[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 8 Lady wars (สงครามนารี) ลั่นกลองศึก


ในคุกที่หนาวเย็นและอับชื้น อดีตราชินีฮิโตมินั่งหลับตาอยู่มุมหนึ่งของคุก และแล้วพระก็ได้ยินเสียงเปิดประตูคุกออก จึงลืมตาขึ้นมองดู

"ท่านฮิโตมิ!!!" เสียงของผู้มาเยี่ยมเยียนนักโทษต้องห้ามร้องขึ้น

"โควตะ ซาไอ" นางกระซิบอย่างเบาๆ "ข้ามาอยู่ที่นี่!!! นานเท่าไรแล้ว" นางถาม

" 6 เดือนกับอีก 13 วันเพค่ะ" ซาไอตอบ

"พวกเราพยายามมาตลอด ในที่สุดก็เข้ามาหาได้" โควตะกล่าว

"หม่อมฉันเอา อาหารมาด้วยน่ะเพค่ะ" ซาไอลงล้วงในตะกร้า หยิบอาหาร 2-3 อย่างออกมา

"ที่นี่ เขาให้อาหารกันกี่มื้อน่ะ?" โควตะถาม

" ราวๆ มื้อหนึ่งต่อวัน เดี๋ยว!!หม่อมฉันป้อน อ้าปากสิเพค่ะ" ซาไอบอก

"ไม่ต้องป้อนหรอก เดี๋ยวพวกทหารมาเห็น" ฮิโตมิบอกเบาๆ

"ไม่มีใครอยู่หรอกเพค่ะ แม้แต่ทหารยาม หรือนักโทษคนอื่น"

"พวกเขาไปไหน?"

"เมื่อ 4 เดือนก่อนมีงานจัดตั้งราชินีองค์ใหม่ฉลองนาน 3 เดือน นักโทษพวกนั้นถูกนำไปให้สัตว์ป่ากิน เพื่อความบันเทิง…"

"พระองค์คิดอะไรอยู่…" อดีตราชินีอุทาน

"บ้านเมืองแห้งแล้ง พวกประชาชน ผู้ชายถูกนำมาใช้สร้างหอกวาง ผู้หญิงเอามาเป็นนางบำเรอในนั้น"

"…." ฮิโตมิส่ายหน้า

"พวกทหารก็ลอบไปหาความบันเทิงหมด พระนางคงถูกขังลืม" ซาไอว่า ขณะคลุกกับและข้าว ทั้งสามนั่งอยู่อย่างนั้นสักพัก เมื่อทานข้าวเสร็จซาไอก็ใช้ผ้าเช็ดตัวให้ฮิโตมิ โควตะยื่นเสื้อให้เปลี่ยน

"พอทำอะไรเสร็จแล้ว พวกเราจะพาท่านหนีไปที่เมียวบุง" โควตะบอก

"เมียวบุง…" ฮิโตมิทำหน้าเหมือนฝัน

"ข้าอยากพาพวกเจ้าไปดู ตลาดจริงๆ มันราวกับทางช้างเผือก พ่อค้าทุกคนต้องใส่ชุดขาว ที่วางของหรือแม้แต่ร่มหรือร้านก็ต้องเป็นสีขาว…พวกเราไปดูกันทั้งสามคน…" พระนางตรัส

"พวกเราอาจแค่ส่งท่าน!!!" โควตะบอก

"ทำไมล่ะ"

"หม่อมฉันต้องไปที่ ซูคังด้วยเพค่ะ" ซาไอหน้าแดง

"คนรักนางอยู่ที่นั้น…ไม่เชิงคนรัก แค่ชอบเขาข้างเดียว" โควตะตอบแทน

"ใครกัน?" อดีตราชินียิ้ม

"เจ้าชายเซอิจิเพค่ะ"

"อ้อ…ลูกของมิโดริ" หญิงอาวุโสถึงบางอ้อ แต่ก็ไม่มีทีท่ากีดกันแต่อย่างใด เพียงแต่ตรัสเรียบๆว่า

"รักกันน่ะดี แต่อย่าไปเสียเปรียบเขาล่ะ"

"เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น ข้าเลยต้องไปด้วย" โควตะบอก พลางลุกเพื่อพยุงท่านฮิโตมิขึ้น พาออกจากประตูคุกแล้วส่งให้ซาไอ

"ข้าจะไปดูลาดราว" โควตะกระซิบ เขาเดินออกไปนิดหน่อยแล้วมองหันกลับมาดู แล้วส่งสัญญาณว่า ไปได้

ทั้งหมดไม่พบทหารแต่อย่างใด พวกเขาปลอมเป็นผู้อพยพที่จะออกนอกอาณาจักร ในอาทิตย์แรกทุกอย่างไปอย่างดี แต่เมื่อจะออกนอกชายแดน….

"เฮ้ย!!! คนๆนั้นมานี้สิ" ทหารคุมชายแดนเรียก หญิงคนหนึ่งออกมาแล้วลากไปที่ชายป่า มีเสียงร้องและเสียงหัวเราะตามมา ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย ทหารเริ่มน้อยลงเมื่อใกล้ชายแดนยิ่งขึ้น แต่กระแสชนก็แน่นยิ่งขึ้น ทั้งสามถูกเบียดให้ออกจากกันเมื่อถึงเขตชายแดน กระแสชนบีบให้ทั้งสามออกจากกัน ซาไอถูกผลักออกไป แต่โควตะกอดท่านฮิโตมิไว้ทำให้เขา 2 คนไม่ถูกแยกจากกัน

"ซาไอ!!!" ทั้งสองตะโกน ขณะที่ซาไอพยายามกลับเข้าแต่ไร้ผล ฝนตก ดินแฉะ เธอทำได้เพียงตะโกน

"โควตะ ไม่ว่ายังไงส่งท่านฮิโตมิให้ถึงเมียวบุง เจอกันที่เมียวบุง ข้าจะไปหา!!!" เสียงนั้นแผ่วเบาซ้ำยังถูกกลบด้วยเสียงจอแจของคน เสียงน้ำฝน โควตะแทบไม่ได้ยิน แต่เขารู้ว่าถ้าทางการรู้ว่าท่านฮิโตมิหายไป ต้องตามหาแน่นอน เขามีทางเดียวคือนำท่านฮิโตมิไปส่งที่เมียวบุงเท่านั้น!!! เขาจึงตัดสินใจไม่ตามหาซาไอและเดินตามทางไปเมียวบุงต่อไป

ฝ่ายซาไอถูกฝูงชนดันมาจนมาที่ใดก็ไม่รู้ เสบียงและเงินก็หมดแล้วจึงต้องเดินทางตัวเปล่า เธอเดินไปตามทางที่แสนคุ้นตาเหมือนกับเคยผ่านมา จึงแวะถามคนที่อพยพมาด้วยกัน

"ที่นี่ ที่ไหนพอรู้บ้างไหม? พี่ชาย" ซาไอถาม

"ชายแดนซูคัง…" ได้ยินเพียงเท่านั้น ใจก็ลิงโลด

"คงเป็นทางเดียวที่เรามาบุกยึด งั้นก็พอจะรู้ทาง" ซาไอพูดกับตัวเอง พร้อมเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนเข้าไปในป่าเลยไปมืดค่ำเธอเหนื่อยมาก

"สงสัยต้องนอนในป่านี้ ซะแล้วล่ะ" เธอพูดขณะมองดูกองไฟที่ลุกโชนไหม้ไก่เสียบไม้ แต่แล้วก็มีเสียงเดินผ่านพุ่มไม้ ซาไอขยับดาบ เงาลางๆ เดินออกมา

"ใคร?" ซาไอร้องถาม ร่างนั้นล้มลง ยังความตกใจให้ซาไอ

"เฮ้ย!!!" ซาไอร้องรีบกระโดดเข้าไปดู "อย่าเพิ่งตายน่ะเฟ้ย!!!" ซาไอดึงตัวขึ้นมา ปรากฏเป็นชายหนุ่ม ผิวคล่ำแต่งตัวคล้ายพรานล่าสัตว์มีแผลฉกรรจ์กลางกลังอาจเป็นเพราะโดนสัตว์ร้ายทำร้ายเอาก็ได้

"ปล่อยเอาไว้ก็ไม่ได้เสียด้วย" ซาไองึมง่ำ แล้วก็ฉีกผ้าออกมาทำแผลให้

"หวังว่าคงไม่ตายน่ะ"ซาไอว่า….

. . . . . .

เสียงแมลงร้องระงมในยามค่ำคืน ทำให้ชายหนุ่มตื่นขึ้น เขาสะบัดหน้าก่อนจะลืมตาเต็มที่

"ที่นี่ที่ไหน?" เขาเปรย ก่อนที่จะมองเห็นซาไอ

"เจ้าเป็นใคร?" เขาถาม

"คนที่ช่วยเจ้า" ซาไอบอก ขณะที่คาบกระดูกไก่ในปาก

"กินซะ เหลือไว้ให้" ซาไอชี้ไปที่ไก่อีกครึ่งตัว ซึ่งก็ไม่ต้องรอบอกอีกที ชายหนุ่มหยิบขึ้นมากินด้วยความหิวโหย

"เจ้าชื่ออะไร? ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ!!" ซาไอถามขณะที่ชายหนุ่มฉีกปีกไก่ออกมา

"มาโซยะ ข้าชื่อมาโซยะ" เขาหยุดเคี้ยวอาหาร

"ข้ามาจากโอราอิ เป็นพรานพเนจรในโอราอิ ย้ายมาเป็นพรานในซูคังได้เกือบ 7 ปีแล้ว เผอิญถูกเสือใส่กัดเอา!!!" เขาบอกแล้วเปลี่ยนท่านั่ง

"แล้วตอนเขารบกันเจ้าไปไหน?"

"อยู่ในป่า"

"แล้วเจ้าล่ะ"

"ข้าชื่อซาไอ" ซาไอบอกขณะเขี่ยกองไฟ

"ชื่อเหมือนแม่ทัพอัจฉริยะ ในนากิคนหนึ่ง ชื่อซาไอเหมือนกัน ที่เป็นคู่หูกับเจ้าแม่ทัพโควตะ ที่ลือว่าเป็นพวกวิตถารนะอายุ 30 กว่ายังหาเมียไม่ได้ แต่ป่านนี้คงไปไหนแล้วมั้ง ทนราชสำนักไม่ได้"เขาว่า

" นั้นล่ะ ข้าเอง" ซาไอบอก

"ห๊า!!!" เขาอุทาน

"งั้นก็ขอบใจนิดหน่อยล่ะกัน เพราะข้ารำคาญราชินีจอมบงการ กับราชาโดราตะที่เป็นจอมหัวงู ตั้งแต่ถูกนากิยึดเป็นอันว่าถึงแห้งแล้งไปหน่อย แต่ก็สงบสุขกว่าเดิม เจ้าชายเซอิจิปกครองดีน่ะ ถึงจะไม่คงเส้นคงวาเท่าไร"

"แล้วมาซูคังทำไม น่าจะไปรวมกันที่เมียวบุงไม่ใช่หรือ?"

"มาหาคนๆหนึ่ง คงไปหายากหน่อย" ซาไอว่า

"เอางี้"เขาโยนกระดูกไก่ลงในกองไฟ

"เพื่อตอบแทนที่ช่วยข้า ที่ไหนข้าจะพาไป ทางในซูคังข้ามีเส้นสายเยอะน่ะจะบอกให้"

"จะไปไหน?"

"ไปได้แน่น่ะ ข้าอยากไปหาเจ้าชายเซอิจิ" ซาไอบอก

"อืม….คงได้มั้ง ว่าแต่จะไปทำไมล่ะ" เขาถาม

"รู้ไหมเจ้าถามซอกแซกเกินไปแล้ว" ซาไอบอก

"อย่าว่ากันเลยน่ะคงเป็นเพราะ ข้าอยู่ในป่านานเลยไม่ค่อยรู้มารยาท แต่ว่าพวกพรานป่าขึ้นชื่อว่าเป็นยอดนักหาข่าวเลยน่ะ….." เขาเอนหลังพิงต้นไม้

"หวังว่าคงเชื่อได้ เพราะว่าโควตะเป็นชายแท้ ไม่มีแสร้งแน่นอน"

"แต่ข้าได้ยินมาว่า เจ้าชายเซอิจิเป็นเงียบขรึม แถมยังสุภาพด้วย พวกนางกำนัลที่รับใช้ไม่แตะใครแม้แต่คนเดียว ถ้าเป็นชายอื่นล่ะก็..เสร็จไปแล้วล่ะ"

"อ้อ…งั้นหรือ" ซาไอรับคำ

"ว่าแต่เจ้าเป็นอะไรกับเซ…" มาโซยะหยุดพูดเมื่อเห็นซาไอหันตาขวาง

"เอ้าๆ!!ก็ได้ไม่ถามก็ได้ ว่าแต่เป็นอะไรกัน.." มาโซยะถาม ก่อนจะเอามือปิดปากเพราะคิดได้

"อยากรู้มากเลยหรือ" ซาไอเลิกคิ้วถาม ซึ่งมาโซยะพยักหน้าถี่ๆ

"งั้นเอาหน้ามาใกล้ๆสิ" ซาไอกระซิบ ซึ่งมาโซยะก็ทำตามโดยดี

โป๊ก!!! "โอ๊ย!!!~เขกหัวข้าทำไม" มาโซยะร้องขณะกุมหัว

"จะได้รู้มั้งไง ว่ามารยาทมีนิยามว่าอะไร" ซาไอเอนตัวนอนบ้าง

"ข้าแค่อยากรู้ว่าที่ได้ยินมาจริงหรือเปล่า….."มาโซยะหาว

"อะไรล่ะ…"

"แม่ทัพซาไอ…กับเจ้าชายเซอิจิ….เป็น…คน….รั…ก…กั…น" พอพูดจบมาโซยะก็หาวแล้วก็นอนหลับไป

"นั้นสิน่ะ….จริงรึเปล่า" ซาไอยิ้มแล้วพูดกับตัวเอง แล้วก็หลับไป….

. . . . . .

เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงนกร้องก้องป่า ซาไอบิดขี้เกียจแล้วลืมตาขึ้น เห็นมาโซยะยืนเล่นกับนกอยู่ พวกมันลงมากินอาหารที่มือเขา

"หวัดดี ตื่นแล้วหรือ"มาโซยะถาม

"อือ…." ซาไอตอบง่วงๆ

"ทำไมเจ้าถึงได้ตื่นเช้ากว่าข้าน่ะ" ซาไอว่า

"ข้าติดนิสัยตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วก็เป็นพรานป่าต้องเป็นคนตื่นง่ายด้วย"เขาบอก แล้วใช้มือลูบหัวนก

"น่ารักจัง" ซาไอลุกขึ้นมาดู "ทำยังไงให้มันมาเกาะข้าบ้างล่ะ" ซาไอถาม มาโซยะเลิกคิ้วขึ้นมอง

"เอามือมาสิ" มาโซยะดึงมือของซาไอไปแล้วล้วงข้าวเปลือกจากย่าม ใส่ลงในมือของซาไอ

"เอาล่ะ ชูขึ้น" มาโซยะสั่ง ซาไอก็ทำตาม มีนกราว 2-3 ตัวลงมาเกาะมือของเธอแล้วกินข้าวเปลือก

"น่ารักจัง!!!" ซาไอร้อง สักพักต่อมาทั้งสองก็เดินไปที่ลำธารเพื่อล้างหน้า จากนั้นก็เริ่มต้นออกเดินทาง การเดินทางใช้เวลาเดินทางหลายวัน มาโซยะเป็นคนพูดมากที่จริงใจ เขาพยายามพาซาไอไปในเมืองเพื่อหาเซอิจิ แม้จะผ่านพวกอันธพาลมากก็จริง แต่เขาก็เอาชนะมาได้เสมอ มาโซยะใช้เวลาส่วนมากไปกับการพูด ใช้เวลาไม่นานซาไอก็รู้ประวัติของเขาแทบทั้งหมด ตั้งแต่ขนาดรองเท้าที่ใส่จนถึงพ่อที่ตายไปของเขาชอบกินอะไร!!! มาโซยะดูเป็นคนโง่ที่เล่าทุกอย่างให้คนแปลกหน้าฟัง แม้ซาไอจะแทบไม่บอกประวัติเธอมากนัก แต่เขาก็เป็นคนที่สนใจเรื่องของคนอื่นพอๆกับเล่าให้คนอื่นฟัง แทบไม่มีข่าวอะไรที่เขาไม่รู้ ซาไอก็ไม่รู้ว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปหาข่าวทั้งที่อยู่กับเธอตลอดเวลา แต่เขาก็พยายามหาข่าวซึ่งส่วนมากก็เกี่ยวกับราชสำนักซูคังและเจ้าชายเซอิจิ ในตอนแรกๆซาไอบอกเขาว่า เธอไม่มีเงินที่จะให้เขาเพื่อแลกกับสิ่งที่เขาลงแรงไป เพียงแต่เขาพาเธอไปหาเซอิจิก็ดีแค่ไหนแล้ว!! แต่ทุกครั้งเขาจะบอกว่า นั้นเป็นความสุขของเขา เขาไม่ได้หาข่าวให้กับใครเพื่อเงิน แต่เขาเป็นพรานที่มีอิสระและหาความสุขให้ตัวเอง เขาเลือกที่จะเป็นพรานป่า แม้จะต้องข้ามเส้นจำกัดของพ่อที่ต้องการให้เขาเป็นพ่อค้าร้านเหล้าต่อ!!! ซาไอรู้สึกชอบมาโซยะมาก เขาเป็นคนดีและเป็นสหายที่เชื่อใจได้ในการเดินทาง เป็นคนมีน้ำใจ ข้อเสียของเขามีอยู่อย่างเดียว คือนิสัยชอบสอดเรื่องชาวบ้าน กับพูดมากไปหน่อยเท่านั้นเอง!!

"โน้น!!! ปราสาทของซูคัง" มาโซยะชี้ให้ซาไอดู

"งั้นรีบไปสิ" ซาไอบอกพลางวิ่งไปด้วย ไม่นานมากนักก็มาถึงปราสาทของซูคัง

"มาทำอะไร!!!!" ทหารยามเอาอาวุธขวางทั้งสองไว้

"ไทจือ….เอ๊ย! ราชาเซอิจิ" ซาไอหอบไปพลาง

"มีอะไร!!!"

"ข้าคือซาไอ ไทจือเซอิจิเชิญข้ามามีปัญหาอะไรไหม!!!" ซาไอว่าอย่างอารมณ์เสีย

"อ้อ…งั้นตามมาสิขอรับ" ทหารยามเปลี่ยนท่าทีทันที ซาไอเดินตามเข้าไป มาโซยะจะตามไปแต่ทหารขวางไว้

"นั้น!!คนติดตามของข้า" ซาไอบอก ทหารยามจึงยอมปล่อยตามเข้ามา ทั้งสองตามทหารยามไปถึงในเขตปราสาท ที่ได้รับการบูรณะ จนดูดีขึ้นมาก มาโซยะรู้สึกตื่นเต้นมาก ทหารยามพาซาไอไปยังห้องรับรอง ซาไอรู้สึกว่ามีผู้หญิงนับร้อย เดินไปมา จนดูไม่เหมือนราชวังที่มีกฎเคร่งครัด

"ทำไม ผู้หญิงถึงได้เยอะอย่างนี้ล่ะ?" ซาไอถามมหาดเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ

"ราชาเซอิจิ พาเข้ามาขอรับ" มหาดเล็กตอบเพียงเท่านั้น

"ข้าได้ยินมาว่า เจ้าชายน่ะนะเก็บผู้หญิงที่ยากจนเข้ามาในวังด้วยความสงสาร หญิงพวกนี้ บ้างก็จนจริงๆ บ้างก็แกล้งเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเจ้าชาย แต่ทุกคนก็มีความหวังจะเป็นราชินีทั้งนั้นแหละ" มาโซยะกระซิบ ทันใดก็มีเสียงตะโกน

"ราชาเซอิจิเสด็จแล้ว.." เซอิจิที่เคยอ่อนแอบัดนี้ดูสง่างาม และเมื่อพบซาไอทรงยิ้มอย่างมีเสน่ห์

"ซาไอ!!!" พระองค์ร้อง พลางเสด็จเข้ามาอย่างรวดเร็ว

"ถวายบังคมเพค่ะ"

"ตามสบาย ลุกขึ้นเร็ว!!!" พระองค์ตรัส ราชาหนุ่มแทบจะห้ามใจที่มีต่อแม่ทัพหญิงไม่อยู่

"ท่านเซอิจิ นี่คือมาโซยะคนที่ช่วยพาหม่อมฉันมาที่นี่เพค่ะ" ซาไอแนะนำมาโซยะ

"ถวายบังคมพะยะค่ะ ยินดีอย่างมากที่ได้พบพระองค์" มาโซยะกล่าว

"เดินทางกันแค่ 2 คนหรือ" เซอิจิมีทีท่าไม่ไว้ใจมาโซยะนัก พลางดึงซาไอเข้ามาใกล้ตัวอีก

"เขาเป็นคนดีมากเพค่ะ" ซาไอพูดดักคอไว้ ทำให้เซอิจิมีสีหน้าที่ดีขึ้น แต่ก็อดเคืองไม่ได้ว่าจะดีกว่าเขา

"งั้น ท่านมาโซยะข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยดูแลซาไอ ของข้า!!!" เซอิจิเน้น "ของข้า" เป็นพิเศษ

"ข้าจะให้คนจัดที่พักให้ท่าน และหากเป็นการเสียมารยาทที่จะบอกว่าข้าขอตัวซาไอไปก่อนคงไม่ว่ากันน่ะ" เซอิจิพูดพลางจับข้อมือซาไอไว้

"เชิญพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่มีพิธีอยู่แล้ว" มาโซยะพูดอย่างไม่ยี่หระ หรือสงสัยว่าเซอิจิกำลังออกอาการ"หวง"ซาไออยู่ แต่ก่อนจะจบเซอิจิก็พาซาไอออกไปเสียแล้ว….

เซอิจิพาซาไอเข้าไปในตำหนักของตนโดยไม่สนใจสายตาหญิงมากมาย ที่จ้องมองซาไออย่างอิจฉาตาร้อน และตำหนักที่เซอิจิอยู่คือ ตำหนักกลาง เป็นที่ๆซาไอพบเซอิจิครั้งแรก

"ใครหรือ เพค่ะ" หญิงสาวผู้หนึ่งที่อยู่หน้าตำหนักกลางเพียงผู้เดียวเอ่ยถาม

"ซาไอ ที่เล่าให้ฟังบ่อยๆไงล่ะ" พระองค์ตอบอย่างยินดี

"ซาไอ นี่ อากิโกะ เป็นผู้หญิงที่ข้าไว้ใจที่สุดในที่นี่" เซอิจิแนะนำ

"สวัสดี"ซาไอพูดเบาๆ

"ยินดีเจ้าค่ะ ท่านซาไอ" หญิงสาวรับคำด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์แต่ซาไอรู้สึกเหมือนถูกไฟเผาจากคำพูดหญิงคนนั้น

"ขอบคุณน่ะ อากิโกะที่ช่วยเฝ้าให้" พระองค์ยิ้ม อากิโกะหน้าแดงได้แต่พยักหน้า เซอิจิคว้ามือซาไอเดินเข้าไปในตำหนักกลาง สู่ห้องทรงพระอักษรของพระองค์

"ซาไอมาที่นี่ได้ยังไง ข้าได้ข่าวว่าเสด็จแม่ได้เป็นราชินีแล้วก็ไม่รู้อะไรอีกเลย สบายดีไหม ที่นากิเป็นยังไงบ้าง" พระองค์รัว คำถามใส่ หลังจากปิดประตูและซาไอนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว

"หลังจากนั้นท่านฮโตมิก็ถูกขังลืม เราจะช่วยท่านไปเมียวบุง แต่ข้าพลัดกับทั้ง 2 คน โควตะ กับท่านฮิโตมิ แล้วก็มาที่นี่ ที่นากิแย่มาก ราชินีมิโดริจะทำให้อาณาจักรวินาศทุกที่แย่ไปหมด ขุนนางก็ไปเมียวบุงหมด" ซาไอบอก

"แล้วท่านเซอิจิล่ะ ทำไมถึงมีผู้หญิงมากมายอย่างนี้" ซาไอถามบ้าง ทั้งที่รู้มาแล้ว

"ก็…" แล้วเซอิจิก็รู้สึกตัว จึงไปรินน้ำชามาให้ซาไอก่อน

"วันหนึ่ง ที่ข้ามาที่นี่ใหม่ ข้าพบเด็กสาวคนหนึ่ง ขายตัวเพื่อไถ่หนี้ให้พ่อ ก็…อากิโกะนี่แหละ ข้าเลยให้เงินนางไปแล้วบอกให้ไปไถ่หนี้ให้พ่อ แล้วอีก 3 วันพ่อนางก็ตายนางเลยมาขออยู่กับข้า จะใช้เป็นวัวเป็นควายยังไงก็ได้ นางบอกอย่างนั้น พอต่อมาก็เรื่องเรื่องแบบนี้อีก ข้าเลยซื้อๆ จนพอรู้สึกตัว ก็ร้อยกว่าคนแล้วล่ะ" พระองค์หยุดมองซาไอจิบน้ำชา

"หญิงคนอื่นข้ารู้สึกอย่างไงก็ไม่รู้ ข้าเลยให้นางไปไหนในวังก็ได้ ยกเว้นที่นี่ เพราะข้าต้องการเป็นส่วนตัว แต่ให้อากิโกะเฝ้าไว้เพราะข้าไว้ใจนาง แต่ไม่ให้เข้ามา" เซอิจิเล่าอย่างละเอียด ซาไอยิ้มแล้ววางถ้วยน้ำชาที่หมดแล้วลงบนโต๊ะข้างๆ ขณะที่เซอิจิวางมือบนมือจับเก้าอี้

"ซาไอ!!!"

"เพค่ะ…"

"เจ้าหมอนั้นไม่ทำอะไรเจ้าแน่น่ะ"

"ไม่เพค่ะ…ทรง…"

"ใช่!!!ข้าห่วงมาก ไม่ชอบหน้าเจ้านั้นเลย" พระองค์ขมวดคิ้ว ซาไอหัวเราะคิกคัก

"ซาไอ.."

"เพค่ะ"

"ขออะไรอย่างสิ…"

"….." ซาไอพยักหน้า

"ขอ…กอดหน่อย" พระองค์ตรัสอย่างเขินอาย

"อยากทำ ตั้งแต่อยู่ในห้องรับรองแล้ว" พระองค์ซบพักตร์ลงบนตักตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น…

"น่ะ…."

"……." ซาไอหยุดคิด แต่ก็แพ้สายตาอ้อนวอนอยู่ดี

"…ก็ได้เพค่ะ….แต่…อย่าให้มากกว่านี้น่ะเพค่ะ"

"ไชไย!!!" เซอิจิร้อง แล้วกอดซาไอแน่น

"คิดถึงจังเลย" พระองค์กล่าวขณะเล่นไรผมซาไอที่อยู่ในอ้อมแขน

"ได้ยินไหม ว่าคิดถึง…" พระองค์ทวน

"เพค่ะ"

"แค่นี้เอง…"

"หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์มากเพค่ะ" ซาไอตอบ ตัวอ่อนระทวยไม่เหมือนกับที่เคยกอดกับเซอิจิที่เป็นเด็กเมื่อครั้งก่อนๆ ตอนนี่รู้สึกเหมือนกอดกับเซอิจิที่เธอรัก ถ้าพูดมากกว่านี้ความเย็นคงออกจากตัวจนตัวละลายแน่!!!

"มีอะไรจะอวดตั้งหลายอย่าง!!! แต่ไม่มีคนให้อวด อวดอากิโกะก็ไม่สนุกเท่าอวดเจ้า" พระองค์หว่านคำพูดเข้ามาอีก ซาไอเกร็งตัวเองเพื่อไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้นตามไปด้วย

"ท่านเซอิจิ" หญิงสาวร้องเสียงแผ่วๆ

"อือ…."

"ร้อนจังเพค่ะ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนได้ไหมเพค่ะ" ซาไอรีบออกตัวก่อนที่จะมีอะไรเกินเลย

"ได้..สิ" เซอิจิกล่าว ค่อยๆปล่อยตัวซาไอออก

"จะให้ข้าสั่งคนเตรียมน้ำให้ไหม!!! รอเดี๋ยวน่ะจะให้คนยกมาให้" เซอิจิบอกอย่างเขินๆ

"อากิโกะ!!!! สั่งคนให้เอาน้ำอุ่นเข้ามาให้ที" เซอิจิตะโกนออกไปนอกตำหนัก ไม่นานน้ำอุ่นก็มาถึง ซาไอใช้มือแกว่งในอ่างน้ำ

"น้ำอุ่นดีไหม!!!" เสียงเซอิจิดังมาจากข้างหลัง แม่ทัพหญิงสะดุ้ง

"อย่าเข้ามาเงียบๆสิเพค่ะ" ซาไอหันกลับไปดู เซอิจิเบือนหน้าออก

"ขอโทษที!!! งั้นข้าออกไปข้างนอกน่ะ" เซอิจิก้าวออกไปแล้วค่อยๆปิดประตู

"……" ซาไอมองอยู่สักครู่แล้วแก้ผ้าพันคอออก

"ถ้ามีอะไรก็เรียกได้น่ะ" เสียงเซอิจิดังมาจากข้างนอก หน้าประตู!!!!

"ข้ารออยู่ตรงนี้แหละ" ราชาว่า

"ไม่ต้องก็ได้เพค่ะ" ซาไอพูดเสียงอย่างอายๆ ที่มีผู้ชายมาเฝ้าหน้าประตูอย่างนี้ ไม่มีทางได้อาบน้ำอย่างสบายใจแน่นอน ทั้งที่ใจหนึ่งก็ดีใจที่มีเซอิจิคอยรักค่อยเป็นห่วง