[HOME] [สารบัญ] l 1 l 2 l 3 l 4 l 5 l 6 l 7 l 8 l 9 l 10 l 11 l 12 l 13 l 14 l 15 l 16 l 17 l 18 l 19 l 20 l 21 l 22 l 23 l 24 l 25 l 26
     l 27 l 28 l 29 l 30 l 31 l 32 l 33 l 34 l 35 l 36 l 37 l 38 l 39 l 40/1 l 40/2 l 41 l 42 l 43/1 l 43/2 l 44 l 45
     l 46 l 47 l 48 l 49/1 l 49/2 l 49/3 - fin l

บทที่ 43 lady wars(สงครามนารี) เผด็จศึก


วันที่ 7 ก.ย. กระบวนทัพโอบล้อมกำแพงเมือง การรบถูกตระเตรียมขึ้นในเวลาที่จำกัด เนื่องจากเสบียงอาหารนั้นมีจำกัด จากการบุกปล้นเสบียงของอิจิว และนับจากวันที่ 7 ก.ย. ไปจะอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน เนื่องจากเหตุนี้…จึงได้มีการส่งราชทูตเข้าไปในเขตเมืองหลวงเพื่อให้โอกาสยอมจำนนเพื่อไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ แต่ราชินีมิโดริไม่ทรงยินยอม ซ้ำยังฆ่าทูตเสียอีก นับเป็นการประกาศสงครามกับกองทัพกู้ชาติ!!!

วันที่ 8 เดือนเดียวกัน พระราชินีมิโดริทรงนำทหารที่เหลือในสังกัด 1 แสนคนเตรียมพร้อมสู้ศึก!!!

กองทัพกู้ชาติได้รับความเสียหายจากการสู้กับอิจิว เหลือกำลังไม่เกิน 60000 แต่เกิดเหตุพลิกผันเมื่อทหารกึ่งหนึ่งของนากิยอมสวามิภักดิ์กับกองทัพกู้ชาติ…ภายใต้การนำของแม่ทัพเน็นจินอดีตข้าเก่าในราชสำนักนากิ มีผลให้ศึกวันแรกฝ่ายกองทัพกู้พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบทันควัน!!! พระนางมิโดริทรงโกรธแค้นในเรื่องนี้มาก

วันที่ 9 เดือนเดียวกัน ราชินีทรงยกทัพออกมาสู้ศึกด้วยตัวพระนางเอง โดยโควตะเป็นแม่ทัพใหญ่ในศึกครั้งนี้…

ซาไอถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกมาย่ำกรายในศึกนี้อีก..เพราะใครๆก็รู้ว่า พระนางมิโดริมีความแค้นกับซาไอมากมาย แน่นอนไม่ใช่แค่ซาไอที่เป็นบุคคลต้องห้าม เซอิจิด้วยก็เช่นกันที่เป็นบุคคลต้องห้ามเสียมากกว่า ทั้งสองจึงถูกกันไว้ให้ห่างศึกนี้มากที่สุด แม้ทั้งสองคนจะได้ฉายาว่าเหมาะกันเป็นหงส์คู่มังกรก็ตาม สำหรับเซอิจิที่ได้ทำศึกและช่วยเหลือซาไอให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขาไม่ใช่เซอิจิผู้อ่อนแอต่อไป…

แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ไม่วายถูกปล่อยให้นั่งรากงอกอยู่ในกระโจมอยู่ดี สงครามดุเดือดบนกระดานหมากรุกเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าเป็นสงครามที่ 2 ของวันที่ซาไอก่อกับเซอิจิ หลังจากสงครามแรกของวัน เธอทำสงครามน้ำลายไปกับโควตะที่ไม่ยอมให้เธอไปรบโดยให้เหตุที่น่าฟังแต่เธอรับไม่ได้ว่า มันอันตรายไปสำหรับซาไอ และเดเอคิที่ยืนอยู่ข้างๆเซอิจิก็เสริมอย่างชัดเจนว่า 'อันตรายเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง ตัวน้อย-น้อย' ก็นั้นล่ะสงครามครั้งแรกของวันเธอแพ้โควตะอย่างขาดรอยแม้วาจาของเธอจะคมคายน่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม แต่โควตะได้เก็บหูเก็บตาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น!!! ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร โควตะก็จะส่ายหน้า และจบสงครามด้วยประโยคว่า

"กลับไปที่ที่พักเจ้าซะ ซาไอ" โควตะสั่งเสียงเด็ดขาด

"เจ้ามีหน้าที่คุ้มครองท่านเซอิจิทั้งวันนี้…ถ้าเจ้าแยกจากท่านเซอิจิแม้แต่ก้าวเดียวล่ะก็….โทษวิ่งรอบสนามร้อยรอบรอเจ้าอยู่" ว่าแล้วโควตะก็หันหลังเดินจากไป แล้วซาไอก็ได้แต่หน้ามุ่ยเถียงไม่ออกอยู่ตรงนั้น สุดท้ายเซอิจิก็ต้องหว่านล้อมให้เธอเข้าไปอยู่ในที่ร่ม โดยหลอกล่อเธอให้ไปเล่นหมากรุกด้วย และแล้วสุดท้ายซาไอก็พ้นอาการหน้ามุ่ยไม่ได้อยู่ดีเมื่อเซอิจิโยนหมากเรือตัวที่สองของเธอลงในรางเก็บหมาก

"เออ…" เซอิจิหัวเราะแห้งๆ "ข้าขอโทษ…คือ….เจ้าย้อนตากลับก็ได้น่ะ…" แต่ซาไอมองเขาด้วยสายเขียวปั้ด!!!

"ปัง!!!" ซาไอตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด "หม่อมฉันไม่เล่นแล้ว!!!" เธอร้อง เดเอคิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ จิบน้ำชาอย่างใจเย็น ก่อนที่เอ่ย

"เด็กก็อย่างนี้แหละ…" เขาว่า "ไม่ต้องไปสนใจหรอกพะยะค่ะท่านเซอิจิ….เด็กน่ะ…ขี้แพ้ชวนตีเป็นธรรมดา…" มาโซยะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเดเอคิแอบพยักหน้า ปกติเขาอยู่ข้างเดียวกับซาไอ แต่คราวนี้เขาเห็นด้วยกับคนร่างยักษ์

ซาไอมองเดเอคิตาเขียว…เซอิจิก็แอบหัวเราะไปด้วย

"รุมกันแกล้งหม่อมฉัน" ซาไออุทธรณ์ แล้วมองหาพวก "มาโซยะ พูดอะไรบ้างสิ!!!"

"เออ…พูดเหรอ…ข้าเห็นด้วยน่ะ ท่านทำตัวเป็นเด็กจริงๆ!!!" ซาไอถอนใจอย่างหมดหวัง ขณะนั้นนารายะก็เดินเข้ามาพอดี

"นารายะ…มาคุอยู่รึเปล่า?" ซาไอถามนารายะที่เปิดกาน้ำชาเพื่อใส่ถุงชาลงไป

"ไปกับท่านโควตะขอรับ…." ซาไอหน้ามุ่ยพอได้ยินชื่อโควตะ

"แย่จริง!!" ซาไอร้อง "โควตะแย่ที่สุดเลย…จำไว้เลยน่ะสมัยก่อนใครลากเจ้ากลับวังเวลาเมาแอ๋…ไม่นึกถึงกันบ้างน่ะ คอยดูน่ะ…จบศึกเมื่อไรแช่งให้เป็นหวัดนอนซม ไปหานัตสึกิไม่ได้เลย!!! คอยดูสิ"


"ฮัดเช้ย!!! ฮัดเช้ย!!! ฮาด~เช้ย" เสียงจามรวดๆของโควตะทำเอามาคุหันมามองอย่างมึนงง

"เป็นหวัดหรือขอรับ?…" มาคุถามอย่างเป็นห่วง โควตะเกาจมูก

"ไม่เป็นไร…" เขาตอบ "สงสัยนัตสึกิจะพูดถึงข้า… เหอะๆๆๆ ต้องรีบทำศึกให้จบเร็วๆจะได้กลับไปหานัตสึกิจัง…" โควตะปาดน้ำลายแล้วทำท่าทางหื่นๆ ทำเอามาคุรีบถอยม้าออกไปห่างแม่ทัพโควตะที่ถูกปีศาจหื่นเข้าสิงชั่วขณะ!!!

"เรื่องนั้นข้าน้อยทราบขอรับ…" มาคุกล่าวอย่างนอบน้อม

"แต่ข้าน้อยว่าเราสนใจเหตุการณ์ปัจจุบันเสียจะดีกว่า เพราะทัพศัตรูกำลังยกเข้ามาแล้วขอรับ" ไม่พูดเปล่า มาคุชี้ไปยังกองพลที่กำลังเคลื่อนที่มา

ร่างราชินีมิโดริใส่ชุดขุนพลยิ่งเพิ่มความงามให้แก่พระนางยิ่งนัก ทหารถูกนำออกมาเพียงไม่กี่พันนาย โควตะเลิกคิดอย่างสงสัยเป็นกำลัง ไม่รู้ว่าพระนางมีอะไรดีถึงได้กล้าขนาดนี้

"ดูสิขอรับท่านโควตะ!!!" มาคุกล่าวอย่างตระหนก เมื่อทหารเพียงนับพันนั้นเป็นผู้หญิงเสียเกือบครึ่งหนึ่ง มิโดริที่ยืนอยู่บนรถศึกยื่นมือขึ้นบนท้องฟ้า แล้วท่องอะไรอยู่สักครู่ ก่อนที่จะรวบมือเข้าหาตัว ระหว่างนั้นเหล่านางกำนัลก็วางตุ๊กตาฟางจำนวนมากเรียงรายกันอยู่

"ท่านโควตะ…ท้องฟ้า!!!" เสียงม้าร้องดังกระหึ่มไปทั่วทั้งกองทัพ ฟ้าที่โปร่งเมื่อสักครู่ อยู่ดีๆก็เกิดเมฆดำเข้ามาและเกิดหมอกลงหนาทึบเสียงจนโควตะเริ่มหวั่นใจว่าศัตรูจะมาไม้ไหน!!!

"ยังกับไสยศาสตร์!!!" โควตะพึมพำ ไสยศาสตร์เป็นเวทย์มนต์เฉพาะ และเป็นวัฒนธรรมพื้นเพของแต่ละอาณาจักร แม้จะออกมาในรูปที่แตกต่างกัน แต่มีพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน

"ระวังตัวให้ดีน่ะ!!! จัดกระบวนทัพตั้งรับ….!!!" สิ้นคำสั่งของแม่ทัพใหญ่ เหล่าทหารก็แปรกระบวนทัพเป็นตั้งรับ มีการชนกันเล็กน้อยเนื่องจากหมอกลงทึบ สุดท้ายก็แปรเสร็จด้วยดี

"ทำยังไรดีขอรับท่านแม่ทัพ!!!"

"อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว…ดูท่าทีของศัตรูก่อน!!!" โควตะสั่งพลางเพ่งออกไปในสายหมอก ฉับพลันเสียงร้องอย่างแปลกใจจนถึงประหลาดใจก็ดังขึ้นทั่วทั้งกองทัพเมื่อแม่ทัพผู้สง่างามสวมเกราะดำและควบม้าดำเหยาะม้าเข้ามาในรัศมีของหมอก พร้อมด้วยทหารราบหลายหมื่นคนก็กรีฑาทัพเข้ามาด้วย โควตะมองอย่างงงงัน จำนวนทหารที่เห็นก่อนมีหมอกกับตอนนี้มันคนละเรื่องกันเลยด้วยซ้ำ!!! จำนวนทหารเกราะดำนั้นพอวัดดวงกับกองทัพกู้ชาติได้เลยทีเดียว!!!

โควตะตะลึงงันไปสักครู่ เมื่อตั้งสติได้ก็ควบม้าออกไปข้างหน้า

"ข้าโควตะแห่งนากิ ขอท้ารบกับเจ้า…มีนามอะไรจงแจ้งมา!!!" โควตะตะโกน แต่ไม่ได้ผล แม่ทัพในเกราะดำได้แต่เพียงอ้าปากคำรามอย่างน่ากลัวพร้อมกับม้าดำที่เขาขี่ก็พ่นลมออกมาเป็นควันรุนแรง!!!

"ท่านโควตะ…" มาคุควบม้าตามเข้าไปกระซิบ

"ข้าว่าเราถอยจะดีกว่า เพราะตามภูมิอากาศนั้นเราเสียเปรียบ…แล้วอีกอย่าง…."

"อีกอย่าง?"

"ข้าว่าพวกนี้มันไม่เหมือนคน….ยิ่งเจ้าม้านั้น…." มาคุชี้

"เจ้าคุโระของซาไอนั้นข้าคิดว่าดุ…และหายากแล้ว แต่เจ้าตัวนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าม้าทั่วไป…ท่านอาจจะว่าข้าขี้ขลาด…แต่การรบต้องรู้จักรุกและรับ…นี่คือความคิดเห็นของข้า…เราถอยเถอะ!!!"

"มาคุ…"

"ขอรับ!!!"

"รู้ไหม? เจ้าไม่บอกข้าก็จะทำ…ข้าก็ไม่อยากสู้กับพวกที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรอก เกิดมันเป็นไอ้อย่างนั้นขึ้นมาอ่ะน่ะ…"

"ไอ้อย่างนั้น?"

"ไสยศาสตร์ยังไงล่ะ!!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จะดีกว่า…แล้วอีกอย่างทหารพวกเราท่าทางมันจะคิดเหมือนข้าน่ะ…ดูสิ…" โควตะบุ้ยใบ้ไปข้างหลัง ให้เห็นทหารที่ยืนหงออยู่เพราะไม่รู้ว่าตัวเผชิญกับตัวอะไร…

"ท่านแม่ทัพใหญ่!!!" เอซะควบม้าขึ้นมาหาโควตะ

"พวกมัน…."

"แม่ทัพเอซะ…ในหมู่เรามีใครรู้ไสยศาสตร์บ้างไหม?"

"เท่าที่ข้ารู้…ไม่มีน่ะ…แต่นอกจากพวกเรา ข้าคิดว่าในหมู่ท่านเซอิจิคงจะมีใครรู้…"

"แม่ทัพโควตะ…" โทงาริควบม้าขึ้นมาบ้าง

"ท่านโทงาริ…พวกเรามีใครรู้ไสยเวทย์บ้าง!!!"

"ไม่มีหรอก…พวกเราไม่มีใครศึกษาศาสตร์มืดกัน!!!"

"ขออภัยขอรับที่ขัดจังหวะแต่ฝ่ายโน้น!!! มัน…" มาคุเอยพลางชี้ไปทางฝ่ายตรงข้าม…ฝูงทหารเกราะดำที่ยืนอยู่นั้นเริ่มเคลื่อนทัพเข้ามา

"ฮึ่ย!!!~ แย่ล่ะ!!!" โควตะอุทาน

"กระบวนทัพตั้งรับ!!!" โควตะชูทวนขึ้นเหนือหัว พลางกวัดแกว่งศาสตราวุธในมือเพื่อขู่ขวัญคู่ต่อสู้ แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวแต่อย่างใด…

"ฆ่ามันเลยพวกเรา…แค่มันใส่เกราะดำอย่าไปกลัว!!!!" โควตะสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ทำให้ทหารใต้บังคับบัญชาเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ในที่สุดกองทัพกู้ชาติและทหารเกราะดำก็เข้าปะทะอาวุธกัน โควตะแทงทวนเข้าใส่ทหารคนแรกฝ่ายศัตรูจนทะลุทรวงอก แต่เมื่อเขาดึงทวนออกร่างนั้นก็กลายเป็นตุ๊กตาฟาง!!!

"นั้นไง!!!" โควตะยิ้มมุมปาก

"มันเป็นฟาง!!!!" โควตะตะโกนก้อง "จัดการมันเลย…มันแค่ฟาง!!!" เหล่าทหารในบัญชามองไปยังศัตรูพร้อมกันในทันที และเริ่มฮึดสู้เพราะขืนตายเพราะฟางอับอายไปถึงไหนต่อไหน… การรับพุ่งยังอยู่โควตะควบม้าเข้าไปหาแม้ทัพบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว

"เคร้ง!!!" เสียงอาวุธปะทะกันของทั้งสอง โควตะยังคงฟาดอาวุธลงทั้งซ้ายและขวากระหน่ำใส่แม่ทัพเกราะดำ แม่ทัพเกราะดำนั้นก็สวนกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน แม่ทัพผู้นั้นหวดอาวุธลงมาใส่โควตะอย่างไม่มีการปราณีใดๆทั้งสิ้น โควตะเอนตัวรบแล้วโจมตีใส่สีข้างของฝ่ายศัตรู ทั้งคู่ผลัดกันรุกและรับไปเรื่อยๆอย่างไม่มีใครเป็นรองใคร…


ราชินีมิโดริมองดูการรบครั้งนี้อย่างไม่เป็นกังวลเท่าไรนัก…ทหารฟางที่เธอทำการปลุกเสกขึ้น แสดงให้เห็นว่าพระนางทุ่มสุดตัวเป็นครั้งสุดท้าย กองทัพกู้ชาติจะอยู่ร่วมโลกกับพระนางไม่ได้ การรบนั้นพระนางไม่ต้องบัญชาการแต่อย่างใด…พอยืนดูเสียงการรบราฆ่าฟันสักพักพระนางก็ให้สัญญาณทหารกลับสู่ราชวัง…


ในเขตพระราชวังนั้นราชินีมิโดริยังคงเร่งฝีเท้าด้วยความเร่งรีบ พระนางก้าวสู่พระราชฐานชั้นในอย่างรวดเร็ว บัดนี้เบื้องหน้าของพระนางคือบานประตูสีน้ำตาลบานใหญ่ที่ลงกลอนสลักเอาไว้อย่างดี แต่ก็ไม่อาจกั้นกลิ่นอันสะดุดจมูกได้… กลิ่นนั้นคือกลิ่นของสมุนไพรหลากหลายชนิดมาผสมรวมกัน พระนางทรงศึกษาไสยศาสตร์อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้

องค์ราชินีผลักบานประตูออกแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องที่มือสลัว พระนางก้าวขึ้นบันไดแล้วประทับลงบนบัลลังก์ เพื่อทรงรอคอยอะไรบางอย่าง…
และพระนางก็ทรงยืดตัวขึ้นมองลงไปยังนางกำนัลที่ก้าวเข้ามาใหม่

"ถวายบังคมราชินี…"

"มาไหม?…ชิวาโนะน่ะ" ทรงกล่าวสั้นๆ แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันในหมู่นางกำนัล หญิงผมแดงหน้าตาจิ้มลิ้มก้าวออกมาข้างหน้า

"ถวายบังคมราชินี…" หญิงที่ถูกเรียกว่าชิวาโนะเอ่ย มิโดริทรงยิ้มพลางเอ่ย

"เจ้าตกลงรับข้อเสนอของเรารึไม่? ชิวาโนะ" ทรงถาม หญิงสาวที่นามว่าชิวาโนะแค่นยิ้มอย่างเคียดแค้น

"เพค่ะ…ถึงตายหม่อมฉันก็ต้องฆ่ามันให้ได้…ซาไอมันฆ่าพี่สาวของหม่อมฉัน พี่โชวโกะ!!! ขอเพียงสามารถจัดการมันได้…องค์ราชินีจะทรงสั่งสิ่งใดหม่อมฉันก็ไม่ขัด!!!" หญิงสาวผู้นั้นคุกเข่าลง ใบหน้าแสดงถึงความแค้นที่มีต่อซาไอ!!!

"ฮึ…ข้าจะให้มันทรมานเสียยิ่งกว่าตายเสียอีก!!!" ราชินีกล่าว

"ไม่แค่มันที่ทรมานแทบตาย…ข้าจะให้คนที่ทำให้ข้าเสียทุกสิ่งไปและคนที่ทรยศข้าต้องเจ็บปวดด้วย!!!"


โควตะลากสังขารขึ้นจากกองศพขุนพลเกราะดำ มันไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน เวลาจะเอาชนะมันช่างกินแรงเขาเหลือเกิน ณ ตอนนี้ กองทัพกู้ชาติได้รับชัยชนะ เศษฟางกระจายเกลื่อนเต็มท้องสนามรบ เมฆหมอกที่ลงจัดเมื่อสักครู่ได้จางหายไปเรียบร้อยแล้ว
เหล่ากองทัพกู้ชาติช่วยพยุงเพื่อนทหารที่บาดเจ็บเพื่อกลับไปยังกองทัพ โควตะลุกขึ้นพลางดึงทวนออกจากกะโหลกศรีษะของมัน เกราะหมวกนั้นร่วงออกจากศรีษะ ปรากฏให้เห็นหน้าตาของขุนศึก

"ไอ้นี่เป็นศพเรอะ!!!" โควตะพึมพำขณะพินิจวิเคราะห์ดูซากมนุษย์ที่ดูเหมือนจะตายมาระยะหนึ่งแล้วก็นำมาทำให้แห้งพร้อมกับปลุกเสกเพื่อให้เป็นขุนพลที่ทรงพลนุภาพ

"มาคุ!!!" โควตะตะโกนเรียกมาคุ

"ขอรับ"

"เอาไอ้ศพนี้กลับไปด้วย เราคงต้องศึกษาข้าศึกกันหน่อยล่ะทีนี้!!!"


ถ้าเป็นในสมรภูมินั้น…เซอิจิคงได้ชื่อว่าวีรบุรุษเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เขาต้องทำสงครามรองรับอารมณ์ของซาไอนับสิบๆครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ เซอิจิไม่อยากขัดใจซาไอนักเพราะเขามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะได้อยู่กับซาไออีกไม่นาน…

"เสียงม้า…แม่ทัพโควตะคงกลับมาแล้วล่ะมั้ง" เซอิจิเงยหน้าขึ้นจากขนของเจ้าคุโระ ซาไอที่กำลังป้อนหญ้าให้เจ้าม้าก็ให้ความสนใจขึ้นมาบ้าง

"โควตะคงกลับมาแล้วจริงๆ" ซาไอกล่าวบ้างเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากับหูตัวเอง

"ไปเถอะเพค่ะท่านเซอิจิ…หม่อมฉันต้องพาพระองค์ไปรายงานกับโควตะด้วย…ไม่งั้นเขาต้องให้หม่อมฉันวิ่งรอบสนามแน่ๆเลย" เซอิจิหัวเราะในลำคอเบาๆ ขณะที่ซาไอวิ่งนำหน้าออกไป


ในยามเย็นที่นกกาบินกลับรัง กองทัพกลับมาด้วยอาการอิดโรย ซาไอรีบวิ่งเข้าไปหาโควตะแล้วถามสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น โควตะนั้นก็เหนื่อยมาก…เขาบอกว่าขอพักก่อนแล้วในวันรุ่งขึ้นจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนเซอิจินั้นตามมาในภายหลังนั้น โควตะก็กล่าวกับเขาว่ามีเรื่องด่วนอยากจะปรึกษาแล้วทั้งสองก็เดินเข้ามาในกระโจมด้วยกัน โควตะเริ่มเล่าเรื่องให้เซอิจิฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่มิโดริที่ยาดตราทัพเข้ามา การวางตุ๊กตาฟาง หมอกเมฆที่ลงจัดโดยไม่มีเหตุผล จนถึงทหารฟาง….

"ท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว…นั้นเป็นไสยศาสตร์ และราชินีมิโดริก็ชำนาญเสียด้วย…"

"พระองค์มีวิธีต่อกรกับมันไหม?" โควตะถาม

"มี!!!"

"จริงหรือ?"

"มีแน่แต่ข้าทำไม่ได้หรอก การใช้ไสยศาสตร์ต้องอาศัยการฝึกฝน…คนที่ใช้มันได้เท่าที่ข้ารู้ก็มีจิเคตะคนหนึ่งล่ะ!!!"

โควตะหลุบตาตาลง จิเคตะเจ้าของระบำล้างนรกน่ะหรือ?

"แล้วเขาจะช่วยเราหรือ?"

"ยาก…เพราะคนที่เขาต้องต่อสู้ด้วยคือราชินีมิโดริ จิเคตะไม่ยอมสู้ด้วยอยู่แล้ว แต่ข้าจะลองดู…"

"ขอบพระทัยพระองค์มาก…"

"ไม่เป็นไร…ว่าแต่ท่านจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซาไอฟังจริงๆหรือ?"

"ใช่…แต่ต้องให้ข้าพระองค์พักผ่อนเสียก่อน…เล่าทั้งอย่างนี้ข้าพระองค์ไม่ไหวหรอก…" โควตะยักไหล่

"ข้าคิดว่าท่านอย่าเล่าให้นางฟังเลย"

"อ้าว?…ทำไมล่ะ?"

"ข้าคิดว่าราชินีต้องหาทางล่อซาไอออกไปให้ได้แน่ๆ…เราอย่าไปเล่าอะไรที่ทำให้นางอยากออกรบเลย นางลงทุนใช้ไสยศาสตร์แสดงว่านางทุ่มสุดตัวแล้ว…ท่านทราบหรือไม่ว่าไสยศาสตร์เมื่อใช้จะทำให้อายุสั้นลง สังขารร่วงโรย" เซอิจิอธิบาย

"งั้นแสดงว่า…ซาไอมีอันตราย!!!"

"ถูกต้องแล้ว อย่าให้นางออกนอกค่ายเป็นดี…อย่าให้เตะต้องอาวุธเลยยิ่งดีใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ข้าจะดูแลนางเอง"

"อือ…" โควตะรับคำ "เอาอย่างนั้นก็ได้พะยะค่ะ…ถวายบังคมลา" โควตะก้าวออกมานอกกระโจมแล้วค่อมหลังถวายความเคารพให้เซอิจิ เซอิจิก้มหัวรับก่อนที่จะเดินจากมา กษัตริย์หนุ่มตรงไปยังคุกทันที เดเอคินั้นนั่งอยู่นอกคุก กำลังนั่งคุยอยู่กับผู้ต้องขัง ลุกขึ้นถวายความเคารพกษัตริย์ทันที

"มีอะไรหรือพะยะค่ะ?" จิเคตะทักทายเซอิจิด้วยทีท่าสบายๆ พลางคาบฟางเอาไว้ในปาก เซอิจิเดินเข้ามาหาเขาในคุกอย่างรวดเร็ว และไม่ร้องรำทำเพลงใดๆ เซอิจิก็เอ่ยความในใจของตนทันที

"จิเคตะ…ข้าใจไม่ดีเลย" กษัตริย์คร่ำครวญ "วันนี้เสด็จแม่ใช้ไสยศาสตร์…นางต้องการฆ่าซาไอ…จิเคตะเจ้าจะช่วยข้าได้ไหม?" จิเคตะเลิกคิ้ว

"ข้าพระองค์ช่วยแน่พะยะค่ะ…ช่วยพระองค์แน่ ตามแต่บัญชา…แต่ข้าพระองค์จะหลีกเลี่ยงการสู้กับราชินี!!!" จิเคตะตอบ

"งั้นดี!!! ช่วยข้าหน่อย…บอกซิ ซาไอมีอันตรายอะไรหรือเปล่า?" เซอิจิกล่าวอย่างร้อนใจ จิเคตะแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า ดาวจิ้งจอกขาวยังโคจรเจิดจรัสปกติ...

"ตอนนี้ไม่…" จิเคตะกล่าว "พระองค์ทรงร้อนใจไปหรือเปล่า?…ไม่ใช่พะยะค่ะ…ไม่ได้ว่าพระองค์ เพียงแต่ทรงป้องกันให้ดีที่สุด…นั้นคือสิ่งที่พระองค์ทำได้…เพราะหม่อมฉันก็เดาไม่ออกว่าราชินีจะทรงทำเช่นไร?
ทางที่ดีอย่าให้แม่หญิงของท่านคลาดสายตาท่านไปแม้แต่นิดเดียว…นั้นคือสิ่งทำพระองค์และพวกเราทำได้" จิเคตะกล่าว เซอิจิมองจิเคตะอย่างตื้นตันใจและเป็นกังวล

"ขอบใจเจ้ามาก…" กษัตริย์หนุ่มพูดอย่างจริงใจ ตอนนี้ทรงรู้สึกว่ามีอะไรมาจุกที่ลำคอ "ข้าจะดูแลนางเอง…" เซอิจิก้มหัวเล็กน้อยเป็นเชิงคาราวะอดีตอาจารย์ แล้วเดินออกจากที่กักขัง

"แม่หนูน้อยนั้นโชคดีจริงๆ…" เดเอคิกล่าวเมื่อเห็นเซอิจิเดินออกไปลับตา

"หือม์…" จิเคตะทำเสียงในลำคอ พลางหันมามองเดเอคิ

"ราชาเซอิจิรักนางมาก…ข้ารู้…แต่ไม่ทรงชำนาญในการแสดงมันออกมาเท่านั้นเอง"

"ฮึๆ…" จิเคตะหัวเราะในลำคอ "นางก็รักพระองค์ แต่ชอบแปรความรู้สึกนั้นให้ผิดเพี้ยนไปเช่นกัน…" ชายผมแดงพูดจบก็แหงนหน้าดูเหตุการณ์บนท้องฟ้าต่อไป…

"จะทรงนอนเฝ้าอยู่หน้ากระโจมหม่อมฉันหรือเพค่ะ?!!! " ซาไอร้องอย่างแปลกใจปนตกใจ เมื่อโควตะบอกว่าเซอิจิจะมาเฝ้าเธอในคืนนี้

"ไม่ได้นอน…แต่ข้าจะยืนเฝ้าเจ้าต่างหาก" เซอิจิแก้ "ท่านโควตะถ้าเป็นไปได้ ช่วยจัดเวรยามให้แน่นหนากว่าเดิมด้วยน่ะ…เพราะไสยศาสตร์มาได้ทุกหนทุกแหน่ง เราคาดการณ์ไม่ได้หรอก!!!" ซาไอขมวดคิ้ว เธอไม่เคยเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เธอทำทุกสิ่งที่มีเหตุผลเท่านั้น เรื่องเวทย์มนต์คาถาเธอเชื่อว่ามีแต่เทพเท่านั้นที่ทำได้… แล้วมิโดริก็ไม่ใช่เทพนี่นา!!! เธอจะไปกลัวทำไม?

"ทำยังกับจะมีการลักพาตัวข้าอย่างนั้นแหละ!!!" ซาไอบ่นพึมพำ

"ซาไออย่ารั้นได้ไหม!!!" โควตะดุ "ก็ข้า…." ซาไอทำท่าจะเถียง

"ซาไอ…" เซอิจิหันมาคุยกับเธอ "ถ้าข้าบอกว่ามันไม่ได้เป็นไสยศาสตร์ แต่บอกเจ้าว่าราชินีมิโดริมีฝูงเสือที่คืนนี้จะเอามาบุกกระโจมเจ้า เจ้าจะฟังไหม?" เขาว่า ซาไอจ้องตาของเซอิจิอย่างไม่พอใจ

"หลอกเด็กน่ะสิเพค่ะ…หม่อมฉันเป็นแม่ทัพน่ะเพค่ะ…ผ่านสนามรบมามากพอที่จะฆ่าเสือทั้งฝูง!!!" ซาไอเถียง

"แล้วถ้าเสือเป็นที่แทงฟันไม่เข้าเจ้าจะทำยังไง หึ?" เซอิจิถามต่อ

"พระองค์กำลังวกเข้าสู้ไสยศาสตร์อีกแล้ว!!!" ซาไอตอบ เซอิจิถอนใจ

"เอาเถอะๆ!!!" โควตะตัดบท "เอาเป็นว่าห้ามก้าวออกจากกระโจมแม้แต่ก้าวเดียว ไม่อย่างนั้นถือว่าเจ้าผิดวินัยทหาร!!!"

"ได้!!!" ซาไอรับคำห้วนๆอย่างไม่พอใจ "ข้าจะไม่ออกจากกระโจมตราบใดที่ข้ายังมีสติอยู่ ตกลงไหม?" ว่าแล้วเธอก็เดินเข้าไปในกระโจม แล้วดึงผ้าลงแล้วโผล่ออกมาแต่ศรีษะ

"โควตะคนใจร้าย!!!" ซาไอว่าแล้วดึงฝ้าปิดศรีษะพลางก้าวหายไปทันที

"เฮ้อ…" โควตะถอนใจ "ยายตัวแสบเอ๋ย!" เขาบ่น เซอิจิหันกลับมามองโควตะ

"ซาไอนี่…นางไม่เชื่อไสยศาสตร์หรือ?" กษัตริย์หนุ่มถาม โควตะพยักหน้า

"ไม่เลยพะยะค่ะ…ถึงชื่อว่าเป็นแม่ทัพอัจฉริยะ แต่ถ้าพูดถึงไสยศาสตร์นางไม่ฟังหรอก…จะว่าไปนางเป็นพวกต่อต้านเรื่องประเภท…ว่าแต่จะทรงถามไปทำไม?"

"……" "ไม่มีอะไรหรอก…" เซอิจิตอบ "คิดว่าเรื่องของนางข้าควรรู้เท่านั้นเอง!!!" การสนทนาจบลงแต่เพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ไม่มีใครรู้เลยว่า ชะตากรรมอันน่าหวาดกลัวที่จะเกิดกับแม่ทัพหญิงนั้นใกล้เข้ามาทุกที…


ลานกว้างที่ถูกตระเตรียมด้วยเครื่องเซ่นต่างๆ ในพระราชวังนากินั้นไม่มีใครทราบเลยว่าพระราชินีมิโดริกำลังจะทำอะไรอยู่… มีเพียงเหล่านางกำนัลเท่านั้นที่ทราบ

บนพื้นกว้างนั้นถูกตราด้วยรูปดาวแปดแฉก พร้อมด้วยธงตราสัญลักษณ์แปลกประหลาดต่างๆเอาไว้ทั้งแปดทิศ ในสัญลักษณ์ดาวแปดแฉกนั้นยังมีโต๊ะใหญ่ตั้งเอาไว้ตรงกลาง บนโต๊ะมีภาพวาดของจิ้งจอกแล้วลงสีขาว ไม่เพียงเท่านั้นบนโต๊ะยังเต็มไปด้วยเข็มและมีดปลายแหลม ยังมีกริชสั้นๆหลายอันด้วย…

ราชินีมิโดริก้าวเข้ามาในวงกลมดาวแปดแฉก พระนางทรงก้มศรีษะไหว้ดวงดาวยามค่ำคืน พระจันทร์คืนนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวดวงแต่หากจะมีเพียงเศษเสี้ยวนั้นก็มีพลังล้นเหลือในพิธีนี้!!!

ราชินีมิโดริหยิบภาพวาดจิ้งจอกขึ้นและชูมันขึ้นไปบนท้องฟ้า พลางหยิบเข็มเล่มแรกขึ้นมา พลางปักมันไปบนลำตัวของจิ้งจอกขาว!!!

*แปล๊บ!!!* ซาไอที่เกือบจะหลับไปแล้วสะดุ้งขึ้นพร้อมกับกุมท้องน้อยอย่างเจ็บปวด

องค์ราชินีมิโดริสวดคาถาพึมพำพลางแทงเข็มเล่มที่สองลงบนอกของจิ้งจอกในภาพวาด

"โอ๊ย!!!" ซาไอร้อง…และงอตัวบิดไปมา มือทั้งสองข้างกำชุดที่ใส่ไว้แน่น….

ราชินีมิโดริยิ้มเมื่อมองภาพวาดจิ้งจอกที่มีสีแดงจางๆนองรอบรอยเข็มปักทั้งสอง พลางเม้มปากและเริ่มท่องคาถาบทที่ 3 พลางทิ่มเข็มเล่มสุดท้ายลงไปบนหัวของจิ้งจอกภาพวาด!!!

เซอิจิและเหล่าทหารยามสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องในกระโจม หญิงรับใช้ประจำตัวซาไอกรูเข้ามา

"ท่านซาไอ!!! ท่านซาไอค่ะ เป็นอะไรไปค่ะ?"

"ทำใจดีๆเอาไว้น่ะค่ะ…ใครก็ได้!!!"

"เกิดอะไรขึ้น?" เซอิจิที่ก้าวเข้ามาในกระโจมถาม หญิงรับใช้ชะงักไปชั่วครู่!!

"ท่านซาไอ…." พวกเธอชี้มาที่ซาไอที่กำลังกุมศรีษะเพราะปวดหัวรุนแรง เซอิจิรีบเข้าไปประคองหญิงสาวขึ้นมาในอ้อมแขน!!!

"ซาไอ!!!…เป็นอะไรไป?" เซอิจิถามพลางวางมือทาบบนหน้าผาก "ตัวก็ไม่ร้อน!!!"

"ป…ปวด….หัว" หญิงสาวตอบด้วยเสียงสั่นเครือ

"ป…ปวดหัวใจด้วย….ป…ปวดท้องด้วย" เธอพยายามพูดเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดนั้น…แต่ไม่มีผล ความเจ็บปวดยังทวีความรุนแรงขึ้น จนหยาดน้ำตาใสเริ่มไหลรินออกจากดวงตาหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ

"โธ่เอ๊ย!!!" เซอิจิกอดหญิงสาวเอาไว้แนบอก "ใครก็ได้ไปพาจิเคตะมาที!!! บอกว่าเป็นคำสั่งข้า!!!" เสียงบัญชาของกษัตริย์หนุ่มสั่งไปยัง ทหารยามที่ยืนสลอนอยู่ข้างนอก เหล่าทหารยืนเกี่ยงกันสักพักสุดท้ายก็มีทหารวิ่งออกไปคนหนึ่ง เขาวิ่งไปยังคุกที่เดเอคินั่งอยู่ข้างหน้าพอดี ทหารนายนั้นชะงัก…

"มีอะไร?" เดเอคิถามอย่างขบขันเมื่อเห็นทหารคนนั้นตัวสั่นงันงกเมื่อเห็นตน

"ท่านซาไอ…." ทหารผู้นั้นตอบด้วยเสียงเครือๆ "ท่านซาไอเป็นอะไรก็ไม่รู้…ท่านเซอิจิบอกว่าให้มาพาจิเคตะไปด่วน…" พูดยังไม่จบประโยคดีโควตะที่ใส่เสื้อนอกแต่เพียงหลวมๆก็วิ่งเข้ามาที่คุก พลางชี้ให้พัสดีเปิดคุกพาจิเคตะออกมาด่วน!

"อะไรเล่า?…จู่ๆจะมาลากกันเลยรึยังไง?" จิเคตะ คาบหญ้าออกจากปาก พลางมองตรวนที่ถูกถอดออกอย่างไม่นึกไม่ฝัน…

"อย่าพูดมาก ตามมาก็แล้วกัน!!!" โควตะพูดเชิงสั่ง

"หนอย!!! ถ้าไม่ใช่คำสั่งท่านเซอิจิอย่าคิดว่าข้าจะลุกขึ้นเลย…เดี๊ยะ!!! ได้เจอระบำล้างนรกแน่" จิเคตะขบฟัน แต่โควตะหันกลับมามองอย่างไม่ยี่หระ

"เป็นระบำล้างส้วมแน่! ถ้าซาไอเป็นอะไรล่ะก็!!!"

"เอ๊ะ! ไอ้นี่ วอนชีวิตแล้ว!!!" จิเคตะชักยัวะ

"เถียงอะไรกันอยู่อีก จิเคตะ!!!" เซอิจิออกมายืนอยู่ข้างหน้ากองคุมนักโทษ เขาปราดเข้าไปพลางขอกุญแจจากพัสดีและลงมือไขกุญแจของจิเคตะ

"ซาไอเป็นอะไรไม่รู้!!!" เซอิจิพยายามกลบความกังวลแต่ไม่เป็นผล น้ำเสียงเขาบอกว่าเขากลัวอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น

"ข้าเกรงว่าจะเป็นฝีมือเสด็จแม่…ไปเถอะ" เซอิจิเดินนำไปโดยมีจิเคตะเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

ในกระโจมของซาไอนั้น เหล่าหญิงรับใช้กำลังพักหวีแม่ทัพอยู่ ซาไอตอนนี้นัยตาแดงกล่ำ…ยังปวดบริเวณทั้งสามอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่สำคัญเท่ากับมีสัญลักษณ์ประหลาดปรากฏที่หน้าผากของเธอ

"นี่มัน!!!" จิเคตะส่งเสียงออกมาอย่างตื่นตระหนก เขาไม่ตกใจมานานแล้วตั้งแต่ซูคังแตก แต่ครั้งนี้มันเหนือกว่าทุกครั้ง!!! ราชินีมิโดริจ้องจะจัดการซาไอให้ได้แม้ตนจะตายก็ตาม…

"คุโรเคียว…" เสียงกระซิบออกจากปากจิเคตะ แล้วก็ทรุดตัวลงกับพื้น "ซาไอของท่าน…ท่าจะไม่รอดแล้ว…ท่านเซอิจิ" จิเคตะหัวเราะแบบคนเสียสติ

"คุโรเคียว…โชคร้ายแห่งรัตติกาล?" เซอิจิเอ่ยเป็นเชิงถาม จิเคตะพยักหน้า ทันใด!!!เซอิจิก็ปราดเข้าจับคอเสื้อของชายผมแดง นัยตาแดงกล่ำแสดงถึงจิตที่แตกย่อยยับไปเรียบร้อยแล้ว!!!

"คุโรเคียว….วิชาแลกชีวิตน่ะหรือ? วิชาบังคับจิตคนโดยไม่เหมือนวิชาไสยศาสตร์ทั่วไป…ใช้พลังจากชีวิตของผู้ใช้วิชา บังคับเหยื่อโดยไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนเหยื่อเหมือนวิชาทั่วไป…" เซอิจิพูดเหมือนท่องจากตำรา นัยตาของเขาเอ่อท้นด้วยความเจ็บปวด

"ใช่ไหม? !!! อย่าโกหกข้าน่ะ…จิเคตะ!!!"

"มิกล้า…" เซอิจิปล่อยมือออกจากคอเสื้อของจิเคตะช้าๆ แล้วเข้าโอบกอดซาไอพลางจูบหน้าผากเธออย่างไม่ใส่ใจสายตาคนรอบข้าง

"ไม่ต้องห่วง…ข้าจะดูแลเจ้าเอง…" ซาไอมองเซอิจิอย่างมึนงง เกิดอะไรขึ้น? คุโรเคียว? อะไรกัน?

"อะไรกัน?…ทำไม? เราไปบุกมิโดริซะก็สิ้นเรื่อง!!!" ซาไอพูดอย่างวู่วาม โควตะยังอึ้งในคำพูดของหญิงสาว เธอเหมือนถูกอะไรดลใจอยู่…

"รู้รึเปล่า? ว่าเจ้าพูดอะไรออกมา ซาไอ!!!" โควตะตวาด "คิดให้ดีสิ!!! ปกติเจ้าไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่หรือ?"

"มิโดริฆ่าข้าไม่ได้ถ้าไม่เอามีดมาแทงข้าด้วยตัวเอง!!!" ซาไอว่า "ข้าช่วยตัวเองได้ ไปเอาม้ามาข้าจะไปบุกเอง…" ว่าแล้วเธอก็ก้าวขึ้นจากเตียง พยายามจะออกนอกกระโจม แต่เซอิจิกอดตัวเธอไว้แน่น!!!

"ปล่อยข้าน่ะ!!!" เธอกรีดร้อง พลางดิ้นเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ไม่เป็นผลเซอิจิยังคงจับตัวเธอเอาไว้ สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป

"บอกให้ปล่อยไงเล่า!!!" หญิงสาวคำรามพลางใช้ศิลปะต่อสู้ที่เธอมีดีดมือเขาใส่ปลายคางกษัตริย์หนุ่มอย่างรุนแรง

"อุ๊ก!!!" เซอิจิสบถในลำคอ พลางจับมือของหญิงสาวเอาไว้ โควตะปราดเข้าไปจับด้วยอีกแรง

"ไปเอาเชือกมา!!!" โควตะสั่ง "ต่อให้ต้องมัดเจ้าเราก็ต้องทำ"


ตอนนี้ราชันนินจา มาโซยุราโอะกำลังวิ่งเร็วปานสายลมเพื่อตรงเข้าสู้พระราชวังนากิ เพื่อสังหารมิโดริให้ได้ หลังจากที่ได้เห็นสภาพของซาไอ….เขาทนไม่ได้ที่ปล่อยให้เจ้านายเป็นอย่างนั้น แต่ทางราชวังนากิก็มิได้นิ่งเฉย

ราชินีทรงโปรยผงสีขาวลงบนแผนที่จำลองของค่ายกองทัพกู้ชาติ

"ขอนิทราจงมาในคราบราตรี!!!"

เธอกล่าว….ไม่นานหรอกทหารในค่ายคงหลับกันหมด…

พระนางทรงหันหลับมามองภาพวาดจิ้งจอกอย่างโกรธแค้น

"เราปันพลังชีวิตแก่เจ้า…

ขอเจ้าจงเดินตามเราสั่งการ!!!" พระนางสั่งพลางใช้แทงไม้แหลมแทงลงบนหน้าผากจิ้งจอก!!!

"อึ๊ก!!!" เสียงของซาไอที่สะดุ้งขึ้นเบาๆ หากใครจะสังเกตเห็นบัดนี้ตาของเธอไม่มีแววแล้ว…มันมองดูเลือนลอยอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปหลายชั่วโมง จิเคตะถูกนำไปกักขังไว้ที่เดิม เซอิจิยังคงเฝ้าซาไออยู่ โควตะก็ฟุ่บโต๊ะหลับไปแล้ว เซอิจิไม่ได้สังเกตเลยว่าทหารส่วนใหญ่ในค่ายหลับกันไปหมดแล้ว เซอิจิก็นั่งสะลึมสะลืออยู่บนเก้าอี้ได้สักพัก ภาพของซาไอเลือนลางเหลือเกิน…และแล้วก็ไม่ทรงสามารถฝืนสังขารตนได้ ร่างกายอ่อนเพลียและฟุ่บโต๊ะไปในที่สุด!!!

ซาไอลุกขึ้นจากเตียง เชือกที่พันตัวหลุดไปโดยปริยาย เธอเดินช้าๆอย่างเลือนลอยตรงไปยังคอกม้า…พลางขึ้นม้าตัวที่จับได้ คุโระร้องอย่างแปลกใจที่ไม่ได้ขี่มัน มองนายสาวขี่ม้าตัวอื่นไปช้าๆอย่างเลือนลอยไปด้วยความแปลกใจ…

มิโดริกำลังดำเนินการของตนต่อไปอย่างไม่ลดละ พระนางทรงกรีดลำแขนนวลผ่องด้วยกริชจนหยาดเลือดหยดลงพื้นพิธี

"เรามอบเลือดแก่เจ้า…"

"ขอประกายดาวที่ต้องตาเราจงตกลงมา…" กล่าวเสร็จพระนางก็แทงลงบนแผ่นไม้แผ่นหนึ่งและชูกริชตรงเข้าหาดาวดวงหนึ่งหนึ่งที่เจิดจรัสอยู่บนฟากฟ้า ฉับพลัน! ดาวดวงนั้นก็ดับแสงและเริ่มโคจรผิดทิศ

"ฮึๆ…" ทรงหัวร่อในลำคอ ใบหน้าของราชินีแก่ไปถนัดตาแต่ก็ยังคงความงามเอาไว้ได้…

"สั่งทหารสักห้าร้อยคนเตรียมยกทัพตามข้ามา…" พระนางทรงสั่งพลางแย้มยิ้มอย่างสาในใจ

"ไม่น่ะ!!!" จิเคตะร้องอย่างตื่นตระหนก ขณะที่เขากำลังหมุนเครื่องลางในมือ ที่นานๆจะเอาขึ้นมาสักที ก็บังเกิดบางอย่างที่เขาไม่คาดคิด ดาวดวงน้อยที่นามจิ้งจอกขาวดับแสงและแบนผิดทิศ!!! จิเคตะหันรี่หันขวาง โชคดีที่เขาถูกขังไว้เฉยๆ ไม่ได้ถูกใส่ตรวนเพื่อสะดวกต่อการนำตัวออกมาหากซาไอเป็นอะไร…เซอิจิก็ทำอะไรไม่ได้เสียด้วย เพราะเป็นวินัยทหาร

"เดเอคิ!!! โว้ย! ไอ้อ้วน ไอ้หมีควาย ตื่นสิว่ะ!!! แม่หญิงของท่านเซอิจิแย่แล้ว!!!" จิเคตะตะคอกใส่เดเอคิที่หลับเป็นตายอยู่หน้าคุก

"เฮ้ย!!! มนต์นิทรานี่หว่า? โธ่เอ๊ย!!! ท่านเซอิจิๆ แม่หญิงของพระองค์ถึงคราวดับล่ะทีนี้!!!" จิเคตะเต้นหย็องแหย็งอยู่ในคุก พลางก้มเอาทั้งหินทั้งก้อนดินปาใส่คนร่างยักษ์

"ตื่น!!!!! อ๊ากกกกกก ไอ้หมีควายยยย ตื่นโว้ย!!!!" จิเคตะตวาดอย่างรุนแรง พลางคว้าท่อนไม้ท่อนใหญ่เตรียมขว้างออกไป แต่ก็มีลูกธนูวิ่งเข้าปักที่ท่อนไม้

"ใคร?"

"ชิ…คนป่าเถื่อน" ร่างบางผิวขาวย่างออกจากพุ่มไม้

"โทะโดะ?"

"ใช่ข้าเอง…จิเคตะเจ้าคนป่าเถื่อน…เจ้านี่ช่าง…." แต่ก่อนหญิงสาวจะพูดจบจิเคตะก็ปรบมือยกใหญ่

"เจ้ามาก็ดี…ปลุกไอ้หมีควายนั้นหน่อย…ให้มันมาเปิดประตูคุกให้ข้าที เร็วๆ!!!"

"…." โทะโดะมองจิเคตะอย่างแปลกใจ "ได้ข้าจะปลุก…แต่เจ้าต้องหันไปทางอื่นก่อน…"

"โธ่เอ๊ย!!!" จิเคตะตบหน้าผาก "ช่างเถอะ!!! จะปลุกก็รีบปลุกเหอะเจ๊….เร็วๆหน่อยแล้วกัน จะปลุกยังไงก็ได้!!!" คนผมแดงเต้นเร่าๆ

"…." หญิงสาวหน้าแดง พลางหันหน้าไปหาชายร่างยักษ์แล้วนาบริมฝีปากให้อย่างแผ่วเบา

"หว๋า!!!" จิเคตะร้อง "ปลุกอย่างนี้ก็ไม่บอก!!!"

"ตื่นเถอะค่ะ..นายท่าน" โทะโดะกระซิบที่หูเดเอคิอย่างอ่อนโยน "โทะโดะอยู่นี่ค่ะ…."

หากท่านคิดว่านิยายเรื่องนี้มีความแต่ความจริงนั้น…..ผิดไปแล้ว อภินิหารเกิดขึ้นได้เสมอ เดเอคิค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ

"หาว…" เดเอคิอ้าปากหาวหวอดๆ "แจ๊บๆ มีอะไรเรอะ?…อ้อ…โทะโดะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เดเอคิกล่าวอย่างแปลกใจ

"ไอ้หมีควาย!!!…มาเปิดประตูคุกให้ข้าทีเถอะ เร็ว!!! ท่านหญิงของท่านเซอิจิมีอันตรายถึงตายเชียว!!!"

"…!…." เดเอคิลืมตาโพล่งอย่างตกใจ แล้วลุกขึ้นฟาดไม้ที่ทำเป็นกรงพันธนาการหักกระจาย!!!

"ไปเถอะ!!!" ชายร่างยักษ์เอ่ยอย่างรีบเร่งแทน "ถ้าแม่หนูนั้นตาย เราคงมีแต่ร่างของท่านเซอิจิกลับซูคัง"

"ไม่ต้องบอกข้าก็รู้!!!" จิเคตะเอ่ยแล้วทั้งสามก็วิ่งอย่างรวดเร็วไปยังกระโจมแม่ทัพหญิง...

จิเคตะเลิกผ้า แล้วก็พบเชือกที่หลุดกองอยู่กับพื้นกับคนที่หลับอยู่ทั้งนอกและในกระโจม จิเคตะไม่รอช้าเขารีบปราดเข้าไปปลุกเซอิจิทันที

"ท่านเซอิจิพะยะค่ะ รีบตื่นเร็วพะยะค่ะ ซาไอหายตัวไป!!!"

*ไม่ตื่น!!! *

"ตื่นพะยะค่ะ!!! ซาไอหายไปแล้ว!!!"

*ไม่ตื่น!!! *

"ฮึ่ม! ไม่ตื่น ทำยังไงดีล่ะ!!!" จิเคตะสบถ จู่ๆทั้งสามคนก็มองหน้ากัน

"รึว่าต้องจูบ…." ทั้งสามโพล่งขึ้นพร้อมกัน

"ไม่ใช่ข้าน่ะ…ข้ายอมจูบแต่ท่านเดเอคิคนเดียว…" โทะโดะออกตัว

"เฮอะ…ข้าก็ยอมจูบแต่โทะโดะคนเดียวเหมือนกัน!!!" เดเอคิกล่าว แล้วทั้งสองก็มองไปที่จิเคตะอย่างมุ่งหวัง

"จูบ…ข้าเนี่ยน่ะ!!!" จิเคตะว่า อีกสองคนพยักหน้าพร้อมกัน

"เอาว่ะ…เพื่อเจ้านาย…" จิเคตะส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อทำใจ "เกิดมาก็เพิ่งเคยจูบผู้ชายด้วยกันคราวนี้แหละ…" ว่าแล้วจิเคตะก็บีบจมูกแล้วแนบปากไปที่แก้มของเซอิจิอย่างรวดเร็ว แล้วขึ้นมาเช็ดปากกับแขนเสื้อยกใหญ่

"ท่านเซอิจิ…ซาไอหายไป!!!" จิเคตะกระซิบ แล้วเขาก็รีบกระโดดหลบเมื่อเซอิจิกระโดดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ซาไอหายไป!!!???" เซอิจิถาม

"ใช่พะยะค่ะ!!!" จิเคตะรับ

"งั้นไปตามนางกัน!!! รู้ไหม?ว่านางจะไปไหน!!!…"

"น่าจะไปที่เมืองหลวง!!!"

"ดีงั้นไปกันเลยเอาคนอื่นไปด้วย ท่านโควตะ!!!" เซอิจิสะกิดโควตะที่ฟุ่บโต๊ะอยู่

"คงยากพะยะค่ะ…" จิเคตะว่า "เพราะต้องปลุกโดยการ 'จูบ' " เซอิจิผงะพลางทำหน้าเบ้

"งั้นไปกันแค่นี้ก็ได้…จิเคตะ เดเอคิ แล้วก็เออ…." เซอิจิทำท่างงๆเมื่อเห็นโทะโดะ

"นี่…โทะโดะ คนสนิทและก็เป็นภรรยา ข้าพระองค์ด้วยพะยะค่ะ" เดเอคิแนะนำ

"อ้อ…ฮูหยินของเดเอคิ…." เซอิจิยิ้มให้ภรรยาผู้ใต้บังคับบัญชา "ไปกันเถอะ!!!" แล้วทั้งสามก็วิ่งออกไปยังคอกม้า

"คุโระ!!!" เซอิจิอุทานเมื่อเห็นคุโระพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่ผู้บังเหียน

"ซาไอไม่ได้เอาเจ้าไปเรอะ!!!" เจ้าม้าพ่นลมจากจมูก ….แล้วไม่เห็นเรอะ!!!….ว่าข้ายังอยู่นี่…ถามมาได้ไม่ได้คิดเล้ย!!!….

"เอาล่ะขอโทษที…" เซอิจิยิ้มเครียดๆ "ซาไอไปไหน? เจ้ารู้ใช่ไหม?" เจ้าม้าพยักหน้า "งั้นดี!!! พาข้าไปหน่อย…ซาไอกำลังมีอันตราย!!!"

สิ้นคำม้า 3 ตัวควบออกไปสุดฝีเท้าในยามค่ำคืน เพื่อตามซาไอให้ทัน!!!