|
วันที่ 7 ก.ย. กระบวนทัพโอบล้อมกำแพงเมือง การรบถูกตระเตรียมขึ้นในเวลาที่จำกัด เนื่องจากเสบียงอาหารนั้นมีจำกัด จากการบุกปล้นเสบียงของอิจิว และนับจากวันที่ 7 ก.ย. ไปจะอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน เนื่องจากเหตุนี้
จึงได้มีการส่งราชทูตเข้าไปในเขตเมืองหลวงเพื่อให้โอกาสยอมจำนนเพื่อไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่ราชินีมิโดริไม่ทรงยินยอม ซ้ำยังฆ่าทูตเสียอีก นับเป็นการประกาศสงครามกับกองทัพกู้ชาติ!!!
วันที่ 8 เดือนเดียวกัน พระราชินีมิโดริทรงนำทหารที่เหลือในสังกัด 1 แสนคนเตรียมพร้อมสู้ศึก!!!
กองทัพกู้ชาติได้รับความเสียหายจากการสู้กับอิจิว เหลือกำลังไม่เกิน 60000 แต่เกิดเหตุพลิกผันเมื่อทหารกึ่งหนึ่งของนากิยอมสวามิภักดิ์กับกองทัพกู้ชาติ
ภายใต้การนำของแม่ทัพเน็นจินอดีตข้าเก่าในราชสำนักนากิ มีผลให้ศึกวันแรกฝ่ายกองทัพกู้พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบทันควัน!!! พระนางมิโดริทรงโกรธแค้นในเรื่องนี้มาก
วันที่ 9 เดือนเดียวกัน ราชินีทรงยกทัพออกมาสู้ศึกด้วยตัวพระนางเอง โดยโควตะเป็นแม่ทัพใหญ่ในศึกครั้งนี้
ซาไอถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกมาย่ำกรายในศึกนี้อีก..เพราะใครๆก็รู้ว่า พระนางมิโดริมีความแค้นกับซาไอมากมาย แน่นอนไม่ใช่แค่ซาไอที่เป็นบุคคลต้องห้าม เซอิจิด้วยก็เช่นกันที่เป็นบุคคลต้องห้ามเสียมากกว่า ทั้งสองจึงถูกกันไว้ให้ห่างศึกนี้มากที่สุด แม้ทั้งสองคนจะได้ฉายาว่าเหมาะกันเป็นหงส์คู่มังกรก็ตาม สำหรับเซอิจิที่ได้ทำศึกและช่วยเหลือซาไอให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาไม่ใช่เซอิจิผู้อ่อนแอต่อไป
แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่วายถูกปล่อยให้นั่งรากงอกอยู่ในกระโจมอยู่ดี สงครามดุเดือดบนกระดานหมากรุกเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าเป็นสงครามที่ 2 ของวันที่ซาไอก่อกับเซอิจิ หลังจากสงครามแรกของวัน เธอทำสงครามน้ำลายไปกับโควตะที่ไม่ยอมให้เธอไปรบโดยให้เหตุที่น่าฟังแต่เธอรับไม่ได้ว่า มันอันตรายไปสำหรับซาไอ และเดเอคิที่ยืนอยู่ข้างๆเซอิจิก็เสริมอย่างชัดเจนว่า 'อันตรายเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง ตัวน้อย-น้อย' ก็นั้นล่ะสงครามครั้งแรกของวันเธอแพ้โควตะอย่างขาดรอยแม้วาจาของเธอจะคมคายน่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม แต่โควตะได้เก็บหูเก็บตาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น!!! ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร โควตะก็จะส่ายหน้า และจบสงครามด้วยประโยคว่า
"กลับไปที่ที่พักเจ้าซะ ซาไอ" โควตะสั่งเสียงเด็ดขาด
"เจ้ามีหน้าที่คุ้มครองท่านเซอิจิทั้งวันนี้
ถ้าเจ้าแยกจากท่านเซอิจิแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็
.โทษวิ่งรอบสนามร้อยรอบรอเจ้าอยู่" ว่าแล้วโควตะก็หันหลังเดินจากไป แล้วซาไอก็ได้แต่หน้ามุ่ยเถียงไม่ออกอยู่ตรงนั้น สุดท้ายเซอิจิก็ต้องหว่านล้อมให้เธอเข้าไปอยู่ในที่ร่ม โดยหลอกล่อเธอให้ไปเล่นหมากรุกด้วย และแล้วสุดท้ายซาไอก็พ้นอาการหน้ามุ่ยไม่ได้อยู่ดีเมื่อเซอิจิโยนหมากเรือตัวที่สองของเธอลงในรางเก็บหมาก
"เออ
" เซอิจิหัวเราะแห้งๆ "ข้าขอโทษ
คือ
.เจ้าย้อนตากลับก็ได้น่ะ
" แต่ซาไอมองเขาด้วยสายเขียวปั้ด!!!
"ปัง!!!" ซาไอตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด "หม่อมฉันไม่เล่นแล้ว!!!" เธอร้อง เดเอคิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ จิบน้ำชาอย่างใจเย็น ก่อนที่เอ่ย
"เด็กก็อย่างนี้แหละ
" เขาว่า "ไม่ต้องไปสนใจหรอกพะยะค่ะท่านเซอิจิ
.เด็กน่ะ
ขี้แพ้ชวนตีเป็นธรรมดา
" มาโซยะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเดเอคิแอบพยักหน้า ปกติเขาอยู่ข้างเดียวกับซาไอ แต่คราวนี้เขาเห็นด้วยกับคนร่างยักษ์
ซาไอมองเดเอคิตาเขียว
เซอิจิก็แอบหัวเราะไปด้วย
"รุมกันแกล้งหม่อมฉัน" ซาไออุทธรณ์ แล้วมองหาพวก "มาโซยะ พูดอะไรบ้างสิ!!!"
"เออ
พูดเหรอ
ข้าเห็นด้วยน่ะ ท่านทำตัวเป็นเด็กจริงๆ!!!" ซาไอถอนใจอย่างหมดหวัง ขณะนั้นนารายะก็เดินเข้ามาพอดี
"นารายะ
มาคุอยู่รึเปล่า?" ซาไอถามนารายะที่เปิดกาน้ำชาเพื่อใส่ถุงชาลงไป
"ไปกับท่านโควตะขอรับ
." ซาไอหน้ามุ่ยพอได้ยินชื่อโควตะ
"แย่จริง!!" ซาไอร้อง "โควตะแย่ที่สุดเลย
จำไว้เลยน่ะสมัยก่อนใครลากเจ้ากลับวังเวลาเมาแอ๋
ไม่นึกถึงกันบ้างน่ะ คอยดูน่ะ
จบศึกเมื่อไรแช่งให้เป็นหวัดนอนซม ไปหานัตสึกิไม่ได้เลย!!! คอยดูสิ"
"ฮัดเช้ย!!! ฮัดเช้ย!!! ฮาด~เช้ย" เสียงจามรวดๆของโควตะทำเอามาคุหันมามองอย่างมึนงง
"เป็นหวัดหรือขอรับ?
" มาคุถามอย่างเป็นห่วง โควตะเกาจมูก
"ไม่เป็นไร
" เขาตอบ "สงสัยนัตสึกิจะพูดถึงข้า
เหอะๆๆๆ ต้องรีบทำศึกให้จบเร็วๆจะได้กลับไปหานัตสึกิจัง
" โควตะปาดน้ำลายแล้วทำท่าทางหื่นๆ ทำเอามาคุรีบถอยม้าออกไปห่างแม่ทัพโควตะที่ถูกปีศาจหื่นเข้าสิงชั่วขณะ!!!
"เรื่องนั้นข้าน้อยทราบขอรับ
" มาคุกล่าวอย่างนอบน้อม
"แต่ข้าน้อยว่าเราสนใจเหตุการณ์ปัจจุบันเสียจะดีกว่า เพราะทัพศัตรูกำลังยกเข้ามาแล้วขอรับ" ไม่พูดเปล่า มาคุชี้ไปยังกองพลที่กำลังเคลื่อนที่มา
ร่างราชินีมิโดริใส่ชุดขุนพลยิ่งเพิ่มความงามให้แก่พระนางยิ่งนัก ทหารถูกนำออกมาเพียงไม่กี่พันนาย โควตะเลิกคิดอย่างสงสัยเป็นกำลัง ไม่รู้ว่าพระนางมีอะไรดีถึงได้กล้าขนาดนี้
"ดูสิขอรับท่านโควตะ!!!" มาคุกล่าวอย่างตระหนก เมื่อทหารเพียงนับพันนั้นเป็นผู้หญิงเสียเกือบครึ่งหนึ่ง มิโดริที่ยืนอยู่บนรถศึกยื่นมือขึ้นบนท้องฟ้า แล้วท่องอะไรอยู่สักครู่ ก่อนที่จะรวบมือเข้าหาตัว ระหว่างนั้นเหล่านางกำนัลก็วางตุ๊กตาฟางจำนวนมากเรียงรายกันอยู่
"ท่านโควตะ
ท้องฟ้า!!!" เสียงม้าร้องดังกระหึ่มไปทั่วทั้งกองทัพ ฟ้าที่โปร่งเมื่อสักครู่ อยู่ดีๆก็เกิดเมฆดำเข้ามาและเกิดหมอกลงหนาทึบเสียงจนโควตะเริ่มหวั่นใจว่าศัตรูจะมาไม้ไหน!!!
"ยังกับไสยศาสตร์!!!" โควตะพึมพำ ไสยศาสตร์เป็นเวทย์มนต์เฉพาะ และเป็นวัฒนธรรมพื้นเพของแต่ละอาณาจักร แม้จะออกมาในรูปที่แตกต่างกัน แต่มีพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน
"ระวังตัวให้ดีน่ะ!!! จัดกระบวนทัพตั้งรับ
.!!!" สิ้นคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ เหล่าทหารก็แปรกระบวนทัพเป็นตั้งรับ มีการชนกันเล็กน้อยเนื่องจากหมอกลงทึบ สุดท้ายก็แปรเสร็จด้วยดี
"ทำยังไรดีขอรับท่านแม่ทัพ!!!"
"อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว
ดูท่าทีของศัตรูก่อน!!!" โควตะสั่งพลางเพ่งออกไปในสายหมอก ฉับพลันเสียงร้องอย่างแปลกใจจนถึงประหลาดใจก็ดังขึ้นทั่วทั้งกองทัพเมื่อแม่ทัพผู้สง่างามสวมเกราะดำและควบม้าดำเหยาะม้าเข้ามาในรัศมีของหมอก พร้อมด้วยทหารราบหลายหมื่นคนก็กรีฑาทัพเข้ามาด้วย โควตะมองอย่างงงงัน จำนวนทหารที่เห็นก่อนมีหมอกกับตอนนี้มันคนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ!!! จำนวนทหารเกราะดำนั้นพอวัดดวงกับกองทัพกู้ชาติได้เลยทีเดียว!!!
โควตะตะลึงงันไปสักครู่ เมื่อตั้งสติได้ก็ควบม้าออกไปข้างหน้า
"ข้าโควตะแห่งนากิ ขอท้ารบกับเจ้า
มีนามอะไรจงแจ้งมา!!!" โควตะตะโกน แต่ไม่ได้ผล แม่ทัพในเกราะดำได้แต่เพียงอ้าปากคำรามอย่างน่ากลัวพร้อมกับม้าดำที่เขาขี่ก็พ่นลมออกมาเป็นควันรุนแรง!!!
"ท่านโควตะ
" มาคุควบม้าตามเข้าไปกระซิบ
"ข้าว่าเราถอยจะดีกว่า เพราะตามภูมิอากาศนั้นเราเสียเปรียบ
แล้วอีกอย่าง
."
"อีกอย่าง?"
"ข้าว่าพวกนี้มันไม่เหมือนคน
.ยิ่งเจ้าม้านั้น
." มาคุชี้
"เจ้าคุโระของซาไอนั้นข้าคิดว่าดุ
และหายากแล้ว แต่เจ้าตัวนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าม้าทั่วไป
ท่านอาจจะว่าข้าขี้ขลาด
แต่การรบต้องรู้จักรุกและรับ
นี่คือความคิดเห็นของข้า
เราถอยเถอะ!!!"
"มาคุ
"
"ขอรับ!!!"
"รู้ไหม? เจ้าไม่บอกข้าก็จะทำ
ข้าก็ไม่อยากสู้กับพวกที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรอก เกิดมันเป็นไอ้อย่างนั้นขึ้นมาอ่ะน่ะ
"
"ไอ้อย่างนั้น?"
"ไสยศาสตร์ยังไงล่ะ!!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จะดีกว่า
แล้วอีกอย่างทหารพวกเราท่าทางมันจะคิดเหมือนข้าน่ะ
ดูสิ
" โควตะบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง ให้เห็นทหารที่ยืนหงออยู่เพราะไม่รู้ว่าตัวเผชิญกับตัวอะไร
"ท่านแม่ทัพใหญ่!!!" เอซะควบม้าขึ้นมาหาโควตะ
"พวกมัน
."
"แม่ทัพเอซะ
ในหมู่เรามีใครรู้ไสยศาสตร์บ้างไหม?"
"เท่าที่ข้ารู้
ไม่มีน่ะ
แต่นอกจากพวกเรา ข้าคิดว่าในหมู่ท่านเซอิจิคงจะมีใครรู้
"
"แม่ทัพโควตะ
" โทงาริควบม้าขึ้นมาบ้าง
"ท่านโทงาริ
พวกเรามีใครรู้ไสยเวทย์บ้าง!!!"
"ไม่มีหรอก
พวกเราไม่มีใครศึกษาศาสตร์มืดกัน!!!"
"ขออภัยขอรับที่ขัดจังหวะแต่ฝ่ายโน้น!!! มัน
" มาคุเอยพลางชี้ไปทางฝ่ายตรงข้าม
ฝูงทหารเกราะดำที่ยืนอยู่นั้นเริ่มเคลื่อนทัพเข้ามา
"ฮึ่ย!!!~ แย่ล่ะ!!!" โควตะอุทาน
"กระบวนทัพตั้งรับ!!!" โควตะชูทวนขึ้นเหนือหัว พลางกวัดแกว่งศาสตราวุธในมือเพื่อขู่ขวัญคู่ต่อสู้ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวแต่อย่างใด
"ฆ่ามันเลยพวกเรา
แค่มันใส่เกราะดำอย่าไปกลัว!!!!" โควตะสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ทำให้ทหารใต้บังคับบัญชาเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ในที่สุดกองทัพกู้ชาติและทหารเกราะดำก็เข้าปะทะอาวุธกัน โควตะแทงทวนเข้าใส่ทหารคนแรกฝ่ายศัตรูจนทะลุทรวงอก แต่เมื่อเขาดึงทวนออกร่างนั้นก็กลายเป็นตุ๊กตาฟาง!!!
"นั้นไง!!!" โควตะยิ้มมุมปาก
"มันเป็นฟาง!!!!" โควตะตะโกนก้อง "จัดการมันเลย
มันแค่ฟาง!!!" เหล่าทหารในบัญชามองไปยังศัตรูพร้อมกันในทันที และเริ่มฮึดสู้เพราะขืนตายเพราะฟางอับอายไปถึงไหนต่อไหน
การรับพุ่งยังอยู่โควตะควบม้าเข้าไปหาแม้ทัพบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว
"เคร้ง!!!" เสียงอาวุธปะทะกันของทั้งสอง โควตะยังคงฟาดอาวุธลงทั้งซ้ายและขวากระหน่ำใส่แม่ทัพเกราะดำ แม่ทัพเกราะดำนั้นก็สวนกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน แม่ทัพผู้นั้นหวดอาวุธลงมาใส่โควตะอย่างไม่มีการปราณีใดๆทั้งสิ้น โควตะเอนตัวรบแล้วโจมตีใส่สีข้างของฝ่ายศัตรู ทั้งคู่ผลัดกันรุกและรับไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครเป็นรองใคร
ราชินีมิโดริมองดูการรบครั้งนี้อย่างไม่เป็นกังวลเท่าไรนัก
ทหารฟางที่เธอทำการปลุกเสกขึ้น แสดงให้เห็นว่าพระนางทุ่มสุดตัวเป็นครั้งสุดท้าย กองทัพกู้ชาติจะอยู่ร่วมโลกกับพระนางไม่ได้ การรบนั้นพระนางไม่ต้องบัญชาการแต่อย่างใด
พอยืนดูเสียงการรบราฆ่าฟันสักพักพระนางก็ให้สัญญาณทหารกลับสู่ราชวัง
ในเขตพระราชวังนั้นราชินีมิโดริยังคงเร่งฝีเท้าด้วยความเร่งรีบ พระนางก้าวสู่พระราชฐานชั้นในอย่างรวดเร็ว บัดนี้เบื้องหน้าของพระนางคือบานประตูสีน้ำตาลบานใหญ่ที่ลงกลอนสลักเอาไว้อย่างดี แต่ก็ไม่อาจกั้นกลิ่นอันสะดุดจมูกได้
กลิ่นนั้นคือกลิ่นของสมุนไพรหลากหลายชนิดมาผสมรวมกัน พระนางทรงศึกษาไสยศาสตร์อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
องค์ราชินีผลักบานประตูออกแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องที่มือสลัว พระนางก้าวขึ้นบันไดแล้วประทับลงบนบัลลังก์ เพื่อทรงรอคอยอะไรบางอย่าง
และพระนางก็ทรงยืดตัวขึ้นมองลงไปยังนางกำนัลที่ก้าวเข้ามาใหม่
"ถวายบังคมราชินี
"
"มาไหม?
ชิวาโนะน่ะ" ทรงกล่าวสั้นๆ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันในหมู่นางกำนัล หญิงผมแดงหน้าตาจิ้มลิ้มก้าวออกมาข้างหน้า
"ถวายบังคมราชินี
" หญิงที่ถูกเรียกว่าชิวาโนะเอ่ย มิโดริทรงยิ้มพลางเอ่ย
"เจ้าตกลงรับข้อเสนอของเรารึไม่? ชิวาโนะ" ทรงถาม หญิงสาวที่นามว่าชิวาโนะแค่นยิ้มอย่างเคียดแค้น
"เพค่ะ
ถึงตายหม่อมฉันก็ต้องฆ่ามันให้ได้
ซาไอมันฆ่าพี่สาวของหม่อมฉัน พี่โชวโกะ!!! ขอเพียงสามารถจัดการมันได้
องค์ราชินีจะทรงสั่งสิ่งใดหม่อมฉันก็ไม่ขัด!!!" หญิงสาวผู้นั้นคุกเข่าลง ใบหน้าแสดงถึงความแค้นที่มีต่อซาไอ!!!
"ฮึ
ข้าจะให้มันทรมานเสียยิ่งกว่าตายเสียอีก!!!" ราชินีกล่าว
"ไม่แค่มันที่ทรมานแทบตาย
ข้าจะให้คนที่ทำให้ข้าเสียทุกสิ่งไปและคนที่ทรยศข้าต้องเจ็บปวดด้วย!!!"
โควตะลากสังขารขึ้นจากกองศพขุนพลเกราะดำ มันไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน เวลาจะเอาชนะมันช่างกินแรงเขาเหลือเกิน ณ ตอนนี้ กองทัพกู้ชาติได้รับชัยชนะ เศษฟางกระจายเกลื่อนเต็มท้องสนามรบ เมฆหมอกที่ลงจัดเมื่อสักครู่ได้จางหายไปเรียบร้อยแล้ว เหล่ากองทัพกู้ชาติช่วยพยุงเพื่อนทหารที่บาดเจ็บเพื่อกลับไปยังกองทัพ โควตะลุกขึ้นพลางดึงทวนออกจากกะโหลกศรีษะของมัน เกราะหมวกนั้นร่วงออกจากศรีษะ ปรากฏให้เห็นหน้าตาของขุนศึก
"ไอ้นี่เป็นศพเรอะ!!!" โควตะพึมพำขณะพินิจวิเคราะห์ดูซากมนุษย์ที่ดูเหมือนจะตายมาระยะหนึ่งแล้วก็นำมาทำให้แห้งพร้อมกับปลุกเสกเพื่อให้เป็นขุนพลที่ทรงพลนุภาพ
"มาคุ!!!" โควตะตะโกนเรียกมาคุ
"ขอรับ"
"เอาไอ้ศพนี้กลับไปด้วย เราคงต้องศึกษาข้าศึกกันหน่อยล่ะทีนี้!!!"
ถ้าเป็นในสมรภูมินั้น
เซอิจิคงได้ชื่อว่าวีรบุรุษเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เขาต้องทำสงครามรองรับอารมณ์ของซาไอนับสิบๆครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ เซอิจิไม่อยากขัดใจซาไอนักเพราะเขามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะได้อยู่กับซาไออีกไม่นาน
"เสียงม้า
แม่ทัพโควตะคงกลับมาแล้วล่ะมั้ง" เซอิจิเงยหน้าขึ้นจากขนของเจ้าคุโระ ซาไอที่กำลังป้อนหญ้าให้เจ้าม้าก็ให้ความสนใจขึ้นมาบ้าง
"โควตะคงกลับมาแล้วจริงๆ" ซาไอกล่าวบ้างเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากับหูตัวเอง
"ไปเถอะเพค่ะท่านเซอิจิ
หม่อมฉันต้องพาพระองค์ไปรายงานกับโควตะด้วย
ไม่งั้นเขาต้องให้หม่อมฉันวิ่งรอบสนามแน่ๆเลย" เซอิจิหัวเราะในลำคอเบาๆ ขณะที่ซาไอวิ่งนำหน้าออกไป
ในยามเย็นที่นกกาบินกลับรัง กองทัพกลับมาด้วยอาการอิดโรย ซาไอรีบวิ่งเข้าไปหาโควตะแล้วถามสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น โควตะนั้นก็เหนื่อยมาก
เขาบอกว่าขอพักก่อนแล้วในวันรุ่งขึ้นจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนเซอิจินั้นตามมาในภายหลังนั้น โควตะก็กล่าวกับเขาว่ามีเรื่องด่วนอยากจะปรึกษาแล้วทั้งสองก็เดินเข้ามาในกระโจมด้วยกัน โควตะเริ่มเล่าเรื่องให้เซอิจิฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่มิโดริที่ยาดตราทัพเข้ามา การวางตุ๊กตาฟาง หมอกเมฆที่ลงจัดโดยไม่มีเหตุผล จนถึงทหารฟาง
.
"ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว
นั้นเป็นไสยศาสตร์ และราชินีมิโดริก็ชำนาญเสียด้วย
"
"พระองค์มีวิธีต่อกรกับมันไหม?" โควตะถาม
"มี!!!"
"จริงหรือ?"
"มีแน่แต่ข้าทำไม่ได้หรอก การใช้ไสยศาสตร์ต้องอาศัยการฝึกฝน
คนที่ใช้มันได้เท่าที่ข้ารู้ก็มีจิเคตะคนหนึ่งล่ะ!!!"
โควตะหลุบตาตาลง จิเคตะเจ้าของระบำล้างนรกน่ะหรือ?
"แล้วเขาจะช่วยเราหรือ?"
"ยาก
เพราะคนที่เขาต้องต่อสู้ด้วยคือราชินีมิโดริ จิเคตะไม่ยอมสู้ด้วยอยู่แล้ว แต่ข้าจะลองดู
"
"ขอบพระทัยพระองค์มาก
"
"ไม่เป็นไร
ว่าแต่ท่านจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซาไอฟังจริงๆหรือ?"
"ใช่
แต่ต้องให้ข้าพระองค์พักผ่อนเสียก่อน
เล่าทั้งอย่างนี้ข้าพระองค์ไม่ไหวหรอก
" โควตะยักไหล่
"ข้าคิดว่าท่านอย่าเล่าให้นางฟังเลย"
"อ้าว?
ทำไมล่ะ?"
"ข้าคิดว่าราชินีต้องหาทางล่อซาไอออกไปให้ได้แน่ๆ
เราอย่าไปเล่าอะไรที่ทำให้นางอยากออกรบเลย นางลงทุนใช้ไสยศาสตร์แสดงว่านางทุ่มสุดตัวแล้ว
ท่านทราบหรือไม่ว่าไสยศาสตร์เมื่อใช้จะทำให้อายุสั้นลง สังขารร่วงโรย" เซอิจิอธิบาย
"งั้นแสดงว่า
ซาไอมีอันตราย!!!"
"ถูกต้องแล้ว อย่าให้นางออกนอกค่ายเป็นดี
อย่าให้เตะต้องอาวุธเลยยิ่งดีใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ข้าจะดูแลนางเอง"
"อือ
" โควตะรับคำ "เอาอย่างนั้นก็ได้พะยะค่ะ
ถวายบังคมลา" โควตะก้าวออกมานอกกระโจมแล้วค่อมหลังถวายความเคารพให้เซอิจิ เซอิจิก้มหัวรับก่อนที่จะเดินจากมา กษัตริย์หนุ่มตรงไปยังคุกทันที เดเอคินั้นนั่งอยู่นอกคุก กำลังนั่งคุยอยู่กับผู้ต้องขัง ลุกขึ้นถวายความเคารพกษัตริย์ทันที
"มีอะไรหรือพะยะค่ะ?" จิเคตะทักทายเซอิจิด้วยทีท่าสบายๆ พลางคาบฟางเอาไว้ในปาก เซอิจิเดินเข้ามาหาเขาในคุกอย่างรวดเร็ว และไม่ร้องรำทำเพลงใดๆ เซอิจิก็เอ่ยความในใจของตนทันที
"จิเคตะ
ข้าใจไม่ดีเลย" กษัตริย์คร่ำครวญ "วันนี้เสด็จแม่ใช้ไสยศาสตร์
นางต้องการฆ่าซาไอ
จิเคตะเจ้าจะช่วยข้าได้ไหม?" จิเคตะเลิกคิ้ว
"ข้าพระองค์ช่วยแน่พะยะค่ะ
ช่วยพระองค์แน่ ตามแต่บัญชา
แต่ข้าพระองค์จะหลีกเลี่ยงการสู้กับราชินี!!!" จิเคตะตอบ
"งั้นดี!!! ช่วยข้าหน่อย
บอกซิ ซาไอมีอันตรายอะไรหรือเปล่า?" เซอิจิกล่าวอย่างร้อนใจ จิเคตะแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า ดาวจิ้งจอกขาวยังโคจรเจิดจรัสปกติ...
"ตอนนี้ไม่
" จิเคตะกล่าว "พระองค์ทรงร้อนใจไปหรือเปล่า?
ไม่ใช่พะยะค่ะ
ไม่ได้ว่าพระองค์ เพียงแต่ทรงป้องกันให้ดีที่สุด
นั้นคือสิ่งที่พระองค์ทำได้
เพราะหม่อมฉันก็เดาไม่ออกว่าราชินีจะทรงทำเช่นไร? ทางที่ดีอย่าให้แม่หญิงของท่านคลาดสายตาท่านไปแม้แต่นิดเดียว
นั้นคือสิ่งทำพระองค์และพวกเราทำได้" จิเคตะกล่าว เซอิจิมองจิเคตะอย่างตื้นตันใจและเป็นกังวล
"ขอบใจเจ้ามาก
" กษัตริย์หนุ่มพูดอย่างจริงใจ ตอนนี้ทรงรู้สึกว่ามีอะไรมาจุกที่ลำคอ "ข้าจะดูแลนางเอง
" เซอิจิก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงคาราวะอดีตอาจารย์ แล้วเดินออกจากที่กักขัง
"แม่หนูน้อยนั้นโชคดีจริงๆ
" เดเอคิกล่าวเมื่อเห็นเซอิจิเดินออกไปลับตา
"หือม์
" จิเคตะทำเสียงในลำคอ พลางหันมามองเดเอคิ
"ราชาเซอิจิรักนางมาก
ข้ารู้
แต่ไม่ทรงชำนาญในการแสดงมันออกมาเท่านั้นเอง"
"ฮึๆ
" จิเคตะหัวเราะในลำคอ "นางก็รักพระองค์ แต่ชอบแปรความรู้สึกนั้นให้ผิดเพี้ยนไปเช่นกัน
" ชายผมแดงพูดจบก็แหงนหน้าดูเหตุการณ์บนท้องฟ้าต่อไป
"จะทรงนอนเฝ้าอยู่หน้ากระโจมหม่อมฉันหรือเพค่ะ?!!! " ซาไอร้องอย่างแปลกใจปนตกใจ เมื่อโควตะบอกว่าเซอิจิจะมาเฝ้าเธอในคืนนี้
"ไม่ได้นอน
แต่ข้าจะยืนเฝ้าเจ้าต่างหาก" เซอิจิแก้ "ท่านโควตะถ้าเป็นไปได้ ช่วยจัดเวรยามให้แน่นหนากว่าเดิมด้วยน่ะ
เพราะไสยศาสตร์มาได้ทุกหนทุกแหน่ง เราคาดการณ์ไม่ได้หรอก!!!" ซาไอขมวดคิ้ว เธอไม่เคยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เธอทำทุกสิ่งที่มีเหตุผลเท่านั้น เรื่องเวทย์มนต์คาถาเธอเชื่อว่ามีแต่เทพเท่านั้นที่ทำได้
แล้วมิโดริก็ไม่ใช่เทพนี่นา!!! เธอจะไปกลัวทำไม?
"ทำยังกับจะมีการลักพาตัวข้าอย่างนั้นแหละ!!!" ซาไอบ่นพึมพำ
"ซาไออย่ารั้นได้ไหม!!!" โควตะดุ "ก็ข้า
." ซาไอทำท่าจะเถียง
"ซาไอ
" เซอิจิหันมาคุยกับเธอ "ถ้าข้าบอกว่ามันไม่ได้เป็นไสยศาสตร์ แต่บอกเจ้าว่าราชินีมิโดริมีฝูงเสือที่คืนนี้จะเอามาบุกกระโจมเจ้า เจ้าจะฟังไหม?" เขาว่า ซาไอจ้องตาของเซอิจิอย่างไม่พอใจ
"หลอกเด็กน่ะสิเพค่ะ
หม่อมฉันเป็นแม่ทัพน่ะเพค่ะ
ผ่านสนามรบมามากพอที่จะฆ่าเสือทั้งฝูง!!!" ซาไอเถียง
"แล้วถ้าเสือเป็นที่แทงฟันไม่เข้าเจ้าจะทำยังไง หึ?" เซอิจิถามต่อ
"พระองค์กำลังวกเข้าสู้ไสยศาสตร์อีกแล้ว!!!" ซาไอตอบ เซอิจิถอนใจ
"เอาเถอะๆ!!!" โควตะตัดบท "เอาเป็นว่าห้ามก้าวออกจากกระโจมแม้แต่ก้าวเดียว ไม่อย่างนั้นถือว่าเจ้าผิดวินัยทหาร!!!"
"ได้!!!" ซาไอรับคำห้วนๆอย่างไม่พอใจ "ข้าจะไม่ออกจากกระโจมตราบใดที่ข้ายังมีสติอยู่ ตกลงไหม?" ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปในกระโจม แล้วดึงผ้าลงแล้วโผล่ออกมาแต่ศรีษะ
"โควตะคนใจร้าย!!!" ซาไอว่าแล้วดึงฝ้าปิดศรีษะพลางก้าวหายไปทันที
"เฮ้อ
" โควตะถอนใจ "ยายตัวแสบเอ๋ย!" เขาบ่น เซอิจิหันกลับมามองโควตะ
"ซาไอนี่
นางไม่เชื่อไสยศาสตร์หรือ?" กษัตริย์หนุ่มถาม โควตะพยักหน้า
"ไม่เลยพะยะค่ะ
ถึงชื่อว่าเป็นแม่ทัพอัจฉริยะ แต่ถ้าพูดถึงไสยศาสตร์นางไม่ฟังหรอก
จะว่าไปนางเป็นพวกต่อต้านเรื่องประเภท
ว่าแต่จะทรงถามไปทำไม?"
"
" "ไม่มีอะไรหรอก
" เซอิจิตอบ "คิดว่าเรื่องของนางข้าควรรู้เท่านั้นเอง!!!" การสนทนาจบลงแต่เพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ไม่มีใครรู้เลยว่า ชะตากรรมอันน่าหวาดกลัวที่จะเกิดกับแม่ทัพหญิงนั้นใกล้เข้ามาทุกที
ลานกว้างที่ถูกตระเตรียมด้วยเครื่องเซ่นต่างๆ ในพระราชวังนากินั้นไม่มีใครทราบเลยว่าพระราชินีมิโดริกำลังจะทำอะไรอยู่
มีเพียงเหล่านางกำนัลเท่านั้นที่ทราบ
บนพื้นกว้างนั้นถูกตราด้วยรูปดาวแปดแฉก พร้อมด้วยธงตราสัญลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆเอาไว้ทั้งแปดทิศ ในสัญลักษณ์ดาวแปดแฉกนั้นยังมีโต๊ะใหญ่ตั้งเอาไว้ตรงกลาง บนโต๊ะมีภาพวาดของจิ้งจอกแล้วลงสีขาว ไม่เพียงเท่านั้นบนโต๊ะยังเต็มไปด้วยเข็มและมีดปลายแหลม ยังมีกริชสั้นๆหลายอันด้วย
ราชินีมิโดริก้าวเข้ามาในวงกลมดาวแปดแฉก พระนางทรงก้มศรีษะไหว้ดวงดาวยามค่ำคืน พระจันทร์คืนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวดวงแต่หากจะมีเพียงเศษเสี้ยวนั้นก็มีพลังล้นเหลือในพิธีนี้!!!
ราชินีมิโดริหยิบภาพวาดจิ้งจอกขึ้นและชูมันขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางหยิบเข็มเล่มแรกขึ้นมา พลางปักมันไปบนลำตัวของจิ้งจอกขาว!!!
*แปล๊บ!!!* ซาไอที่เกือบจะหลับไปแล้วสะดุ้งขึ้นพร้อมกับกุมท้องน้อยอย่างเจ็บปวด
องค์ราชินีมิโดริสวดคาถาพึมพำพลางแทงเข็มเล่มที่สองลงบนอกของจิ้งจอกในภาพวาด
"โอ๊ย!!!" ซาไอร้อง
และงอตัวบิดไปมา มือทั้งสองข้างกำชุดที่ใส่ไว้แน่น
.
ราชินีมิโดริยิ้มเมื่อมองภาพวาดจิ้งจอกที่มีสีแดงจางๆนองรอบรอยเข็มปักทั้งสอง พลางเม้มปากและเริ่มท่องคาถาบทที่ 3 พลางทิ่มเข็มเล่มสุดท้ายลงไปบนหัวของจิ้งจอกภาพวาด!!!
เซอิจิและเหล่าทหารยามสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องในกระโจม หญิงรับใช้ประจำตัวซาไอกรูเข้ามา
"ท่านซาไอ!!! ท่านซาไอค่ะ เป็นอะไรไปค่ะ?"
"ทำใจดีๆเอาไว้น่ะค่ะ
ใครก็ได้!!!"
"เกิดอะไรขึ้น?" เซอิจิที่ก้าวเข้ามาในกระโจมถาม หญิงรับใช้ชะงักไปชั่วครู่!!
"ท่านซาไอ
." พวกเธอชี้มาที่ซาไอที่กำลังกุมศรีษะเพราะปวดหัวรุนแรง เซอิจิรีบเข้าไปประคองหญิงสาวขึ้นมาในอ้อมแขน!!!
"ซาไอ!!!
เป็นอะไรไป?" เซอิจิถามพลางวางมือทาบบนหน้าผาก "ตัวก็ไม่ร้อน!!!"
"ป
ปวด
.หัว" หญิงสาวตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
"ป
ปวดหัวใจด้วย
.ป
ปวดท้องด้วย" เธอพยายามพูดเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดนั้น
แต่ไม่มีผล ความเจ็บปวดยังทวีความรุนแรงขึ้น จนหยาดน้ำตาใสเริ่มไหลรินออกจากดวงตาหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
"โธ่เอ๊ย!!!" เซอิจิกอดหญิงสาวเอาไว้แนบอก "ใครก็ได้ไปพาจิเคตะมาที!!! บอกว่าเป็นคำสั่งข้า!!!" เสียงบัญชาของกษัตริย์หนุ่มสั่งไปยัง ทหารยามที่ยืนสลอนอยู่ข้างนอก เหล่าทหารยืนเกี่ยงกันสักพักสุดท้ายก็มีทหารวิ่งออกไปคนหนึ่ง เขาวิ่งไปยังคุกที่เดเอคินั่งอยู่ข้างหน้าพอดี ทหารนายนั้นชะงัก
"มีอะไร?" เดเอคิถามอย่างขบขันเมื่อเห็นทหารคนนั้นตัวสั่นงันงกเมื่อเห็นตน
"ท่านซาไอ
." ทหารผู้นั้นตอบด้วยเสียงเครือๆ "ท่านซาไอเป็นอะไรก็ไม่รู้
ท่านเซอิจิบอกว่าให้มาพาจิเคตะไปด่วน
" พูดยังไม่จบประโยคดีโควตะที่ใส่เสื้อนอกแต่เพียงหลวมๆก็วิ่งเข้ามาที่คุก พลางชี้ให้พัสดีเปิดคุกพาจิเคตะออกมาด่วน!
"อะไรเล่า?
จู่ๆจะมาลากกันเลยรึยังไง?" จิเคตะ คาบหญ้าออกจากปาก พลางมองตรวนที่ถูกถอดออกอย่างไม่นึกไม่ฝัน
"อย่าพูดมาก ตามมาก็แล้วกัน!!!" โควตะพูดเชิงสั่ง
"หนอย!!! ถ้าไม่ใช่คำสั่งท่านเซอิจิอย่าคิดว่าข้าจะลุกขึ้นเลย
เดี๊ยะ!!! ได้เจอระบำล้างนรกแน่" จิเคตะขบฟัน แต่โควตะหันกลับมามองอย่างไม่ยี่หระ
"เป็นระบำล้างส้วมแน่! ถ้าซาไอเป็นอะไรล่ะก็!!!"
"เอ๊ะ! ไอ้นี่ วอนชีวิตแล้ว!!!" จิเคตะชักยัวะ
"เถียงอะไรกันอยู่อีก จิเคตะ!!!" เซอิจิออกมายืนอยู่ข้างหน้ากองคุมนักโทษ เขาปราดเข้าไปพลางขอกุญแจจากพัสดีและลงมือไขกุญแจของจิเคตะ
"ซาไอเป็นอะไรไม่รู้!!!" เซอิจิพยายามกลบความกังวลแต่ไม่เป็นผล น้ำเสียงเขาบอกว่าเขากลัวอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น
"ข้าเกรงว่าจะเป็นฝีมือเสด็จแม่
ไปเถอะ" เซอิจิเดินนำไปโดยมีจิเคตะเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ในกระโจมของซาไอนั้น เหล่าหญิงรับใช้กำลังพักหวีแม่ทัพอยู่ ซาไอตอนนี้นัยตาแดงกล่ำ
ยังปวดบริเวณทั้งสามอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่สำคัญเท่ากับมีสัญลักษณ์ประหลาดปรากฏที่หน้าผากของเธอ
"นี่มัน!!!" จิเคตะส่งเสียงออกมาอย่างตื่นตระหนก เขาไม่ตกใจมานานแล้วตั้งแต่ซูคังแตก แต่ครั้งนี้มันเหนือกว่าทุกครั้ง!!! ราชินีมิโดริจ้องจะจัดการซาไอให้ได้แม้ตนจะตายก็ตาม
"คุโรเคียว
" เสียงกระซิบออกจากปากจิเคตะ แล้วก็ทรุดตัวลงกับพื้น "ซาไอของท่าน
ท่าจะไม่รอดแล้ว
ท่านเซอิจิ" จิเคตะหัวเราะแบบคนเสียสติ
"คุโรเคียว
โชคร้ายแห่งรัตติกาล?" เซอิจิเอ่ยเป็นเชิงถาม จิเคตะพยักหน้า ทันใด!!!เซอิจิก็ปราดเข้าจับคอเสื้อของชายผมแดง นัยตาแดงกล่ำแสดงถึงจิตที่แตกย่อยยับไปเรียบร้อยแล้ว!!!
"คุโรเคียว
.วิชาแลกชีวิตน่ะหรือ? วิชาบังคับจิตคนโดยไม่เหมือนวิชาไสยศาสตร์ทั่วไป
ใช้พลังจากชีวิตของผู้ใช้วิชา บังคับเหยื่อโดยไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนเหยื่อเหมือนวิชาทั่วไป
" เซอิจิพูดเหมือนท่องจากตำรา นัยตาของเขาเอ่อท้นด้วยความเจ็บปวด
"ใช่ไหม? !!! อย่าโกหกข้าน่ะ
จิเคตะ!!!"
"มิกล้า
" เซอิจิปล่อยมือออกจากคอเสื้อของจิเคตะช้าๆ แล้วเข้าโอบกอดซาไอพลางจูบหน้าผากเธออย่างไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้าง
"ไม่ต้องห่วง
ข้าจะดูแลเจ้าเอง
" ซาไอมองเซอิจิอย่างมึนงง เกิดอะไรขึ้น? คุโรเคียว? อะไรกัน?
"อะไรกัน?
ทำไม? เราไปบุกมิโดริซะก็สิ้นเรื่อง!!!" ซาไอพูดอย่างวู่วาม โควตะยังอึ้งในคำพูดของหญิงสาว เธอเหมือนถูกอะไรดลใจอยู่
"รู้รึเปล่า? ว่าเจ้าพูดอะไรออกมา ซาไอ!!!" โควตะตวาด "คิดให้ดีสิ!!! ปกติเจ้าไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่หรือ?"
"มิโดริฆ่าข้าไม่ได้ถ้าไม่เอามีดมาแทงข้าด้วยตัวเอง!!!" ซาไอว่า "ข้าช่วยตัวเองได้ ไปเอาม้ามาข้าจะไปบุกเอง
" ว่าแล้วเธอก็ก้าวขึ้นจากเตียง พยายามจะออกนอกกระโจม แต่เซอิจิกอดตัวเธอไว้แน่น!!!
"ปล่อยข้าน่ะ!!!" เธอกรีดร้อง พลางดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ไม่เป็นผลเซอิจิยังคงจับตัวเธอเอาไว้ สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป
"บอกให้ปล่อยไงเล่า!!!" หญิงสาวคำรามพลางใช้ศิลปะต่อสู้ที่เธอมีดีดมือเขาใส่ปลายคางกษัตริย์หนุ่มอย่างรุนแรง
"อุ๊ก!!!" เซอิจิสบถในลำคอ พลางจับมือของหญิงสาวเอาไว้ โควตะปราดเข้าไปจับด้วยอีกแรง
"ไปเอาเชือกมา!!!" โควตะสั่ง "ต่อให้ต้องมัดเจ้าเราก็ต้องทำ"
ตอนนี้ราชันนินจา มาโซยุราโอะกำลังวิ่งเร็วปานสายลมเพื่อตรงเข้าสู้พระราชวังนากิ เพื่อสังหารมิโดริให้ได้ หลังจากที่ได้เห็นสภาพของซาไอ
.เขาทนไม่ได้ที่ปล่อยให้เจ้านายเป็นอย่างนั้น แต่ทางราชวังนากิก็มิได้นิ่งเฉย
ราชินีทรงโปรยผงสีขาวลงบนแผนที่จำลองของค่ายกองทัพกู้ชาติ
"ขอนิทราจงมาในคราบราตรี!!!"
เธอกล่าว
.ไม่นานหรอกทหารในค่ายคงหลับกันหมด
พระนางทรงหันหลับมามองภาพวาดจิ้งจอกอย่างโกรธแค้น
"เราปันพลังชีวิตแก่เจ้า
ขอเจ้าจงเดินตามเราสั่งการ!!!" พระนางสั่งพลางใช้แทงไม้แหลมแทงลงบนหน้าผากจิ้งจอก!!!
"อึ๊ก!!!" เสียงของซาไอที่สะดุ้งขึ้นเบาๆ หากใครจะสังเกตเห็นบัดนี้ตาของเธอไม่มีแววแล้ว
มันมองดูเลือนลอยอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปหลายชั่วโมง จิเคตะถูกนำไปกักขังไว้ที่เดิม เซอิจิยังคงเฝ้าซาไออยู่ โควตะก็ฟุ่บโต๊ะหลับไปแล้ว เซอิจิไม่ได้สังเกตเลยว่าทหารส่วนใหญ่ในค่ายหลับกันไปหมดแล้ว เซอิจิก็นั่งสะลึมสะลืออยู่บนเก้าอี้ได้สักพัก ภาพของซาไอเลือนลางเหลือเกิน
และแล้วก็ไม่ทรงสามารถฝืนสังขารตนได้ ร่างกายอ่อนเพลียและฟุ่บโต๊ะไปในที่สุด!!!
ซาไอลุกขึ้นจากเตียง เชือกที่พันตัวหลุดไปโดยปริยาย เธอเดินช้าๆอย่างเลือนลอยตรงไปยังคอกม้า
พลางขึ้นม้าตัวที่จับได้ คุโระร้องอย่างแปลกใจที่ไม่ได้ขี่มัน มองนายสาวขี่ม้าตัวอื่นไปช้าๆอย่างเลือนลอยไปด้วยความแปลกใจ
มิโดริกำลังดำเนินการของตนต่อไปอย่างไม่ลดละ พระนางทรงกรีดลำแขนนวลผ่องด้วยกริชจนหยาดเลือดหยดลงพื้นพิธี
"เรามอบเลือดแก่เจ้า
"
"ขอประกายดาวที่ต้องตาเราจงตกลงมา
" กล่าวเสร็จพระนางก็แทงลงบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งและชูกริชตรงเข้าหาดาวดวงหนึ่งหนึ่งที่เจิดจรัสอยู่บนฟากฟ้า ฉับพลัน! ดาวดวงนั้นก็ดับแสงและเริ่มโคจรผิดทิศ
"ฮึๆ
" ทรงหัวร่อในลำคอ ใบหน้าของราชินีแก่ไปถนัดตาแต่ก็ยังคงความงามเอาไว้ได้
"สั่งทหารสักห้าร้อยคนเตรียมยกทัพตามข้ามา
" พระนางทรงสั่งพลางแย้มยิ้มอย่างสาในใจ
"ไม่น่ะ!!!" จิเคตะร้องอย่างตื่นตระหนก ขณะที่เขากำลังหมุนเครื่องลางในมือ ที่นานๆจะเอาขึ้นมาสักที ก็บังเกิดบางอย่างที่เขาไม่คาดคิด ดาวดวงน้อยที่นามจิ้งจอกขาวดับแสงและแบนผิดทิศ!!! จิเคตะหันรี่หันขวาง โชคดีที่เขาถูกขังไว้เฉยๆ ไม่ได้ถูกใส่ตรวนเพื่อสะดวกต่อการนำตัวออกมาหากซาไอเป็นอะไร
เซอิจิก็ทำอะไรไม่ได้เสียด้วย เพราะเป็นวินัยทหาร
"เดเอคิ!!! โว้ย! ไอ้อ้วน ไอ้หมีควาย ตื่นสิว่ะ!!! แม่หญิงของท่านเซอิจิแย่แล้ว!!!" จิเคตะตะคอกใส่เดเอคิที่หลับเป็นตายอยู่หน้าคุก
"เฮ้ย!!! มนต์นิทรานี่หว่า? โธ่เอ๊ย!!! ท่านเซอิจิๆ แม่หญิงของพระองค์ถึงคราวดับล่ะทีนี้!!!" จิเคตะเต้นหย็องแหย็งอยู่ในคุก พลางก้มเอาทั้งหินทั้งก้อนดินปาใส่คนร่างยักษ์
"ตื่น!!!!! อ๊ากกกกกก ไอ้หมีควายยยย ตื่นโว้ย!!!!" จิเคตะตวาดอย่างรุนแรง พลางคว้าท่อนไม้ท่อนใหญ่เตรียมขว้างออกไป แต่ก็มีลูกธนูวิ่งเข้าปักที่ท่อนไม้
"ใคร?"
"ชิ
คนป่าเถื่อน" ร่างบางผิวขาวย่างออกจากพุ่มไม้
"โทะโดะ?"
"ใช่ข้าเอง
จิเคตะเจ้าคนป่าเถื่อน
เจ้านี่ช่าง
." แต่ก่อนหญิงสาวจะพูดจบจิเคตะก็ปรบมือยกใหญ่
"เจ้ามาก็ดี
ปลุกไอ้หมีควายนั้นหน่อย
ให้มันมาเปิดประตูคุกให้ข้าที เร็วๆ!!!"
"
." โทะโดะมองจิเคตะอย่างแปลกใจ "ได้ข้าจะปลุก
แต่เจ้าต้องหันไปทางอื่นก่อน
"
"โธ่เอ๊ย!!!" จิเคตะตบหน้าผาก "ช่างเถอะ!!! จะปลุกก็รีบปลุกเหอะเจ๊
.เร็วๆหน่อยแล้วกัน จะปลุกยังไงก็ได้!!!" คนผมแดงเต้นเร่าๆ
"
." หญิงสาวหน้าแดง พลางหันหน้าไปหาชายร่างยักษ์แล้วนาบริมฝีปากให้อย่างแผ่วเบา
"หว๋า!!!" จิเคตะร้อง "ปลุกอย่างนี้ก็ไม่บอก!!!"
"ตื่นเถอะค่ะ..นายท่าน" โทะโดะกระซิบที่หูเดเอคิอย่างอ่อนโยน "โทะโดะอยู่นี่ค่ะ
."
หากท่านคิดว่านิยายเรื่องนี้มีความแต่ความจริงนั้น
..ผิดไปแล้ว อภินิหารเกิดขึ้นได้เสมอ เดเอคิค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
"หาว
" เดเอคิอ้าปากหาวหวอดๆ "แจ๊บๆ มีอะไรเรอะ?
อ้อ
โทะโดะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เดเอคิกล่าวอย่างแปลกใจ
"ไอ้หมีควาย!!!
มาเปิดประตูคุกให้ข้าทีเถอะ เร็ว!!! ท่านหญิงของท่านเซอิจิมีอันตรายถึงตายเชียว!!!"
"
!
." เดเอคิลืมตาโพล่งอย่างตกใจ แล้วลุกขึ้นฟาดไม้ที่ทำเป็นกรงพันธนาการหักกระจาย!!!
"ไปเถอะ!!!" ชายร่างยักษ์เอ่ยอย่างรีบเร่งแทน "ถ้าแม่หนูนั้นตาย เราคงมีแต่ร่างของท่านเซอิจิกลับซูคัง"
"ไม่ต้องบอกข้าก็รู้!!!" จิเคตะเอ่ยแล้วทั้งสามก็วิ่งอย่างรวดเร็วไปยังกระโจมแม่ทัพหญิง...
จิเคตะเลิกผ้า แล้วก็พบเชือกที่หลุดกองอยู่กับพื้นกับคนที่หลับอยู่ทั้งนอกและในกระโจม จิเคตะไม่รอช้าเขารีบปราดเข้าไปปลุกเซอิจิทันที
"ท่านเซอิจิพะยะค่ะ รีบตื่นเร็วพะยะค่ะ ซาไอหายตัวไป!!!"
*ไม่ตื่น!!! *
"ตื่นพะยะค่ะ!!! ซาไอหายไปแล้ว!!!"
*ไม่ตื่น!!! *
"ฮึ่ม! ไม่ตื่น ทำยังไงดีล่ะ!!!" จิเคตะสบถ จู่ๆทั้งสามคนก็มองหน้ากัน
"รึว่าต้องจูบ
." ทั้งสามโพล่งขึ้นพร้อมกัน
"ไม่ใช่ข้าน่ะ
ข้ายอมจูบแต่ท่านเดเอคิคนเดียว
" โทะโดะออกตัว
"เฮอะ
ข้าก็ยอมจูบแต่โทะโดะคนเดียวเหมือนกัน!!!" เดเอคิกล่าว แล้วทั้งสองก็มองไปที่จิเคตะอย่างมุ่งหวัง
"จูบ
ข้าเนี่ยน่ะ!!!" จิเคตะว่า อีกสองคนพยักหน้าพร้อมกัน
"เอาว่ะ
เพื่อเจ้านาย
" จิเคตะส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อทำใจ "เกิดมาก็เพิ่งเคยจูบผู้ชายด้วยกันคราวนี้แหละ
" ว่าแล้วจิเคตะก็บีบจมูกแล้วแนบปากไปที่แก้มของเซอิจิอย่างรวดเร็ว แล้วขึ้นมาเช็ดปากกับแขนเสื้อยกใหญ่
"ท่านเซอิจิ
ซาไอหายไป!!!" จิเคตะกระซิบ แล้วเขาก็รีบกระโดดหลบเมื่อเซอิจิกระโดดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ซาไอหายไป!!!???" เซอิจิถาม
"ใช่พะยะค่ะ!!!" จิเคตะรับ
"งั้นไปตามนางกัน!!! รู้ไหม?ว่านางจะไปไหน!!!
"
"น่าจะไปที่เมืองหลวง!!!"
"ดีงั้นไปกันเลยเอาคนอื่นไปด้วย ท่านโควตะ!!!" เซอิจิสะกิดโควตะที่ฟุ่บโต๊ะอยู่
"คงยากพะยะค่ะ
" จิเคตะว่า "เพราะต้องปลุกโดยการ 'จูบ' " เซอิจิผงะพลางทำหน้าเบ้
"งั้นไปกันแค่นี้ก็ได้
จิเคตะ เดเอคิ แล้วก็เออ
." เซอิจิทำท่างงๆเมื่อเห็นโทะโดะ
"นี่
โทะโดะ คนสนิทและก็เป็นภรรยา ข้าพระองค์ด้วยพะยะค่ะ" เดเอคิแนะนำ
"อ้อ
ฮูหยินของเดเอคิ
." เซอิจิยิ้มให้ภรรยาผู้ใต้บังคับบัญชา "ไปกันเถอะ!!!" แล้วทั้งสามก็วิ่งออกไปยังคอกม้า
"คุโระ!!!" เซอิจิอุทานเมื่อเห็นคุโระพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่ผู้บังเหียน
"ซาไอไม่ได้เอาเจ้าไปเรอะ!!!" เจ้าม้าพ่นลมจากจมูก
.แล้วไม่เห็นเรอะ!!!
.ว่าข้ายังอยู่นี่
ถามมาได้ไม่ได้คิดเล้ย!!!
.
"เอาล่ะขอโทษที
" เซอิจิยิ้มเครียดๆ "ซาไอไปไหน? เจ้ารู้ใช่ไหม?" เจ้าม้าพยักหน้า "งั้นดี!!! พาข้าไปหน่อย
ซาไอกำลังมีอันตราย!!!"
สิ้นคำม้า 3 ตัวควบออกไปสุดฝีเท้าในยามค่ำคืน เพื่อตามซาไอให้ทัน!!!
|