมตร |
-
ก่อนปลูกทำหลุมเท่ากระเปาะชำต้นลำไย วางต้นลำไยแล้วกลบโคนให้แน่น |
-
ทำหลักป้องกันต้นลำไยโยกคลอน รดน้ำให้ชุ่ม |
-
พรางแสงให้จนกระทั่งแตกยอดอ่อน 1 ครั้ง จึงงดการพรางแสง |
4.
การตัดแต่งกิ่ง |
-
ต้นลำไยอายุ 1 - 3 ปียังไม่ให้ผลผลิต ควรตัดแต่งให้ลำไยมีลักษณะทรงพุ่มเป็นทรงกลม |
-
ลำไยอายุ 4 - 5 ปี ให้ผลแล้ว ควรตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บเกี่ยว ตัดกิ่งกลางทรงพุ่มที่อยู่ในแนวตั้งเหลือตอกิ่ง
เพื่อเปิดกลางทรงพุ่มให้ได้รับแสงสว่างมากขึ้น |
-
ลำไยอายุ 5 - 10 ปี ตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บเกี่ยวเพื่อไม่ให้ทรงพุ่มชนกัน
ตัดแต่งเช่นเดียวกับลำไยอายุ 4 - 5 ปี ตัดปลายกิ่งทั้งแนวนอน และแนวราบให้มีความสูงเหลือเพียง
3 เมตร เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงานสำหรับลำไยที่ให้ผลผลิตแล้ว ควรตัดแต่งกิ่งแบบกิ่งเว้นกิ่งเพื่อให้ลำไยออกดอกสม่ำเสมอทุกปี |
5.
การให้ปุ๋ย |
ลำไยอายุ
5 ปี ขึ้นไป มีการใส่ปุ๋ยเคมี ดังนี้ |
-
หลังเก็บเกี่ยวผลผลิต ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0 อัตราส่วน 1: 1 ต้นละ
2 กิโลกรัม กระตุ้นให้ลำไยแตกใบอ่อน |
-
เมื่อลำไยแตกใบอ่อนชุดที่ 2 ประมาณต้นเดือน กันยายน ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0
อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 2 กิโลกรัม |
-
ประมาณต้นเดือนตุลาคม กระตุ้นให้ลำไยมีใบแก่ พักตัวสะสมอาหารเตรียมความพร้อมต่อการผ่านช่วงหนาวที่จะกระตุ้น
ให้ลำไยออกดอก ใส่ปุ๋ย 0-46-0+0-0-60 อัตราส่วน 1:1 ต้นละ 2 กิโลกรัม |
-
เดือนพฤศจิกายน ใส่ปุ๋ย 0-52-34 อัตรา 150 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วทรงพุ่มเพื่อไม่ให้ลำไยแตกใบใหม่ |
-
เมื่อลำไยติดผล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ย 15-15-15+46-0-0อัตราส่วน
1:1 ต้นละ 1 - 1.5 กิโลกรัม เพื่อบำรุงผลให้เจริญเติบโต |
-
ก่อนเก็บเกี่ยว 1 เดือน ใส่ปุ๋ย 0-0-60 อัตราต้นละ 1 - 2 กิโลกรัม เพื่อเพิ่มคุณภาพของผลผลิต |
6.
การให้น้ำ |
|
6.1
|
วิธีการให้น้ำ |
|
|
-
แบบใช้สายยางรด ลงทุนต่ำแต่ต้องมีแหล่งน้ำเพียงพอ |
|
|
-
แบบข้อเหวี่ยงขนาดเล็ก เป็นการให้น้ำในกรณีมีแหล่งน้ำจำกัด ต้นทุนสูงกว่าแบบแรก |
|
|
-
แบบน้ำหยด เหมาะสำหรับที่มีแหล่งน้ำจำกัดมากต้นทุนสูง |
|
6.2
|
ปริมาณน้ำ |
|
|
ช่วงฤดูแล้งหลังออกดอก
เริ่มให้น้ำเมื่อลำไยมีดอกบานปฏิบัติดังนี้ |
|
|
-
สัปดาห์แรก ฉีดน้ำพรมที่กิ่งและโคนต้นเล็กน้อยเพื่อให้ลำไยค่อยๆ ปรับตัว |
|
|
-
สัปดาห์ที่สอง เริ่มให้น้ำเต็มที่ สำหรับต้นลำไยที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม
7 เมตร ให้น้ำปริมาณครั้งละ 200 - 300 ลิตร ต่อต้น สัปดาห์ละ 2 ครั้ง |
7.
การดูแลรักษาหลังการติดผล |
|
7.1
|
การค้ำกิ่ง
โดยใช้ไม้ไผ่ค้ำกิ่งทุกกิ่ง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักเนื่องจากพายุลมแรง
และกิ่งที่มีผลลำไยจำนวนมาก |
|
7.2
|
การป้องกันกำจัดศัตรูลำไย |
|
|
เมื่อมีโรคและแมลงศัตรูระบาดในระยะนี้
ควรพ่นสารป้องกันกำจัดโรค และสารฆ่าแมลงตามคำแนะนำ ในช่วงก่อนเก็บเกี่ยว
1 เดือนควรห่อผลลำไยเพื่อป้องกันการเข้าทำลายของแมลงศัตรูพืช เช่น ผีเสื้อมวนหวานหนอนเจาะขั้ว
ค้างคาว และเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อไม่ให้มีการตกค้างของสารเคมีในผลผลิตลำไย
ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค |
8.
การป้องกันกำจัดศัตรูลำไย |
|
8.1
|
แมลงศัตรูที่สำคัญ |
|
|
หนอนเจาะขั้วลิ้นจี่
( Linchi fruitborer ) |
|
|
8.1.1หนอนเจาะขั้วลิ้นจี่
Conopomorpha sinensisi ( Bradly ) ทำลายขั้วผลลำไยในช่วงเดือนมีนาคม
- สิงหาคม |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
เก็บผลร่วงเนื่องจากการทำลายของหนอนเจาะขั้วแล้วทำลายทิ้ง |
|
|
-
หลังการเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่งโดยเฉพาะกิ่งที่ใบมีดักแด้ของหนอนเจาะขั้วทิ้ง |
|
|
-
หลังติดผลแล้ว 1 - 2 สัปดาห์ สุ่มช่อผล 10 ช่อต่อต้นถ้าพบไข่ให้พ่นคาร์บาริล85%
WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าพบปริมาณมากเกิน 5% ของผลที่สุ่มพ่นคลอร์ไพริฟอส/ไซเพอร์เมทริน
55% EC ( นูเรลล์ - L 505 EC ) อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ควรหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว
10 วัน |
|
|
8.1.2
มวนลำไย ( Longan stink bug ) |
|
|
มวนลำไย
Tessaratoma papillosa ( Drury ) ทำลายผลลำไยช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
หลังการเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่งให้โปร่งป้องกันการหลบซ่อนอยู่ข้ามฤดู |
|
|
-
สำรวจไข่ ตัวอ่อน และตัวเต็มวัย ถ้ามีไม่มากเก็บทำลาย |
|
|
-
ถ้าสำรวจพบไข่ถูกแตนเบียนทำลาย ( มีลักษณะเป็นสีดำ ) จำนวนมาก ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลง |
|
|
-
ถ้าพบไข่จำนวนมาก และไม่ถูกแตนเบียนทำลาย ( มีสีครีมหรือสีแดงเมื่อใกล้ฟัก
)พ่นด้วยคาร์บาริล 85% WP อัตรา 45 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยว7
วัน |
|
|
8.1.3
ผีเสื้อมวนหวาน ( Fruit moth ) |
|
|
ผีเสื้อมวนหวานชนิดที่พบมากคือ
Othreis fullonia ( Clerck ) ทำลายผลลำไยในช่วง เดือนกรกฎาคม - สิงหาคม |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
ห่อผลด้วยกระดาษเพื่อป้องกันการทำลาย |
|
|
-
กำจัดวัชพืช เช่น ย่านาง ต้นข้าวสาร และบรเพ็ดที่อยู่บริเวณรอบสวน |
|
|
-
ใช้เหยื่อพิษ โดยใช้สัปปะรดสุกตัดเป็นชิ้นจุ่มในสารละลายของคาร์บาริล
85%WP อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร นาน 5 นาที นำไปแขวนในสวนเป็นจุดๆ ห่างกัน
จุดละ 20 เมตร ขณะผลลำไยใกล้สุก |
|
|
-
ใช้แสงไฟส่องและใช้สวิงโฉบจับผีเสื้อทำลาย ( ช่วงเวลา 20.00 - 22.00
น. ) |
|
|
8.1.4
หนอนเจาะกิ่ง ( Red coffee borer ) |
|
|
หนอนเจาะกิ่ง
Zeuzera coffeae ( Nietner ) พบระบาดเป็นครั้งคราวตลอดทั้งปี |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
ตัดกิ่งแห้งที่มีหนอนทำลายเผาทิ้ง |
|
|
-
ถ้าพบรูที่ถูกเจาะตามกิ่งและลำต้น ใช้สารฆ่าแมลง เช่น คลอร์ไพริฟอส 40%
ECอัตรา 1 - 2 มิลลิเมตรต่อรู ฉีดเข้าในรูแล้วอุดด้วยดินเหนียว |
|
|
8.1.5
หนอนชอนใบ ( Leaf miner ) |
|
|
หนอนชอนใบ
Conopomorpha litchiella ( Bradley ) พบระบาดทั้งปีในช่วงที่ลำไยแตกใบอ่อน |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
การทำลายในต้นเล็ก ( อายุ 1 - 3 ปี ) ถ้ามีปริมาณไม่มาก ไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลงเพราะจะมีอันตรายต่อแมลงศัตรูธรรมชาติ |
|
|
·
ในระยะแตกใบอ่อน หากพบอาการยอดแห้งหรือใบอ่อนถูกทำลาย พ่นด้วยอิมิดาโคลพริด
10% SL อัตรา 8 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 - 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ
7 วัน |
|
|
8.1.6
ไรลำไย ( Longan crineum mite ) |
|
|
ไรลำไย
Aceria longana พบทำลายลำไยระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
-
เมื่อสำรวจพบ ยอดมีอาการแตกเป็นพุ่มคล้ายไม้กวาดให้ตัดทำลาย |
|
|
-
ถ้ามีการทำลายเป็นบริเวณกว้าง พ่นด้วยกำมะถันผง 80% WP อัตรา 40 กรัม
ต่อ |
|
|
น้ำ20
ลิตรหรือ อามีทราซ 20% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 -
3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4 วัน |
|
8.2
|
โรคที่สำคัญของลำไย |
|
|
8.2.1
โรคกระหรี่ หรือโรคพุ่มไม้กวาด |
|
|
ส่วนที่เป็นตาเกิดอาการแตกยอดฝอยเป็นมัดไม้กวาดเป็นรุนแรงทำให้ต้นลำไยมีอาการทรุดโทรม |
|
|
การป้องกันกำจัด
|
|
|
-
ตัดกิ่งเป็นโรคออกเผาทำลายในแหล่งมีการระบาดของโรค พ่นด้วยกำมะถันผง
80% WP อัตรา 40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรืออามีทราซ 20% EC อัตรา 40 มิลลิกรัมต่อน้ำ
20 ลิตร จำนวน 1-3 ครั้ง ห่างกัน 4 วัน เพื่อป้องกันกำจัดไรลำไย |
|
|
-
ขยายพันธุ์ปลูกจากต้นแม่พันธุ์ที่สมบูรณ์ตรงตามพันธุ์และไม่ปรากฏอาหารของโรคพุ่มไม้กวาด |
|
|
8.2.2
โรคราน้ำฝน หรือโรคผลเน่า โรคใบใหม้เมื่อเข้าทำลายผลจะทำให้ผลเน่าและร่วม
เป็นที่ใบอ่อน ยอดอ่อน ทำให้เกิด |
|
|
อาการใบและยอดไหม้ระบาดในช่วงฤดูฝน |
|
|
การป้องกันกำจัด |
|
|
พ่นด้วยเมทาเลกซิล
25% WP อัตรา 20-30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 1 ครั้ง ทันที่ที่พบโรคที่ผล
และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลังพ่นสาร 10-15 วัน ส่วนโรคที่ใบในช่วงผลิใบอ่อนพ่นป้องกันกำจัดเช่นเดียวกับเป็นที่ผลลำไย |
|
8.3
|
การจัดการวัชพืช |
|
|
การจัดการวัชพืชมีหลายวิธี
เช่น การปลูกพืชคลุมดินซึ่งจะช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดิน ช่วยรักษาความชื้น
และเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดิน การตัดวัชพืชระหว่างแถวปลูก และระหว่างต้นลำไยซึ่งอาจจะใช้สลับกับการพ่นสารกำจัดวัชพืชบ้าง
โดยพ่นเพียงปีละครั้งเมื่อไม่สามารถตัดวัชพืชได้ทันด้วยเหตุผลเพราะขาดแรงงานหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมที่จะตัดวัชพืชได้
การรักษาบริเวณโคนต้นลำไยให้สะอาด ควรตัดวัชพืชให้สั้น ไม่ควรใช้จอบดาย
เนื่องจากเป็นอันตรายต่อระบบรากของลำไยและควรหลีกเลี่ยงการใช้สารกำจัดวัชพืชบริเวณใต้ทรงพุ่มอย่างไรก็ตามหากจำเป็นจริง
ๆ อาจใช้ได้บ้าง แต่ควรให้น้อยครั้งที่สุดสารกำจัดวัชพืชในสวนลำไย ได้แก่
ไกลโฟเสท กลูโฟซิเนต แอมโมเนียมและพาราควอท ใช้พ่นหลังวัชพืชงอกในขณะมีวัชพืชมีใบมากที่สุด
ปริมาณน้ำที่ใช้ผสมน้ำเพื่อพ่นในพื้นที่ 1 ไร่ คือ 60-80 ลิตร สำหรับอัตราการใช้
มีดังนี้ |
|
|
-
ไกลโฟเสท 48% SL อัตรา 500-600 มิลลิลิตร/ไร่ |
|
|
-
กลูโฟซิเนต-แอมโมเนีย 15% SL อัตรา 800-2,000 มิลลิลิตร/ไร่ |
|
|
-
พาราควอท 2706% SL อัตร 300-600 มิลลิลิตร/ไร่ |
|
8.4 |
การป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย |
|
|
-
จะต้องทราบชนิดและรายละเอียดของศัตรูพืชที่ต้องการป้องกันกำจัด |
|
|
-
เลือกใช้สารให้เหมาะสมกับชนิดของศัตรูพืช สารนั้นต้องมีประสิทธิภาพดีต่อศัตรูพืช
นั้นโดยเฉพาะ |
|
|
-
ใช้สารที่สลายตัวเร็วกับพืชอาหารเมื่อใกล้เวลาเก็บเกี่ยว |
|
|
-
ให้ใช้สารเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ในฉลาก
หรือตามคำแนะนำของทางราชการ |
|
|
-
ไม่ควรผสมสารเกิน 1 ชนิดขึ้นไปในการพ่นแต่ละครั้ง ยกเว้นในกรณีที่ทางราชการแนะนำให้ใช้ |
|
|
-
ควรพ่นสารเฉพาะเมื่อพบว่ามีศัตรูพืชเข้าทำลายในระดับที่จะเกิดความเสียหายต่อผลผลิต
และหากมีการระบาดรุนแรงก็ให้เพิ่มจำนวนครั้งมากขึ้นได้ |
|
|
-
การเลือกใช้เครื่องพ่นสาร และวิธีการใช้สารจะต้องเหมาะสมกับชนิดของสารและศัตรูพืช |
|
|
-
ไม่ควรเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนสารที่ใช้จะสลายตัวถึงระดับปลอดภัย โดยดูจากคำแนะนำ
การเว้นระยะเก็บเกี่ยวหลังการพ่นสารครั้งสุดท้ายในฉลาก |
9.
สุขลักษณะและความสะอาด |
ตัดวัชพืชให้สั้นอยู่เสมอทั่วทั้งแปลง
โดยเฉพาะบริเวณโคนต้น และบริเวณระหว่างต้น ระหว่างแถวลำไย หลังการตัดแต่งกิ่งควรนำกิ่งที่ตัดทิ้งออกไปนอกสวนแล้วเผาทำลาย
เศษวัสดุจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้งานในสวนแล้วควรเก็บออกไปฝังดินนอกสวน
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีควรเก็บในที่ปลอดภัยห่างไกลจากอาหาร
แหล่งน้ำ สัตว์เลี้ยง และที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชควรทำความสะอาดหลังจากใช้งานแล้ว
หากชำรุดควรซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีพร้อมจะใช้ปฏิบัติงาน |
10.
การเก็บเกี่ยว |
ใช้กรรไกรตัดช่อผลลำไยจากต้น
นำช่อผลบรรจุภาชนะรองรับเช่น ตะกร้าที่มีกระสอบหรือฟองน้ำรองก้น การตัดช่อผลต้องให้มีใบสุดท้ายที่ติดช่อผล
( หรือใบแรกที่ติดช่อผล ) ไปด้วย เพราะตาที่อยู่ถัดไปอีก 1 ตา เป็นตาที่สมบูรณ์แข็งแรงพร้อมที่จะแตกเป็นกิ่งใหม่ต่อไป
ขนย้ายผลลำไยไปโรงคัดเกรดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการบอบช้ำ |
11.
วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว |
ตัดผลลำไยที่มีขนาดเล็กไม่ได้มาตรฐานในแต่ละช่อออกตัดก้านช่อผลเหลือยาวไม่เกิน
15 ซม. รวมช่อผลลงบรรจุในตะกร้าพลาสติกที่มีฟองน้ำรองก้น พร้อมคัดขนาดไปในคราวเดียวกัน
บรรจุลำไยตะกร้าละ 10 กิโลกรัม ปิดทับฟองน้ำก่อนปิดด้วยฝาตะกร้า ผูกเชือกให้แน่น
นำตะกร้าบรรจุลำไยผ่านความเย็นโดยใช้ไอเย็นก่อนการรมด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์
( SO2) หลังการรมด้วยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ นำตะกร้าบรรจุลำไยขนส่งโดยรถที่มีระบบห้องเย็นเพื่อขนส่งในวันเดียวกัน
และเมื่อไปถึงท่าเทียบเรือแล้วควรขนลงตู้คอนเทนเนอร์ ( container ) ซึ่งปรับอุณหภูมิ
5 องศาเซลเซียส เพื่อขนส่งไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป |
12.
การบันทึกข้อมูล |
ควรบันทึกข้อมูลวันปฏิบัติการต่างๆ
โดยการจัดสมุดบันทึกทำเป็นตารางเพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลใช้ประโยชน์ในการพยากรณ์เหตุการณ์ในปีต่อๆ
ไป และเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่างๆ ได้แก่วันปฏิบัติการต่างๆ เช่น
วันตัดแต่งกิ่ง วันใส่ปุ๋ย ชนิดปุ๋ยที่ใช้ วันพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ชนิด และอัตราที่ใช้ วันที่มีโรคแมลงแต่ละชนิดระบาด อุณหภูมิ ความชื้น
ปริมาณน้ำฝน ( ถ้ามี ) ผลผลิต และอื่นๆ |
|
การปลูกและการดูแลรักษา
การแปรูปลำไย
พฤษกศาสตร์และนิเวศน์วิทยา
การใช้สารโปรแตสเซียมในการเร่งดอก
การตลาดลำไย ราคาและต้นทุนการผลิตลำไย
กลยุทธ์การพัฒนาลำไย ประโยชน์ของลำไย
สถานการณ์ผลิตลำไยจังหวัดเชียงใหม่
เอกสารอ้างอิง
พันธุ์ลำไย
มาตรฐานลำไยของประเทศไทย
กลับไปหน้าสารบัญลำไย
ประวัติและถิ่นกำเนินของลำไย
การกำหนดเขตเกษตรเศรษฐกิจสำหรับลำไย
|
|
 |
|